จบศึกผู้ว่าฯกทม. สงครามไม่จบ ...วิเคราะห์การเมือง ...ข่าวสดออนไลน์

ข่าวสด การเมือง


ศึกเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม. วันที่ 3 มี.ค.ผ่านไปโดยมีสถิติใหม่ให้ต้องจารึกหลายด้าน

ไม่ว่าคะแนนเสียงคนกรุงที่เทให้ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร จำนวน 1,256,349 เสียง
ทุบสถิติ 1,016,096 เสียงที่นายสมัคร สุนทรเวช เคยทำไว้เมื่อปี 2543

ขณะที่อันดับ 2 พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ ถึงเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ แต่ก็ไม่ธรรมดา
ได้คะแนนทะลุหลักล้านเช่นกัน

เป็นการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.ที่มี คนกรุงออกมาใช้สิทธิมากที่สุดเป็นประวัติการณ์
2,715,640 คน คิดเป็นร้อยละ 63.98 จากผู้มีสิทธิทั้งหมด 4,244,465 คน

เป็นการเลือกตั้งท้องถิ่นที่ได้รับความสนใจจากประชาชนและสื่อมวลชน มากที่สุด
ยิ่งกว่าครั้งใดๆ เนื่องจากผลได้ผลเสียถูกนำไปผูกโยงกับการเมืองในภาพใหญ่ระดับชาติ

กว่า 1.2 ล้านเสียงที่ได้มาสร้างความฮึกเหิมให้บรรดาแกนนำและสมาชิก
พรรคประชาธิปัตย์ไม่น้อย แม้จะยังปิดเกมได้ไม่สนิท

เนื่องจากมีคำร้องคัดค้านคาอยู่ที่คณะกรรมการการเลือกตั้งประจำกรุงเทพมหานคร
(กกต.กทม.) และกกต.กลาง 2-3 เรื่องด้วยกัน

ในประเด็นการปราศรัยใส่ร้ายป้ายสีคู่แข่ง ถึงจะไม่ร้ายแรงเท่าคำร้องเรื่องทุจริต
ซื้อเสียง แต่เมื่อมีผู้ร้องคัดค้าน กกต.ก็ต้องสอบสวนตามระเบียบ

ทำให้ยังไม่สามารถประกาศรับรองผลการเลือกตั้งเป็นทางการได้ ต้องรอไปอีก
อย่างน้อย 15 วัน หรืออย่างมากไม่เกิน 30 วันนับจากวันเลือกตั้ง 3 มี.ค.

ยังไม่นับรวมกรณีมีการยอมรับว่า การปราศรัยบนเวทีบางกะปิที่ นายอิสสระ สมชัย
ส.ส.บัญชีรายชื่อ ปราศรัยพาดพิงฝ่ายตรงข้ามเรื่องขโมยวิทยุ

อาจเข้าข่ายโดนแจกใบเหลืองได้

ดีใจจนเผลอทำปืนลั่นใส่พวกเดียวกันเอง

มีการแสดงความคิดเห็นไว้หลายแง่หลายมุมต่อชัยชนะของ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร
และพรรคประชาธิปัตย์

ที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่เห็นตรงกันคือ เป็นชัยชนะจากส่วนผสม 2 ประการระหว่าง
คะแนนจัดตั้งอันแข็งแกร่งกับวาทกรรมสร้างความหวาดกลัวให้คนกรุงเทพฯ

นายศิโรตม์ คล้ามไพบูลย์ นักวิชาการด้านรัฐศาสตร์ กล่าวว่า การนำอุดมการณ์
เรื่อง ?ยึดเมือง? มาใช้เพราะต้องการทำให้คนกรุงเทพฯ รู้สึกร่วมกันว่ากำลังเผชิญ
กับภัยคุกคามจากภายนอก

หว่านล้อมคนกรุงให้เป็นอันหนึ่งอันเดียวกันเพื่อต่อสู้กับศัตรูที่จะมายึดเมือง
แต่ในทางกลับกันเป็นการตอกย้ำความแตกแยกในสังคม

