ธุรกิจ “ในฝัน” ล่าสุดที่กำลังขับเคลื่อนราคาหุ้นหลาย ๆ ตัวในกลุ่มที่เกี่ยวข้องกับบันเทิง สิ่งพิมพ์ สื่อสาร และอื่น ๆ ก็คือ ทีวีดาวเทียม ทีวีและทีวีดิจิตอล โทรศัพท์ระบบ 3G และอาจจะ 4G ซึ่งเป็นผลจากการที่ กสทช. จะเปิดให้มีการประมูลใบอนุญาตประกอบการต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง ธุรกิจที่กล่าวถึงทั้งหมดนั้นจะทำให้บริษัทที่เข้าไปประมูลสามารถที่จะสร้างรายได้เพิ่มขึ้นอย่างทวีคูณโดยที่รายจ่ายก็อาจจะไม่สูงนักเนื่องจากบริษัทอาจจะมีอุปกรณ์ และ/หรือมี Content หรือเนื้อหาอยู่แล้ว บริษัทเพียงแต่อาจจะต้องเพิ่มคนในการนำเสนอบ้างก็สามารถให้บริการหรือเข้าสู่ธุรกิจที่มี “กำไรสูงลิ่ว” เหล่านี้ได้ นักวิเคราะห์และนักลงทุนต่างก็มองถึงอัตราค่าโฆษณาที่เป็นอยู่ว่าผู้ให้บริการรายใหม่คงจะได้ส่วนแบ่งไปไม่น้อย และนั่นจะทำให้กำไรของบริษัทก้าวกระโดด พวกเขาอาจจะลืมไปว่าตัวเลขที่ใช้นั้นคือตัวเลขอัตราค่าโฆษณาในภาวะ “ผูกขาด” ซึ่งอาจจะแตกต่างจากอัตราในภาวะที่มีการแข่งขันแบบ “เชือดคอ” ก็เป็นได้ แต่จะอย่างไรก็ตาม ในเวลานี้ดูเหมือนว่าคนจะไม่สนใจเรื่องความจริง เขาสนใจเรื่องความฝัน ดังนั้น ราคาหุ้นของบริษัทต่าง ๆ ที่ประกาศจะเข้ามาทำธุรกิจต่างก็วิ่งกันอุตลุต
ที่กล่าวมาทั้งหมดนั้น ผมก็ไม่ได้หมายความว่าบริษัทที่ “ล่าฝัน” ทั้งหลายนั้น ในที่สุดก็จะพบกับความจริงที่ไม่ได้เป็นอย่างนั้น แต่ผมเชื่อว่าบริษัทจำนวนมากซึ่งน่าจะเป็นส่วนใหญ่จะล้มเหลวไม่ได้กำไรมากอย่างที่ฝันในธุรกิจใหม่ ๆ ที่ร้อนแรงที่เข้าไปทำ ประวัติศาสตร์ของตลาดหุ้นที่พัฒนาทั้งหลายก็เป็นอย่างนั้น อย่างไรก็ตาม ก็จะมีบางบริษัทที่ทำธุรกิจ “ในฝัน” และประสบความสำเร็จสูงจนกลายเป็นบริษัทที่โดดเด่นและยิ่งใหญ่ และหุ้นของบริษัทที่ดีดตัวขึ้นไปมากในช่วงของ “ความฝัน” ก็จะยังเติบโตขึ้นไปเรื่อย ๆ ทำให้คนที่เข้าไปซื้อและถือไว้ยาวนานรวยไป ส่วนบริษัทที่ล้มเหลวไม่สามารถทำได้ตามที่ฝันไว้ หุ้นของบริษัทที่ปรับตัวขึ้นไปมากก็จะตกต่ำลงมามากจนกลายเป็น “ฝันร้าย” ของนักลงทุน สำหรับผมเองแล้ว ผมไม่ค่อยถนัดและก็ไม่อยากเสี่ยงในการทำนาย “ฝัน” ดังนั้น โดยส่วนใหญ่แล้วผมก็จะหลีกเลี่ยง “หุ้นล่าฝัน” ที่มักจะมีมากในช่วงตลาดกระทิงอย่างที่เป็นอยู่ในช่วงนี้
Share Dr. นิเวศน์. หุ้นล่าฝัน 2
ที่กล่าวมาทั้งหมดนั้น ผมก็ไม่ได้หมายความว่าบริษัทที่ “ล่าฝัน” ทั้งหลายนั้น ในที่สุดก็จะพบกับความจริงที่ไม่ได้เป็นอย่างนั้น แต่ผมเชื่อว่าบริษัทจำนวนมากซึ่งน่าจะเป็นส่วนใหญ่จะล้มเหลวไม่ได้กำไรมากอย่างที่ฝันในธุรกิจใหม่ ๆ ที่ร้อนแรงที่เข้าไปทำ ประวัติศาสตร์ของตลาดหุ้นที่พัฒนาทั้งหลายก็เป็นอย่างนั้น อย่างไรก็ตาม ก็จะมีบางบริษัทที่ทำธุรกิจ “ในฝัน” และประสบความสำเร็จสูงจนกลายเป็นบริษัทที่โดดเด่นและยิ่งใหญ่ และหุ้นของบริษัทที่ดีดตัวขึ้นไปมากในช่วงของ “ความฝัน” ก็จะยังเติบโตขึ้นไปเรื่อย ๆ ทำให้คนที่เข้าไปซื้อและถือไว้ยาวนานรวยไป ส่วนบริษัทที่ล้มเหลวไม่สามารถทำได้ตามที่ฝันไว้ หุ้นของบริษัทที่ปรับตัวขึ้นไปมากก็จะตกต่ำลงมามากจนกลายเป็น “ฝันร้าย” ของนักลงทุน สำหรับผมเองแล้ว ผมไม่ค่อยถนัดและก็ไม่อยากเสี่ยงในการทำนาย “ฝัน” ดังนั้น โดยส่วนใหญ่แล้วผมก็จะหลีกเลี่ยง “หุ้นล่าฝัน” ที่มักจะมีมากในช่วงตลาดกระทิงอย่างที่เป็นอยู่ในช่วงนี้