แชร์ประสบการณ์ย้ายโรงเรียนของลูกจากหลักสูตรไทยไปอินเตอร์

เข้ามาเพื่อแชร์ประสบการณ์ของลูกตัวเองล้วนๆ โดยยืมล๊อคอินพี่สาวมานะคะ
ทั้งหมดเป็นความคิดส่วนตัวของเราเอง ถ้าใครเห็นต่างยินดีรับฟังค่ะ

ลูกสาวเราเริ่มเข้าโรงเรียนตั้งแต่เตรียมอนุบาล อายุตอนนั้นสองขวบกว่าๆ
เรากับแฟนพยายามเลือกดูโรงเรียนเน้นใกล้บ้าน สะดวกในการเดินทาง โดยที่เราสองคนมีแนวคิดตรงกัน
อย่างนึงก็คือ อยากให้ลูกเรียนอย่างมีความสุข เน้นรู้จักคิดแก้ปัญหา มีทักษะในชีวิตที่หลากหลาย
ดังนั้นแนวการเรียนการสอนที่สอดคล้องกับความคิดของเราในตอนนั้นคือ โรงเรียนแนวทางเลือก
โชคดีที่บ้านเราใกล้กับโรงเรียนนึงที่เราทั้งสองคนพอใจมาก คือ ทั้งเดินทางใกล้ สภาพแวดล้อมในโรงเรียนกว้างขวาง
การเยี่ยมชมโรงเรียนได้รู้จักการเรียนการสอนว่าลักษณะเป็นอย่างไรก็ยิ่งเพิ่มความมั่นใจว่านี่ล่ะคือโรงเรียนของลูกเรา

ในที่สุดลูกก็ได้เข้าเรียนสมใจ ระหว่างเรียนลูกสาวมีความสุขดีค่ะ ปรับตัวเข้ากับเพื่อนและคุณครูได้ง่าย
พัฒนาการด้านต่างๆเป็นไปอย่างน่าพอใจ มีบางวันที่งอแงตามประสาเด็กๆ แต่รวมๆก็ผ่านค่ะ ลูกมีความสุข พ่อแม่มีความสุข
แต่มักมีแรงกดดันจากคนนั้นคนนี้เรื่อยว่า โรงเรียนแนวนี้ลูกจะเก่งวิชาการเหรอ เรียนไปจะสอบเข้ามหาวิทยาลัยสู้คนอื่นได้มั้ย
แถมยังมีเด็กที่เรียนๆอยู่ก็ลาออกไปบ้าง ซึ่งก็แอบกังวลนิดหน่อย แต่เราสองคนก็ยังมั่นใจว่าอยากให้ลูกได้เรียนในแนวที่คิดว่าเหมาะสมกับลูกเรา

จนกระทั่งวันนึงได้คุยกับเพื่อนที่ทำงานอยู่บริษัทแห่งหนึ่ง  เค้าให้แนวคิดว่าทำไมไม่ส่งลูกเรียนอินเตอร์ฯล่ะ
แล้วก็อธิบายเรื่องความสำคัญของภาษาอังกฤษในการทำงานแล้วก็ในอนาคต เรากับแฟนก็มาคิดเรื่องนี้กันหลายตลบ จากที่ไม่เคยสนใจ
โรงเรียนอินเตอร์เลย เพราะคิดว่าต้องเกินงบแน่ๆ ก็เริ่มหาข้อมูลมากขึ้น จนรู้ว่าโรงเรียนอินเตอร์ในเมืองไทย โดยเฉพาะในกรุงเทพฯมีเยอะมาก
ราคาก็แตกต่างกันไป มีหลายระบบ มีทั้งที่ผ่านการรับรองจากองค์การนานาชาติและไม่มี ฯลฯ

เราเริ่มหาจากโรงเรียนอินเตอร์ใกล้บ้านก่อน แต่ยังไม่โดนใจ หาไปเรื่อยๆหลายโรงเรียน ใช้วิธีหาทางอินเตอร์เนต โรงเรียนไหนน่าสนใจก็ขอ
เข้าไปดูสถานจริง จนกระทั่งมาเจอโรงเรียนนึงซึ่งเราสองคนพอใจ ทั้งราคา สภาพแวดล้อม หลักสูตรการเรียนการสอน มีมาตรฐานรับรอง
คราวนี้ก็มาถึงเวลาที่ต้องตัดสินใจว่าจะย้ายหรือไม่ย้ายดี ตอนนั้นคิดข้อดีข้อเสียออกมาเป็นข้อเลยค่ะ ในที่สุดก็ตัดสินใจว่าย้ายค่ะ ย้ายตอนเข้าอนุบาลหนึ่ง

ตอนนี้ลูกสาวเรียนมาได้เทอมกว่าแล้วค่ะ เลยมีเรื่องอยากมาแชร์ดังต่อไปนี้ค่ะ (ตามความคิดของเรานะคะ)

