"พงศพัศ" ชักเข้าชักออกกลับ สตช. สะท้อนรัฐตำรวจภายใต้ระบอบทักษิณ

กระทู้สนทนา
หลังพ่ายแพ้ศึกชิงยึดอำนาจเมืองหลวง พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ ผู้สมัครชิงเก้าอี้ผู้ว่ากทม.ในสังกัดพรรคเพื่อไทยก็แสดงท่าทีเตรียมขอกลับเข้ารับราชการตำรวจหลังจากที่ลาออกเพื่อมาลงสมัครศึกชิงเก้าอี้ผู้ว่าเมืองหลวงครั้งนี้ตามใบสั่งนายใหญ่ผู้มีบารมีเหนือรัฐธรรมนูญ

ทันทีหลังออกมาแสดงท่าทีอยากกลับมาเป็นใหญ่ในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ(สตช.) อีกครั้ง ทั้ง พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ(ผบ.ตร.) และ พล.ต.ต.ปิยะ อุทาโย โฆษกสตช. ต่างไฟเขียวแสดงท่าทีพร้อมต้อนรับการกลับคืนถิ่นอีกครั้งของ พล.ต.อ.พงศพัศ ด้วยความยินดี โดย ผบ.ตร.ได้เตรียมตำแหน่งเดิมของ พล.ต.อ.พงศพัศ ไว้ให้ทั้งตำแหน่งรองผบ.ตร. และ เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด(ป.ป.ส.)

ก่อนหน้านี้มีข่าวมาตั้งแต่ช่วงที่พรรคเพื่อไทยเตรียมสรรหาบุคคลที่จะลงชิงเก้าอี้ผู้ว่ากทม.และหลังจากที่อุบไต๋อยู่นานในที่สุดก็มีมติส่ง พล.ต.อ.พงศพัศ ลงชิงเก้าอี้ผู้ว่ากทม.ในนามพรรคเพื่อไทย ท่ามกลางข่าวลือสะพัดว่าเป็นใบสั่งและกำหนดตัวจาก พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ผู้มีบารมีเหนือพรรคเพื่อไทย โดยมีคำมั่นสัญญาจาก พ.ต.ท.ทักษิณ ว่า แม้หาก พล.ต.อ.พงศพัศ พลาดท่าแพ้การเลือกตั้งก็ยังสามารถกลับมารับราชการตำรวจได้เหมือนเดิม โดยจะมีการล็อกตำแหน่ง รองผบ.คร.และ เลขาธิการ ป.ป.ส.ของ  พล.ต.อ.พงศพัศ ไว้ให้และยิ่งไปกว่านั้นรวมถึงคำมั่นสัญญาว่าจะผลักดัน พล.ต.อ.พงศพัศ ให้ก้าวขี้นสู่เก้าอี้ผู้นำสูงสุดของ สตช.หลัง พล.ต.อ.อดุลย์ เกษียณอายุราชการในปีหน้า เพื่อสานต่อความเป็นรัฐตำรวจภายใต้ระบอบทักษิณ

เพราะฉะนั้นการเตรียมกลับเข้ารับราชการตำรวจของ พล.ต.อ.พงศพัศ จึงถูกตั้งข้อสังเกตุว่าเป็นแผนที่มีการเตรียมการไว้ตั้งแต่แรก ท่ามกลางเสียงเสียงวิพากษ์วิจารณ์ตามมาถึงความเหมาะสมและความถูกต้องชอบธรรม ซึ่งแม้มติคณะรัฐมนตรีก่อนหน้านี้จะเปิดช่องให้ข้าราชการที่ลาออกไปสมัครรับเลือกตั้งอันเป็นการสนับสนุนระบอบประชาธิปไตยสามารถกลับเข้ารับราชการได้อีกครั้ง แต่ก็มีการตั้งคำถามว่า การที่ พล.ต.อ.พงศพัศ ซึ่งแสดงตัวชัดเจนว่าฝักใฝ่พรรคเพื่อไทย และลงสมัครชิงเก้าอี้ผู้ว่า กทม.ในนามพรรคเพื่อไทย แต่เมื่อแพ้การเลือกตั้งแล้วกลับมาเป็นข้าราชการตำรวจอีกครั้งจะขัดต่อ พ.ร.บ.และระเบียบของสำนักงานตำรวจแห่งชาติที่กำหนดว่า ข้าราชการตำรวจต้องวางตัวเป็นกลางทางการเมืองอย่างเคร่งครัดหรือไม่

นอกจากนี้หากพิจารณาในเรื่องความเหมาะสม เมื่อ พล.ต.อ.พงศพัศ แสดงตัวชัดเจนแล้วว่าเป็นคนของพรรคเพื่อไทย แล้วหากมาเป็นข้าราชการตำรวจจะมีหลักประกันอะไรได้ว่าจะวางตัวเป็นกลางไม่แอบช่วยเหลือพรรคเพื่อไทยทางการเมืองทั้งทางตรงและทางอ้อม ทั้งนี้ต้องไม่ลืมว่าตำรวจมีอำนาจสำคัญในการบังคับใช้กฏหมายจับกุมดำเนินคดี และมีกำลังพลทั่วประเทศกว่า 5 แสนคน

นอกจากนี้ยังมีคำถามในเรื่องความเหมาะสมและจิตสำนึกของ พล.ต.อ.พงศพัศ เองที่จับปลาสองมือ เพราะเมื่อคิดจะเอาดีทางการเมืองในนามพรรคเพื่อไทยก็ควรมุ่งไปในเส้นทางการเมืองอย่างจริงจังไปเลย ไม่ใช่เอาแต่ได้ทั้งขึ้นทั้งล่องซึ่งอาจถูกครหาได้ว่าเอาเปรียบนายตำรวจรุ่นน้องที่เข้าคิวรอไต่เต้าหวังเติบโตในชีวิตข้าราชการตำรวจ เพราะหากตำแหน่งรองผบ.ตร.และเลขาธิการป.ป.ส.ของพล.ต.อ.พงศพัศ ว่างลงก็จะทำให้นายตำรวจระดับรองลงไปสามารถเขยิบตำแหน่งขึ้นมาแทนที่อย่างเป็นลูกโซ่อีกจำนวนมาก

แต่ก็อย่างว่านี่อาจเป็นความต้องการของนายใหญ่ผู้มีบารมีเหนือพรรคเพื่อไทย และอาจเป็นการสะท้อนตอกย้ำถึงความเป็นรัฐตำรวจภายใต้ระบอบทักษิณ

ที่มา:http://www.naewna.com/creative/43849

ปล.นี่แหล่ะครับ ยุคข้าราชการรับใช้ นักการเมือง....เอิ๊ก ๆ ๆ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่