เมื่อป๊ะป๋าฉันเป็น มะเร็งตับ

กระทู้สนทนา
เมื่อปะป๋าฉันเป็น มะเร็งตับ
  คงไม่ใช่เรื่องแปลกหรือเรื่องน่าตื่นเต้นอะไรถ้าจะมีใครบอกว่า คนนี้เป็นมะเร็ง คนนั้นก็เป็น ในเมื่อสถิตที่เป็นทางการนั้น โรคมะเร็งเป็นโรคที่คร่าชีวิตคนบนโลกใบนี้มามากเป็นอันดับหนึ่งของโลกเลยแทบจะว่าได้ มันไม่น่าแปลก จนกระทั้ง

  หากย้อนกลับไปกลางปี2011 ค่ำคืนของวันหนึ่งในขณะที่ชีวิตกำลังดำเนินไปอย่างปรกติ ฉันก็นั่งเล่นอยู่ในห้องนั่งเล่น เมื่อเห็นป๋ากลับมาก็แค่ทักทายตามปรกติ
ทันใดนั้น คำพูดที่ออกมาจากปากป๋าที่มีสีหน้าเรียบเฉยแต่แววตาดูไม่ปรกติ

ป๋า:ป๋าไปตรวจสุขภาพมา หมอบอกว่า ป๋าเป็นมะเร็งตับ
ฉันรู้สึกเหมือนถูกหยุดเวลาเอาไว้ คำว่า ป๋าเป็นมะเร็งตับ บอกเลยว่าก้องกังวาลอยู่ในหูอยู่พักหนึ่ง รวบรวมสติได้ ถามกลับไปด้วยรอยยิ้มที่ตั้งใจทำขึ้นมาเพื่อกลบเกลื่อน
ฉัน: รักษาได้นิป๋า หมอบอกว่าไงบ้าง
ป๋า:หมอบอกว่า ให้ไปปล่อยวัวปล่อยควาย

นาทีนั้น ได้แต่บอกว่า ไม่เป็นไร รักษาได้สิ เรารู้เร็วใช่ไหม แต่ในใจมันแตกสลายไปหมดแล้ว
ป๋าผู้ที่เป็นเสาหลักใหญ่ในครอบครัวฉัน ป๋าเป็นทุกอย่าง ทำหน้าที่เป็นหัวหน้าครอบครัวที่สมบูรณ์แบบที่สุด เป็นคู่คิดที่ดีของแม่ เป็นพ่อที่รักลูกมาก ลำบากมาทั้งชีวิตเพื่อครอบครัว ป๋าเป็นผู้ชายที่ขยันทำงาน ไม่ดื่มเหล้า ไม่สูบบุหรี่ ไม่ยุ่งกะผู้หญิงอื่น ใช้เวลาหลังเลิกงานอยู่กับครอบครัวเป็นส่วนใหญ่ คำถามทุกอย่างในคืนนั้นคือ ทำไมต้องเป็นป๋าฉันด้วย จำได้ว่า นอนร้องไห้คนเดียว โทษโชคชะตาฟ้าลิขิต ทำไมคนดี อย่างป๋าต้องเป็นมะเร็งด้วย ในเมื่อสิ่งที่เกิดขึ้นเราควบคุมมันไม่ได้ เราต้องเผชิญกับมันไป ต้องสู้ คิดแต่อย่างนี้ ในฐานะลูกสาวคนโตที่สนิทกะป๋ามาก ทำได้อย่างเดียวคือ เข้มแข็งและพาทุกคนเดินหน้าและฝ่าฟันอุปสรรคครั้งนี้ไปให้ได้ นาทีนั้นคิดออกแค่นี้จริง จริง

บอกเลย ว่าบรรยากาศที่บ้านเปลื่ยนไป ไม่มีใครร้องไห้หรืออ่อนแอตอนเจอหน้าป๋า แต่พอลับหลัง แม่กลายเป็นผู้หญิงที่อ่อนแอที่สุด แม่กังวลเครียด ร้องไห้บ่อยมาก น้องชายสองคน รีบกลับบ้านเร็วขึ้น ให้เวลากันมากขึ้น เพราะไม่มีใครรู้หรอกว่าอะไรจะเกิดขึ้นต่อจากนี้ ทุกคนระวังการกินของพ่อทุกฝีก้าว ฉันเป็นผู้หญิงที่เข้มแข็งมากมาย แต่ทุกครั้งที่ขับรถกลับบ้านร้องไห้อย่างคนไร้สติ ทุกคืนที่จะล้มตัวนอน ร้องไห้จนหมอนเปียก คิดกลับไปกลับมาทำยังไงดี จะต้องรักษาทางไหนดี

แล้าเราก็ไม่รอช้าเดินหน้าปรึกษาหมอต่อในสุดสัปดาห์นั้น บอกเลยค่ะว่าจองอย่างนี้รอไม่ได้เพราะว่าเนื้อร้ายเติบโตตลอด หลังจากหมอคนแรกตกใจกับผลที่ออกมาจนบอกให้ป๋าไปทำบุญ หมอคนต่อมาเป็นอาจารย์หมอที่เคยผ่าตัดให้กับอาม่า เนื่องจากมีความสัมพันธ์อันดีต่อกันจึงไปเรียนปรึกษาหมอว่าควรรักษาไปในทิศ ทางใด

เดี๋ยวไว้มาต่อนะคะ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่