ส่วนไหน ร้อนมาก ก็โดนดูดน้ำขึ้นไปในชั้นบรรยากาศมาก ส้วนไหนร้อนน้อยก็โดนดูดไปในบรรยากาศน้อย
ส่วนที่เย็น ก็จะไม่มีเมฆ แดด ก็จะแผดเผามากกว่า ส่วนที่มีเมฆ
ในเมือง ร้อนขึ้นจริง แต่ ไม่ได้ร้อนเพราะโลกร้อนขึ้น แต่เพราะ ไม่มีส่วนที่ดูดซับพลังงานความร้อนจากดวงอาทิตย์
มวลน้ำในโลกใบนี้ มีมวลเท่าเดิม ถ้าไม่อยู่บนพื้นโลก ใต้ดิน ก็อยู่ในอากาศ
โลกร้อนขึ้น ก็เผาโลกมากขึ้น ดูดน้ำเป็นไอมากขึ้นกลายเป็นเมฆ เมฆมากขึ้นก็ทำให้แสงแดดผ่านเข้ามาในแผ่นดินน้อยลงโลกก็เย็นลง
การที่โลกมีเมฆมากขึ้น จะทำให้ฝนตกมากขึ้น ฝนตกมากขึ้น จะทำให้โลกเย็นลง
iceberg ละลาย ทำให้น้ำทะเลสูงขึ้นปีละ 3 มม. แต่ 60-70 ปี ผ่านมา รุ่นปู่ รุ่นย่าเรา เที่ยวบางแสน ไม่เห็นน้ำทะเลจะท่วมบางแสนสักที
น้ำทะเลท่วมตลิ่ง เพราะ ดินทรุด แต่ ไม่ใช้เพราะ น้ำทะเลสูงขึ้น
โลกกำเนิดกจากการเป็นดวงไฟ และ เย็นลงมาตลอด และ ทุกวันนี้ แกนโลกก็เย็นลงทุกวัน
ความร้อน เป็น พลังงาน สามารถแปรเปลี่ยน และ นำมาใช้ได้ แต่ ความเย็น ไม่ใช่พลังงาน
"โลกนี้ร้อนขึ้นจริงหรือ" ผมผิดตรงไหนบ้างครับ
ส่วนที่เย็น ก็จะไม่มีเมฆ แดด ก็จะแผดเผามากกว่า ส่วนที่มีเมฆ
ในเมือง ร้อนขึ้นจริง แต่ ไม่ได้ร้อนเพราะโลกร้อนขึ้น แต่เพราะ ไม่มีส่วนที่ดูดซับพลังงานความร้อนจากดวงอาทิตย์
มวลน้ำในโลกใบนี้ มีมวลเท่าเดิม ถ้าไม่อยู่บนพื้นโลก ใต้ดิน ก็อยู่ในอากาศ
โลกร้อนขึ้น ก็เผาโลกมากขึ้น ดูดน้ำเป็นไอมากขึ้นกลายเป็นเมฆ เมฆมากขึ้นก็ทำให้แสงแดดผ่านเข้ามาในแผ่นดินน้อยลงโลกก็เย็นลง
การที่โลกมีเมฆมากขึ้น จะทำให้ฝนตกมากขึ้น ฝนตกมากขึ้น จะทำให้โลกเย็นลง
iceberg ละลาย ทำให้น้ำทะเลสูงขึ้นปีละ 3 มม. แต่ 60-70 ปี ผ่านมา รุ่นปู่ รุ่นย่าเรา เที่ยวบางแสน ไม่เห็นน้ำทะเลจะท่วมบางแสนสักที
น้ำทะเลท่วมตลิ่ง เพราะ ดินทรุด แต่ ไม่ใช้เพราะ น้ำทะเลสูงขึ้น
โลกกำเนิดกจากการเป็นดวงไฟ และ เย็นลงมาตลอด และ ทุกวันนี้ แกนโลกก็เย็นลงทุกวัน
ความร้อน เป็น พลังงาน สามารถแปรเปลี่ยน และ นำมาใช้ได้ แต่ ความเย็น ไม่ใช่พลังงาน