นี่ถ้า การเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.ครั้งนี้ ทางเพื่อไทยเกิดใช้ตรรกะเดียวกับสลิ่มที่เคยใช้กับพรรคเพื่อไทย ที่ว่า “เฮ้ย คนเลือกพรรคเพื่อไทย แค่ 15.7 ล้านเสียงเอง คนอีกตั้ง 50 ล้าน เขาไม่ได้เลือกเอ็ง อย่าทำมาคุย” แบบนี้ บ้างละก็..จะเป็นยังไง ?
คงต้องพูดว่า “เฮ้ย อ้ายพวกสลิ่มปชป. ทั้งหลาย เอ็งอย่ามาทำกระดี๊กระด๊าเลยเว้ยย คนเลือกเอ็งแค่ 1.2 ล้านเสียงเท่านั้น คนกรุงเทพฯส่วนใหญ่อีกตั้ง 3 คน เขาไม่ได้เลือกเอ็ง อย่าทำไม่คุย ไอ้เวร “ ..คงสนุกนะ!
การกลับมาเป็นผู้ว่าฯอีกครั้งของ มรว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ไม่ง่ายเหมือนสมัยแรกๆ เนื่องจากคู่แข่งอย่าง พล.ต.อ.ดร.พงศพัศ พงศ์เจริญ ได้ฉายแววให้เห็นศักยภาพ ความสามารถ คล่องแคล่ว รวดเร็ว ฉับไว ทั้งภาพ เสียง และวิสัยทัศน์ชั้นเยี่ยม ให้คนกรุงเทพฯได้เห็นตัวอย่าง “การเป็นผู้ว่าฯกทม.ตัวจริง” ต้องทำอย่างไรบ้าง ..จนเกิดกระแสรุนแรง
ถ้าจะว่าไปแล้ว พวกสลิ่มเองก็ยังเคยพูดกันว่า ถ้าเอาตัวต่อตัวระหว่างสุขุมพันธุ์กับพงศพัศมาเทียบกันแล้ว ไม่มีอะไรที่สุขุมพันธุ์จะสู้พงศพัศได้เลย เสียแต่ที่ว่าพงศพัศอยู่พรรคเพื่อไทยเท่านั้น ..สลิ่มบอก
ดังนั้น การได้กลับมาเป็นผู้ว่าฯของ มรว.สุขุมพันธุ์ กลับกลายเป็น “ทุกขลาภ” มากว่า “สุขลาภ” เพราะมีแรงกดดันมากมายจากทั้ง 2 ฝ่าย คือทั้งฝ่ายแช่ง และฝ่ายเชียร์ ที่จะต้องคอยจับตามองสุขุมพันธุ์อย่างไม่วางตา..จ้องจับผิด
ฝ่ายแช่งนั้น ไม่บอกก็รู้ว่าต้องทำอย่างไร แต่ฝ่ายเชียร์นี่สิ จะต้องพยายามให้สุขุมพันธุ์ทำให้ใกล้เคียงกับพงศพัศให้ได้.. นั่นแหละ ทุกขลาภละ !
เพราะผมเชื่อโดยความบริสุทธิ์ใจว่า อย่างไรเสีย หม่อมก็ไม่มีทางเป็นได้เหมือนพงศพัศเด็ดขาด เพราะทั้งอายุและสังขารที่ไม่เอื้ออำนวยของหม่อม รวมทั้งอาชีพการงาน และฐานันดรศักดิ์ที่ติดตัวหม่อมมา ..หม่อมจึงต้วมเตี้ยม !
