เหตุการณ์นี้มีผู้เกี่ยวข้องอยู่ 5 คนนะคะ
1 ปู่บุญธรรม
2 ลุงแท้ๆ
3 ย่าแท้ๆ
4 พี่ชาย
5 เรา
เรื่องนี้เกิดขึ้นเมื่อ มกราคม 2527 เรื่องมีอยู่ว่าปู่บุญธรรมของเราเป็นเจ้าของร่วมกับย่าแท้ๆ ในที่แปลงหนึ่งคือมีสิทธิ์กันคนละครึ่ง
หลังจากนั้นทั้งสองมีการเขียนสัญญาต่อกันเป็นลายลักษณ์อักษรว่าปู่บุญธรรมของเราได้ยกกรรมสิทธิ์ครึ่งหนึ่งของที่แปลงดังกล่าว
ให้กับพี่ชายและเรา โดยในสัญญาดังกล่าวมีการเซ็นชื่อคู่กรณีทั้งสองและพยาน
หลังจากนั้นในเดือนกันยายนปีเดียวกัน ย่าและลุงแท้ๆของเราร่วมกันนำที่ดินแปลงดังกล่าวไปขาย และได้นำเงินนั้นไปซื้อที่ดิน
ผืนใหม่แถวดอนเมือง ทั้งนี้ทั้งนั้นที่ดินผืนเก่าไม่เคยได้รับการนำชื่อของเราและพี่ชายเข้าร่วมถือกรรมสิทธิ์การเป็นเจ้าของแต่อย่างใด
ไม่เคยมีการทำการใดๆต่อเจ้าหน้าเจ้าพนักงานกรมที่ดิน หรือหน่วยงานราชการใดๆ ปู่บุญธรรมทราบเรื่องการขายที่ดินดังกล่าว
จึงได้ติดต่อย่าและลุงมาเพื่อทำการยกเลิกสัญญาฉบับแรก เพราะที่ดินได้ถูกขายไปแล้ว และดำเนินการร่างสัญญฉบับใหม่ขึ้น
สัญญาฉบับใหม่กล่าวว่า "ย่า ตกลงยินยอมให้พี่ชายและเรา มีส่วนร่วมในที่ดินโฉนดดังกล่าว (ที่ดินแปลงใหม่ที่ดอนเมือง)
คิดเป็นจำนวน 200000 บาท (ครึ่งหนึ่งของราคาที่ดินแปลงแรกที่ขายได้). โดยจะดำเนินการให้เมื่อที่ดินดังกล่าวมีการขายหรือแบ่งแยกโฉนด"
เรื่องนี้เกิดขึ้นเมื่อ 29 ปีที่แล้ว เรานั้นมีเอกสารสัญญาทั้งสองฉบับ อยากทราบว่า
1 เรายังมีสิทธิ์ในที่ดินดังกล่าวหรือไม่
2 หากยังมีสิทธิ์ ทำอย่างไรจะสามารถใส่ชื่อเป็นเจ้าของร่วมในโฉนดที่ดินดังกล่าว
3 หากไม่มีสิทธิ์ในที่ดิน เรามีสิทธิ์ที่จะเรียกร้องเงิน 200000 นั้นคืนได้หรือไม่
4 หากสามารถเรียกร้องเงินจำนวน 200000 คืนได้จะได้ดอกเบี้ยด้วยหรือไม่ กี่เปอร์เซ็น รวม 29 ปีคิดเป็นจำนวนเงินคร่าวๆได้เท่าไหร่
หรือมีสิทธิ์เพียงเงินจำนวน 200000
5 ค่าว่าจ้างทนายและค่าดำเนินการต่างๆ แบบคร่าวๆ
ใครพอมีความรู้เรื่องนี้รบกวนด้วยนะคะ ขอบพระคุณค่ะ
โดยญาติแท้ๆ โกงที่ดินจากทรัพย์สินที่ปู่บุญธรรมยกให้มานานกว่า 30 ปี มีทางสู้ทางกฎหมายไม๊คะ
1 ปู่บุญธรรม
2 ลุงแท้ๆ
3 ย่าแท้ๆ
4 พี่ชาย
5 เรา
เรื่องนี้เกิดขึ้นเมื่อ มกราคม 2527 เรื่องมีอยู่ว่าปู่บุญธรรมของเราเป็นเจ้าของร่วมกับย่าแท้ๆ ในที่แปลงหนึ่งคือมีสิทธิ์กันคนละครึ่ง
หลังจากนั้นทั้งสองมีการเขียนสัญญาต่อกันเป็นลายลักษณ์อักษรว่าปู่บุญธรรมของเราได้ยกกรรมสิทธิ์ครึ่งหนึ่งของที่แปลงดังกล่าว
ให้กับพี่ชายและเรา โดยในสัญญาดังกล่าวมีการเซ็นชื่อคู่กรณีทั้งสองและพยาน
หลังจากนั้นในเดือนกันยายนปีเดียวกัน ย่าและลุงแท้ๆของเราร่วมกันนำที่ดินแปลงดังกล่าวไปขาย และได้นำเงินนั้นไปซื้อที่ดิน
ผืนใหม่แถวดอนเมือง ทั้งนี้ทั้งนั้นที่ดินผืนเก่าไม่เคยได้รับการนำชื่อของเราและพี่ชายเข้าร่วมถือกรรมสิทธิ์การเป็นเจ้าของแต่อย่างใด
ไม่เคยมีการทำการใดๆต่อเจ้าหน้าเจ้าพนักงานกรมที่ดิน หรือหน่วยงานราชการใดๆ ปู่บุญธรรมทราบเรื่องการขายที่ดินดังกล่าว
จึงได้ติดต่อย่าและลุงมาเพื่อทำการยกเลิกสัญญาฉบับแรก เพราะที่ดินได้ถูกขายไปแล้ว และดำเนินการร่างสัญญฉบับใหม่ขึ้น
สัญญาฉบับใหม่กล่าวว่า "ย่า ตกลงยินยอมให้พี่ชายและเรา มีส่วนร่วมในที่ดินโฉนดดังกล่าว (ที่ดินแปลงใหม่ที่ดอนเมือง)
คิดเป็นจำนวน 200000 บาท (ครึ่งหนึ่งของราคาที่ดินแปลงแรกที่ขายได้). โดยจะดำเนินการให้เมื่อที่ดินดังกล่าวมีการขายหรือแบ่งแยกโฉนด"
เรื่องนี้เกิดขึ้นเมื่อ 29 ปีที่แล้ว เรานั้นมีเอกสารสัญญาทั้งสองฉบับ อยากทราบว่า
1 เรายังมีสิทธิ์ในที่ดินดังกล่าวหรือไม่
2 หากยังมีสิทธิ์ ทำอย่างไรจะสามารถใส่ชื่อเป็นเจ้าของร่วมในโฉนดที่ดินดังกล่าว
3 หากไม่มีสิทธิ์ในที่ดิน เรามีสิทธิ์ที่จะเรียกร้องเงิน 200000 นั้นคืนได้หรือไม่
4 หากสามารถเรียกร้องเงินจำนวน 200000 คืนได้จะได้ดอกเบี้ยด้วยหรือไม่ กี่เปอร์เซ็น รวม 29 ปีคิดเป็นจำนวนเงินคร่าวๆได้เท่าไหร่
หรือมีสิทธิ์เพียงเงินจำนวน 200000
5 ค่าว่าจ้างทนายและค่าดำเนินการต่างๆ แบบคร่าวๆ
ใครพอมีความรู้เรื่องนี้รบกวนด้วยนะคะ ขอบพระคุณค่ะ