1.การปรับตัวของเด็กน่าทึ่งมากค่ะ ตอนแรกที่กังวลว่าลูกสาวรู้เรื่องมั้ย เพราะที่บ้านไม่ได้พูดภาษาอังกฤษเลยค่ะ มีแต่อ่านหนังสือให้ฟัง
แต่สัปดาห์แรกลูกสาวก็พูดเป็นประโยคสั้นๆต่อๆกันได้แล้ว จนจบเทอมลูกสาวสื่อสารได้ดี ทั้งฟังและพูด สำเนียงไม่ต้องพูดถึงเลยค่ะ
เด็กๆก๊อปปี้คุณครูมาเป๊ะๆ หมายถึงเด็กทุกคนในห้องลูกสาวก็ทำได้แบบเดียวกันนะคะ (โรงเรียนลูกสาว เด็กไทยค่อนข้างเยอะค่ะ)

2.หลักสูตรของโรงเรียนลูกเป็นระบบอังกฤษค่ะ ตอนแรกก็ไม่รู้รายละเอียดว่าเป็นอย่างไรบ้าง พอได้ไปดูโรงเรียนก็ถามทุกเรื่องที่อยากรู้
สรุปว่าตรงใจค่ะ หลักสูตรเน้นพัฒนาเด็กตามวัย เรียนรู้หลากหลาย เปิดกว้างให้คิด วิเคราะห์ ที่สำคัญสามารถไปต่อต่างประเทศได้เลย
โดยไม่ต้องเทียบคะแนน หรือจะเข้ามหาวิทยาลัยในไทยก็ได้ตั้งแต่ year11 (เพราะกระทรวงศึกษาฯรับรอง)

3.ค่าเทอม ปัจจัยสำคัญ ก็คำนวณดูค่ะว่าค่าใช้รวมเบ็ดเสร็จต่อปีเท่าไหร่ มีอะไรเพิ่มเติมบ้าง โรงเรียนที่เลือกราคาไม่สูงค่ะ
โรงเรียนมีกิจกรรมหลังเลิกเรียนหลากหลาย ราคาไม่แพง ไม่ต้องไปเรียนพิเศษเพิ่มเติม

4.ระยะทาง ถึงจะไกลกว่าโรงเรียนเก่าเยอะแต่พอปรับเวลาเข้านอน ตื่นให้เช้าขึ้น ใช้เวลาการเดินทางประมาณเกือบชั่วโมงตอนเช้า
เราทานข้าวในรถพร้อมกันพ่อแม่ลูก ก็โอเคนะคะ คิดในแง่ดีมีเวลาอยู่ด้วยกันนานขึ้นในรถ 555 ขากลับค่อนข้างเร็วเพราะเราขับเลี่ยงเมือง
เรื่องระยะทางตอนแรกกังวลไปไกลเลยค่ะ สงสารลูก ตอนนี้ปรับตัวได้แล้วสบายค่ะ

5.มีคนทักว่าทำไมไม่เรียนสองภาษา พอดียังไม่มีหลักสูตรสองภาษาที่โดนใจ ส่วนใหญ่เป็นหลักสูตรกระทรวงแต่สอนเป็นภาษาอังกฤษ
ซึ่งอย่างที่บอกค่ะว่าแนวของกระทรวงเราคิดว่าไม่เหมาะกับลูกเรา

6.ภาษาไทยที่เป็นกังวลเหมือนกันในตอนแรก แต่ตอนนี้คิดว่ายังไงอยู่เมืองไทยลูกก็ใช้ภาษาไทยได้แน่ๆ เรื่องอ่านเขียนคงต้องเสริม
แต่ในความคิดเราสอนเสริมภาษาไทย ซึ่งลูกเราฟังพูดทุกวัน เป็นภาษาพ่อแม่ น่าจะง่ายกว่าสอนเสริมภาษาอังกฤษถ้าลูกเรียนโรงเรียนไทย

7.สุดท้าย เราคิดว่าพ่อแม่ทุกคนรู้จักลูกๆของตัวเองเป็นอย่างดี โรงเรียนแต่ละแบบมีข้อดีข้อเสียแตกต่างกัน ในทุกโรงเรียนมีทั้งคนเก่งและไม่เก่ง
ดีและไม่ดี เพราะฉะนั้นหาข้อมูลโรงเรียนให้เยอะที่สุด ไปดูด้วยตัวเอง แล้วตัดสินใจเองว่ามันเหมาะกับลูกของเรามั้ย การฟังความเห็นจากพ่อแม่คนอื่น
ก็เป็นส่วนหนึ่งค่ะ แต่ไม่ใช่ทั้งหมด เราต้องวิเคราห์ด้วยว่าที่เค้าว่าดี ดียังไง แล้วที่แย่ แย่ยังไง ไม่ใช่เชื่อตามๆกัน

ใครมีอะไรสงสัยถามได้นะคะ ขอบคุณค่ะ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่