อีกทั้งบุคลิกและทรัพยากรปัญญาที่ติดตัวหม่อมมา ก็ยังไม่เอื้ออำนวย แม้คนรอบข้างจะกดดันให้หม่อมมีบุคคลิกแคล่วคล่อง ว่องไว เพื่อให้ประทับใจคนกทม. เพื่อลบภาพพงศพัศออกไปจากจิตสำนึก..ก็หมดโอกาส
เมื่อหม่อมต้องคอยจูน คอยปรับ เพื่อให้มีความสามารถเหมือนคนอื่น ทั้งที่เป็นคุณสมบัติที่ไม่มีในตัวเอง และไม่สามารถลอกเลียนแบบกันได้ หม่อมจะทุกข์..ทุกข์ที่ต้องทำให้เหมือนเขา
และยิ่งเมื่อเกิดปัญหาต่างๆใน กทม.แล้ว หม่อมมัวแต่เอ้ออ้า เอ๋ออ๋า ไม่ทันใจวัยรุ่น หรืออยู่ไม่อยู่ หม่อมก็น้ำตาซึม ร้องไห้จ้าขึ้นมาอีก ก็จะถูกรุมกระหน่ำจากทั้งฝ่ายแช่งและฝ่ายเชียร์..เป็นสองเท่า
การเลือกตั้งครั้งนี้ พงศพัศมาดีเกินไป แม้จะไม่ได้รับเลือกตั้งเพราะอยู่พรรคเพื่อไทย แต่ได้ทิ้งตัวอย่าง “การเป็นผู้ว่าฯ กทม.ที่ดี”เอาไว้ ให้หม่อมและพรรคประชาธิปัตย์ได้เห็น และเก็บไปคิดอีกนาน..คนคุณภาพต้องอย่างนี้ !
พงศพัศจบไปแล้ว ก็เหลือแต่หม่อมที่จะ “เสวยทุกขลาภ”หรือลาภอันเป็นทุกข์ที่ตนมิควรได้ เพื่อสังเวยความสะใจของคนกลุ่มหนึ่งเท่านั้น ความสะใจ อันนำมาซึ่งความเป็นทุกข์ในโอกาสต่อไป..ของ กทม.
งานของหม่อมครั้งนี้ จะยากขึ้น อีกทั้งเหนื่อยและหนักมาก งานหนึ่งต้องคอยปรับบุคลิก อีกงานหนึ่งต้องทำตามสัญญาทุกอย่างที่ให้ไว้ แล้วหม่อมจะทนได้สักเท่าไร..ก็เอาใจช่วยครับ !!!
...ทุกขลาภของหม่อม...
คงต้องพูดว่า “เฮ้ย อ้ายพวกสลิ่มปชป. ทั้งหลาย เอ็งอย่ามาทำกระดี๊กระด๊าเลยเว้ยย คนเลือกเอ็งแค่ 1.2 ล้านเสียงเท่านั้น คนกรุงเทพฯส่วนใหญ่อีกตั้ง 3 คน เขาไม่ได้เลือกเอ็ง อย่าทำไม่คุย ไอ้เวร “ ..คงสนุกนะ!
การกลับมาเป็นผู้ว่าฯอีกครั้งของ มรว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ไม่ง่ายเหมือนสมัยแรกๆ เนื่องจากคู่แข่งอย่าง พล.ต.อ.ดร.พงศพัศ พงศ์เจริญ ได้ฉายแววให้เห็นศักยภาพ ความสามารถ คล่องแคล่ว รวดเร็ว ฉับไว ทั้งภาพ เสียง และวิสัยทัศน์ชั้นเยี่ยม ให้คนกรุงเทพฯได้เห็นตัวอย่าง “การเป็นผู้ว่าฯกทม.ตัวจริง” ต้องทำอย่างไรบ้าง ..จนเกิดกระแสรุนแรง
ถ้าจะว่าไปแล้ว พวกสลิ่มเองก็ยังเคยพูดกันว่า ถ้าเอาตัวต่อตัวระหว่างสุขุมพันธุ์กับพงศพัศมาเทียบกันแล้ว ไม่มีอะไรที่สุขุมพันธุ์จะสู้พงศพัศได้เลย เสียแต่ที่ว่าพงศพัศอยู่พรรคเพื่อไทยเท่านั้น ..สลิ่มบอก
ดังนั้น การได้กลับมาเป็นผู้ว่าฯของ มรว.สุขุมพันธุ์ กลับกลายเป็น “ทุกขลาภ” มากว่า “สุขลาภ” เพราะมีแรงกดดันมากมายจากทั้ง 2 ฝ่าย คือทั้งฝ่ายแช่ง และฝ่ายเชียร์ ที่จะต้องคอยจับตามองสุขุมพันธุ์อย่างไม่วางตา..จ้องจับผิด
ฝ่ายแช่งนั้น ไม่บอกก็รู้ว่าต้องทำอย่างไร แต่ฝ่ายเชียร์นี่สิ จะต้องพยายามให้สุขุมพันธุ์ทำให้ใกล้เคียงกับพงศพัศให้ได้.. นั่นแหละ ทุกขลาภละ !
