กฟผ.ประสานสิบทิศเจรจาผู้ผลิตไฟฟ้าหวังเพิ่มการผลิต

กระทู้ข่าว



          ผู้ว่าการ กฟผ. เผยมาตรการรองรับกรณีก๊าซพม่าหยุดจ่าย เร่งดำเนินการทั้งด้าน Supply & Demand side เจรจาขอซื้อไฟฟ้า IPP, SPP, สปป.ลาว, มาเลเซียเพิ่ม พร้อมขอความร่วมมือผู้ประกอบการ โรงงานอุตสาหกรรมลดกำลังการผลิต หวังเพิ่มกำลังผลิตสำรองพ้นขีดวิกฤติ และขอให้ผู้ปฏิบัติงาน กฟผ. เป็นแบบอย่างที่ดีด้านการประหยัดพลังงานแก่สังคม
          เมื่อวันที่ ๑ มีนาคม ๒๕๕๖ นายสุทัศน์ ปัทมสิริวัฒน์ ผู้ว่าการ กฟผ. เปิดเผยถึงการเตรียมความพร้อมรองรับกรณีสหภาพพม่าหยุดจ่ายก๊าซธรรมชาติว่า สืบเนื่องจากสหภาพพม่าจะทำการหยุดจ่ายก๊าซธรรมชาติแหล่งยาดานาเพื่อซ่อมแท่นขุดเจาะ ระหว่างวันที่ ๕-๑๔ เมษายน ๒๕๕๖ กฟผ.ได้เตรียมแผนผลิตไฟฟ้าโดยใช้น้ำมันเตาและน้ำมันดีเซลเดินเครื่องผลิตไฟฟ้าทดแทน โดยคาดว่าจะใช้น้ำมันเตาประมาณ ๘๕ ล้านลิตร และน้ำมันดีเซล ๔๗ ล้านลิตร นอกจากนี้ยังได้เตรียมพร้อมมาตรการรองรับหลายด้านทั้งด้าน Supply side และ Demand side โดย ด้าน Supply side ได้ดำเนินการ ๑) เลื่อนการหยุดซ่อมบำรุงรักษาโรงไฟฟ้าของ กฟผ. ออกไป เพื่อให้เดินเครื่องผลิตไฟฟ้าตามปกติ ๒) ประสานงาน IPP, SPP ที่มีกำลังผลิตเหลือให้ผลิตไฟฟ้าเพิ่มเติม ๓) ประสานงานซื้อไฟฟ้าเพิ่มจากโรงไฟฟ้าพลังน้ำ สปป.ลาว ๔) ประสานงานซื้อไฟฟ้าจากประเทศมาเลเซียเพิ่มเติมอีก ๒๐๐ เมกะวัตต์ เพื่อช่วยเสริมความมั่นคงในระบบไฟฟ้าแก้ปัญหาแรงดันไฟฟ้าในภาคใต้ โดยการดำเนินงานด้าน Supply side นี้ คาดว่าจะทำให้มีกำลังผลิตสำรองเพิ่มขึ้นจากเดิมที่มีประมาณ ๗๐๐ เมกะวัตต์ เป็นประมาณ ๑,๐๐๐ เมกะวัตต์