ทั้งที่การต่อสู้ทางการเมืองในระบอบประชา ธิปไตยควรเป็นเรื่องของการขาย
ความคิด ขายนโยบาย ไม่ใช่ขายความกลัว ชี้นำประชาชนมองคนคิดต่างเป็นข้าศึกศัตรู

สะท้อนปัญหาของพรรคที่ใช้วาทกรรมดังกล่าว ว่าไม่มีผู้สมัครหรือนโยบายที่
จะใช้สู้ฝ่ายตรงข้ามได้ จึงต้องสร้างความหวาดกลัวเหล่านี้ขึ้น

ผลตอบแทนระยะสั้นถึงจะนำมาสู่ชัยชนะ แต่ผลระยะยาวคือคนกรุงเทพฯ จะไม่
เห็นนโยบายการทำงานที่แตกต่างไปจากเมื่อ 4 ปีก่อน

หรือหากมองในมุมการเมืองระดับชาติ การใช้วิธีดังกล่าวเป็นตัวบ่งชี้ถึงความ
สิ้นหวังในเรื่องความปรองดอง

ในส่วนพรรคเพื่อไทยแกนนำรัฐบาล ผลพวงจากการเลือกตั้งครั้งนี้ถึงจะได้
กว่า 1 ล้านคะแนน

แต่ความพ่ายแพ้อาจทำให้แผนผลักดันงาน การเมืองด้านต่างๆ ที่จำเป็นต้อง
อาศัยกระแสประชาชนเป็นเครื่องสนับสนุน อาทิ การแก้ไขรัฐธรรมนูญ การผ่าน
ร่างกฎหมายปรองดอง ตลอดจนกระบวนการออกกฎหมายนิรโทษกรรม

ต้องสะดุดลงชั่วคราว หรือไม่ก็ต้องดำเนินการด้วยความรอบคอบ ระมัดระวังกว่าเดิม

ขณะที่ฝ่ายค้านพรรคประชาธิปัตย์แน่นอนว่า ชัยชนะครั้งล่าสุดที่มีการนำมาขยาย
เป็นวาทกรรมหลังเลือกตั้งว่าประเทศชาติรอดแล้ว

แต่ความจริงน่าจะเป็นพรรคประชาธิปัตย์ที่รอด

ชัยชนะของม.ร.ว.สุขุมพันธุ์เหมือนร่มชูชีพที่มาช่วยบรรเทาสภาวะ ?ขาลง?
ของพรรคทันเวลา

แกนนำพรรคปราศรัยในช่วงโค้งสุดท้ายว่าหากแพ้เลือกตั้งผู้ว่าฯกทม. ต่อไป
ภาคใต้ซึ่งเป็นฐานที่มั่นสุดท้ายก็คงเอาไม่อยู่

หัวหน้าพรรคอาจต้องลาออกเพื่อแสดงความรับผิดชอบ เช่นเดียวกับเลขาธิการ
พรรคที่ไม่ค่อยมีส่วนร่วมกับมหกรรมชี้เป็นชี้ตายครั้งนี้เท่าไหร่ก็จะอยู่ในตำแหน่ง
ต่อไปไม่ได้

แต่เมื่อผลเลือกตั้งออกมาแบบชนะม้วนเดียวจบ ถึงจะทิ้งห่างคู่แข่งไม่มาก แต่ก็
เอาไปคุยต่อได้อีกนานหลายวัน

ความฮึกเหิมของประชาธิปัตย์สะท้อนผ่านการเมืองในหลายเรื่อง

ไม่ว่าจะเป็นการมีมติปฏิเสธคำเชิญนายเจริญ จรรย์โกมล รองประธานสภา
หัวหอกชักชวนพรรคการเมืองและกลุ่มการเมืองคู่ขัดแย้ง ทั้งเสื้อเหลือง
เสื้อแดง เสื้อเขียว พรรคเพื่อไทย พรรคประชาธิปัตย์ เข้าหารือประเด็นการ
นิรโทษกรรม