เพราะผมเชื่อโดยความบริสุทธิ์ใจว่า อย่างไรเสีย หม่อมก็ไม่มีทางเป็นได้เหมือนพงศพัศเด็ดขาด เพราะทั้งอายุและสังขารที่ไม่เอื้ออำนวยของหม่อม รวมทั้งอาชีพการงาน และฐานันดรศักดิ์ที่ติดตัวหม่อมมา ..หม่อมจึงต้วมเตี้ยม !
อีกทั้งบุคลิกและทรัพยากรปัญญาที่ติดตัวหม่อมมา ก็ยังไม่เอื้ออำนวย แม้คนรอบข้างจะกดดันให้หม่อมมีบุคคลิกแคล่วคล่อง ว่องไว เพื่อให้ประทับใจคนกทม. เพื่อลบภาพพงศพัศออกไปจากจิตสำนึก..ก็หมดโอกาส
เมื่อหม่อมต้องคอยจูน คอยปรับ เพื่อให้มีความสามารถเหมือนคนอื่น ทั้งที่เป็นคุณสมบัติที่ไม่มีในตัวเอง และไม่สามารถลอกเลียนแบบกันได้ หม่อมจะทุกข์..ทุกข์ที่ต้องทำให้เหมือนเขา
และยิ่งเมื่อเกิดปัญหาต่างๆใน กทม.แล้ว หม่อมมัวแต่เอ้ออ้า เอ๋ออ๋า ไม่ทันใจวัยรุ่น หรืออยู่ไม่อยู่ หม่อมก็น้ำตาซึม ร้องไห้จ้าขึ้นมาอีก ก็จะถูกรุมกระหน่ำจากทั้งฝ่ายแช่งและฝ่ายเชียร์..เป็นสองเท่า
การเลือกตั้งครั้งนี้ พงศพัศมาดีเกินไป แม้จะไม่ได้รับเลือกตั้งเพราะอยู่พรรคเพื่อไทย แต่ได้ทิ้งตัวอย่าง “การเป็นผู้ว่าฯ กทม.ที่ดี”เอาไว้ ให้หม่อมและพรรคประชาธิปัตย์ได้เห็น และเก็บไปคิดอีกนาน..คนคุณภาพต้องอย่างนี้ !
พงศพัศจบไปแล้ว ก็เหลือแต่หม่อมที่จะ “เสวยทุกขลาภ”หรือลาภอันเป็นทุกข์ที่ตนมิควรได้ เพื่อสังเวยความสะใจของคนกลุ่มหนึ่งเท่านั้น ความสะใจ อันนำมาซึ่งความเป็นทุกข์ในโอกาสต่อไป..ของ กทม.
งานของหม่อมครั้งนี้ จะยากขึ้น อีกทั้งเหนื่อยและหนักมาก งานหนึ่งต้องคอยปรับบุคลิก อีกงานหนึ่งต้องทำตามสัญญาทุกอย่างที่ให้ไว้ แล้วหม่อมจะทนได้สักเท่าไร..ก็เอาใจช่วยครับ !!!