ผมอยากเรียนแพทย์ แม้จะสายไปแล้วก็ตาม

ผมเป็นนักศึกษาชั้นปีที่ 3 สาขาวิชาคีตศิลป์ไทย(ขับร้องไทย) แต่ผมอยากที่จะเรียนหมอต่อ ก็เข้าใจครับว่าค่อนข้างที่จะฉีกแนว และดูเหมือนจะเป็นไปได้ยากมาก
ตั้งแต่เด็กๆชอบอะไรที่เกี่ยวกับการแพทย์อยู่แล้ว แต่ด้วยความที่ตัวเองเป็นคนไม่เก่งคณิตศาสตร์ เลยยอมตัดใจในครั้งนั้นเพื่อไปเรียนศิลป์ภาษา แต่ขณะที่เรียนด้านนั้น ก็หันมาสนใจด้านนี้ด้วย โดยการ ศึกษาโรคต่างๆ ยาต่างๆ ตอนนั้นคิดว่าเรียนในห้องไม่ได้ก็ต้องมาเรียนนอกห้องล่ะ จนกระทั่งถึงตอนเรียนป.ตรี เริ่มมีความรู้สึกว่าความรู้สึกว่าความรู้ที่เรามีมันไม่พอ อยากได้ความรู้มากกว่านี้ แต่...เวลามันล่วงเลยมาแล้ว บวกกับเส้นทางที่ผมกำลังเดินอยู่มันดูเหมือนจะเป็นเส้นขนานกับความฝันของผม

คุณสมบัติคร่าวๆของผม
1. เรียนมัธยมสายศิลป์ภาษาจีน จบมาด้วยเกรดเฉลี่ย 2.13 เนื่องจากเมื่อก่อนค่อนข้างเกเร แต่กลับใจแล้วครับ
2. เรียนป.ตรี ทางศิลปะ เกรดเฉลี่ย 3.00+ แต่ไม่ถึง 3.50
3. พลาดการสอบโอเน็ต เนื่องจากมีเหตุสุดวิสัยต้องไปต่างจังหวัด ไม่ได้ไปเที่ยวนะครับ
4. ผมมีโรคประจำตัวคือโรคหอบหืด แต่ไม่ต้องห่วงครับ อาการของผมอยู่ในระดับ Mild Intermittent หรือนานๆเป็นทีครับ อาการของผมจะกำเริบเฉพาะช่วงเป็นหวัดเท่านั้น ซึ่งไม่ค่อยเป็นครับ ความเครียด และการออกกำลังกาย ไม่ทำให้อาการกำเริบ และไม่อยู่ในกลุ่มเสี่ยงต่อการเสียชีวิตจากโรคนี้ครับ
5. พิพิธภัณฑ์การแพทย์ศิริราชคือสถานที่อันโปรดปรานของผม

เรียนจบสายศิลป์มาลำบากนะ
   ได้ยินเขาพูดกันบ่อย แรกๆที่ได้ยินก็ท้อครับ แต่ฉุกคิดขึ้นมาได้ว่า ถ้าเราหมั่นหาความรู้เพิ่มเติมก่อนการสอบ ติวให้เข้มๆผมเชื่อว่าผมน่าจะทำได้ เพราะเคยมีคุณหมอท่านหนึ่งจบสายศิลป์มาแล้วมาต่อแพทย์ ทุกวันนี้ท่านก็เป็นหมอ แถมเก่งด้วย

สายศิลป์อย่างเราๆต้องพยายาม เป็น 10 เท่า
   ทุกวันนี้ผมก็ยังไล่ตามเพื่อนๆ และพยายาม เป็น10เท่า เหมือนกันครับ ก่อนที่ผมจะมาเรียนขับร้องไทย ผมเป็นคนระนาดมาก่อน แต่เนื่องจากเอ็นข้อมืออักเสบเลยต้องเปลี่ยนวิชาเอก ทุกอย่างต้องนับหนึ่งใหม่ทั้งหมด ซึ่งยอมรับว่าตอนนั้นเครียดมาก น้ำตาร่วง การเปลี่ยนจากนักดนตรีเป็นนักร้อง ไม่ใช่เรื่องง่าย ยากลำบากมากพอควร เพราะในขณะที่ทุกคนเป็นไก่ ตัวผมเองเป็นเป็ด "ไก่ขันก้องร้องถนัดแสนจัดจ้า เป็ดตัวผู้อยู่เอการ้องก้าบก้าบ" เมื่อเป็นเช่นนี้ผมก็ต้องแอคทีฟตัวเองเพื่อจะเป็นไก่ให้ได้ จนตอนนี้ครูท่านบอกว่า "เริ่มมีหงอนขึ้นมาละ" เริ่มจะเป็นไก่ล่ะ
   มาถึงจุดนี้ผมเลยคิดว่าถ้าเราจะต้องวิ่งไล่ตามอีกสักครั้งคงไม่ใช่ปัญหาอะไรอีก ผมเคยวิ่งแล้ว จะวิ่งอีกสักครั้งก็ไม่เห็นจะเสียหาย

รู้เหรอว่าเรียนแพทย์ต้องเจอกับอะไรบ้าง
   พอทราบมาบ้างครับ เพราะมีพี่สาวเป็นหมอฟัน ไม่ค่อยได้กลับบ้านกลับช่อง กว่าจะกลับทีก็แทบจะจำหน้ากันไม่ได้แล้ว ทราบว่าเรียนหนักมาก ก่อนตัดสินใจผมก็ศึกษามาพอสมควรแล้วว่าเขาเรียนกันอยากไร อยู่กันอย่างไร ผมพร้อมแล้วครับ เพราะชีวิตที่เป็นอยู่ขณะนี้ก็มีหามรุ่งหามค่ำบ้างเหมือนกันครับ นอนอยู่ดีๆ โทรศัพท์เข้ามาบอกว่าให้ไปร้องเพลงในงานนี้ งานนั้นหน่อย ก็ต้องไปแม้ว่าอยากนอนแค่ไหนก็ตาม

ทำไมถึงอยากเรียน
   ขอตอบแบบง่ายๆเลยว่าชอบครับ ผมเป็นคนหนึ่งที่ต้องทรมานกับการเจ็บป่วย ผมซาบซึ้งในหมอที่รักษาผมจนผมสามารถใช้ชีวิตได้อย่างปกติ ไม่ต้องทรมานอย่างเมื่อก่อนแล้ว ผมมีความรู้สึกว่าอยากจะทำให้ผู้อื่นหายจากความทรมานแบบผมบ้าง อยากพูดว่า "เป็นอะไรมาครับ" "เป็นมานานหรือยัง" "ขอหมอตรวจหน่อยนะครับ" ได้อย่างเต็มปาก

ทำไมเพิ่งมาคิดได้ตอนนี้
   ผมไม่ขอตอบว่าทำไม แต่ผมจะตอบว่าผมรู้สึกโชคดีที่รู้ว่าตัวเองชอบอะไร อยากจะทำอะไร ดีกว่าผมใช้ชีวิตให้รอดไปวันๆทั้งชีวิตโดยไม่รู้ว่าตัวเองต้องการอะไร

พล่ามซะยืดยาว เอาเป็นว่า ใครพอจะแนะแนวให้ผมได้บ้าง ได้ข่าวว่า เคสอย่างผมต้องไปเรียนต่างประเทศเพียงอย่างเดียว พอจะมีสถาบันไหนที่จะรับคนที่มีคุณสมบัติอย่างผมบ้าง วานผู้มีจิตศรัทธาช่วยชี้ทางสว่างเป็นวิทยาทานแก่ผมด้วยครับ ขอบคุณครับ
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่