ทั้งยังตอบปฏิเสธคำเชิญรัฐบาล ตามที่ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกฯ
ส่งเทียบเชิญ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ กับนายถาวร เสนเนียม เข้าร่วมประชุม
หารือแนวทางดับไฟใต้

พรรคประชาธิปัตย์นั้นถึงจะป้องกันพื้นที่กรุงเทพฯ ไว้ได้ แต่ก็กำลังถูกรัฐบาล
เร่งเจาะพื้นที่ภาคใต้อย่างหนักเช่นกัน ผ่านมาตรการแนวทางดับไฟใต้อย่างยั่งยืน

เริ่มจากการประกาศนโยบายการ เมืองนำการทหาร เตรียมยกเลิกพ.ร.ก.ฉุกเฉิน
หันมาใช้มาตรา 21 แห่งพ.ร.บ.ความมั่นคงฯ เปิดโอกาสผู้หลงผิดวางอาวุธ
เข้ารับการอบรมโดยไม่ถูกดำเนินคดี

ผ่านกรณีตัวแทนรัฐบาลเดินทางไปร่วมลงนามเข้าสู่กระบวนการเจรจากับแกน
นำบีอาร์เอ็น โคออร์ดิเนต ก้าวแรกที่จะนำไปสู่การยุติปัญหาความรุนแรงในภาคใต้

เป็นจุดเริ่มต้นกระบวนการแสวงหาความสันติสุข ที่ได้รับการสนับสนุนทั้งจาก
คนพื้นที่ ผู้นำศาสนาและนักวิชาการที่เกาะติดปัญหามาตลอด กองทัพก็เห็น
ด้วยกับแนวทางนี้เช่นกัน

เท่ากับเป็นการยืนยันว่ารัฐบาลกำลังเดินมาถูกทาง

ถ้าทำสำเร็จก็มีโอกาสที่พรรคเพื่อไทยจะมีพื้นที่ยืนทางการเมืองในภาคใต้
จึงไม่แปลกที่พรรคเจ้าถิ่นต้องหาทางสกัดกั้นทุกรูปแบบ

ทั้งหมดคือสัญญาณยืนยันว่าถึงศึกเลือก ตั้งผู้ว่าฯ กทม.จะจบลง แต่สงคราม
การเมืองระหว่าง 2 พรรคใหญ่

ยังดำเนินต่อไปอย่างเข้มข้นในทุกแนวรบ

http://www.khaosod.co.th/view_newsonline.php?newsid=TVRNMk1qZzNPVGMxTlE9PQ==&sectionid=

เหมือนสงครามระหว่าง 2 ฝ่ายในบอร์ดรดน.ก็ไม่จบ ...  ดูได้จากระทู้เหล่านี้...

@@@มุมกาแฟ NONแดง (มุมนี้ไม่มีใครเป็นเสื้อแดง) อาทิตย์ 10/3/56 ฉลองครบ 400 :ลงทะเบียน
ICT free WiFi @@@
MT7KK
http://pantip.com/topic/30232693

เสื้อแดงอ้างว่า ที่ ๙ แพ้ ๑๖ เพราะ พท.ถูกใส่ว่าเผาบ้านเผาเมือง
โอโห คุณกรุงเทพ ๑,๒๐๐,๐๐๐ เสียงนี่ ปัญญาอ่อน
ม่วงคัน
http://pantip.com/topic/30231631

****นึกว่าชาตินี้จะไม่ได้เห็นเสียแล้ว***
ขนมต้ม
http://pantip.com/topic/30231827

รำคาญความสิ้นคิดของคนไทยบางพวก กรณี พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ จะกลับเข้ารับราชการ
ตระกองขวัญ
http://pantip.com/topic/30217499

ตั้งกระทู้ประชันกันแบบนี้ แหละค่ะ  โลกไซเบอร์..กับโลกภายนอก
ไม่ต่างกันเท่าไหร่

ยิ้มยิ้มยิ้ม

สาวแว่น
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่