        สำหรับการดำเนินงานด้าน Demand side ได้ประสานงานสภาอุตสาหกรรม และโรงงานอุตสาหกรรมกว่า ๔๐ แห่ง ขอให้ลดกำลังการผลิตลง ซึ่งได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดี โดยขณะนี้บริษัทในเครือ ปูนซีเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน) หรือ SCG ได้ตอบรับที่จะลดกำลังการผลิตลงแล้ว ซึ่ง กฟผ. จะยังคงรณรงค์หาเครือข่ายเพิ่มเติมอีก นอกจากนี้ กฟผ. ได้ร่วมกับกระทรวงพลังงานจัดกิจกรรมรณรงค์ “๕ เมษายน ปฏิบัติการช่วยชาติ ลดไฟฟ้า ๑ ชั่วโมง” ณ ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล เชิญชวนให้ประชาชนลดการใช้ไฟฟ้าลง โดยเฉพาะช่วงเวลา ๑๔.๐๐ – ๑๕.๐๐ น. ซึ่งจากปี ๒๕๕๕ ที่ผ่านมากิจกรรมดังกล่าวสามารถลดการใช้ไฟฟ้าลงได้ถึง ๕๐๐ เมกะวัตต์ “นับเป็นครั้งแรกที่การแก้ไขภาวะวิกฤติด้านพลังงานดำเนินการทั้งด้านผู้ผลิตและผู้ใช้ไฟฟ้า เพราะประชาชนผู้ใช้ไฟฟ้ามีส่วนอย่างมากที่จะช่วยลดการใช้ไฟฟ้าของประเทศ โดยคาดว่ากิจกรรมวันที่ ๕ เมษายน นี้ จะสามารถลดการใช้ไฟฟ้าภาคประชาชนลงไปได้ประมาณ ๕๐๐ เมกะวัตต์ ซึ่งจะทำให้มีกำลังผลิตไฟฟ้าสำรองที่สามารถเดินเครื่องได้ทันที หรือ Hot Standby เพิ่มขึ้นเป็น ๑,๕๐๐ เมกะวัตต์ตามมาตรฐาน ระบบไฟฟ้าของประเทศก็จะมีความมั่นคงมากขึ้น” ผู้ว่าการ กฟผ. กล่าว
         นายสุทัศน์ ปัทมสิริวัฒน์ ผู้ว่าการ กฟผ. ได้กล่าวเพิ่มเติมว่า การหยุดจ่ายก๊าซจากสหภาพพม่าครั้งนี้ช่วงบ่ายของวันที่ ๕ เมษายน ๒๕๕๖ ซึ่งคาดว่าจะมีการใช้ไฟฟ้าสูงสุดประมาณ ๒๖,๓๐๐ เมกะวัตต์ จะเป็นช่วงที่สถานการณ์น่าเป็นห่วงที่สุด แต่หลังจากนั้นเป็นวันหยุดเสาร์ อาทิตย์ และเริ่มเข้าสู่เทศกาลสงกรานต์ เป็นช่วงที่มีความต้องการใช้ไฟฟ้าลดลง คาดว่าสถานการณ์จะไม่น่าวิกฤติ แต่อย่างไรก็ตามหากเกิดกรณีฉุกเฉินขึ้น เพื่อป้องกันการเกิดไฟฟ้าดับทั้งประเทศ กฟผ.จะทำการตัดไฟฟ้าเฉพาะจุดและเฉพาะพื้นที่เท่านั้น โดยจะตัดเฉพาะภาคครัวเรือน โดยยกเว้นนิคมอุตสาหกรรมและสถานที่สำคัญ เช่น โรงพยาบาล “ต้องขอความร่วมมือจากทุกภาคส่วนประหยัดการใช้ไฟฟ้าในช่วงเวลาดังกล่าว โดยเฉพาะในส่วนของสำนักงาน อาคารที่ทำการ กฟผ. ควรลดการใช้ไฟฟ้าที่ไม่จำเป็นลง เพื่อเป็นแบบอย่างที่ดีแก่สังคม   และผู้ปฏิบัติงาน กฟผ. นอกจากเป็นแบบอย่างในการใช้ไฟฟ้าอย่างประหยัดแล้วควรรณรงค์ให้ครอบครัวและคนรอบข้างประหยัดการใช้ไฟฟ้าด้วย เพราะจะช่วยลดการใช้เชื้อเพลิงน้ำมันที่มีราคาแพงลง ซึ่งจะส่งผลให้ค่า Ft มีราคาไม่แพงมากจนเกินไป” ผู้ว่าการ กฟผ. กล่าว
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่