คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 10
ที่ขีดเส้นใต้คือ เพิ่มเติม ขีดฆ่าคือแก้ไขครับ พอดีพิมพ์ตอบเมื่อกลางดึก เบลอๆง่วงนอน
BMCL หรือ BTSดีกว่าผมไม่ฟันธงว่าอะไรดีกว่ากันแพงกว่ากัน
(การรถไฟไทยไม่ต้องพูดถึง)
เพราะพื้นที่ทับซ้อนเฉพาะจุดเชื่อมต่อ มันไม่ได้วิ่งทับเส้นทางกัน เป้าหมายกลุ่มลูกค้าต่างกัน
ถ้ารวมเป็นบริษัทเดียวกันได้จะดีมาก แต่ทำได้ยาก หรืออาจจะทำไม่ได้เลย
สำหรับผมเอาความจริงเลย ผมอยากได้(BTS+BMCL)/2
หรือก็คืออยู่บนดิน แต่ก็เท่าที่ทราบบนดินเป็นที่ๆของรถยนต์ไปแล้ว
และรางที่มีอยู่ก็อยู่ในการดูแลของการรถไฟ
หากปรับเปลี่ยนมาเป็นเอกชนดูแลแต่ทีแรก ผมว่าBTSไม่ได้เกิด
รถไฟบนพื้น ย่อมดีกว่ารถไฟลอยฟ้า หรือใต้ดิน
เพราะ1. รถไฟที่อยู่บนพื้นหรือใต้ดิน ทำความเร็วได้ดีกว่ารถไฟที่ลอยอยู่บนฟ้า
2. รถไฟที่อยู่บนพื้นดีกว่ารถไฟที่อยู่ใต้ดิน(เมืองไทย) เพราะไม่ต้องใช้เครื่องปรับ/ฟอกอากาศ
เพื่อให้มีอากาศหายใจใต้ดิน
3. รถไฟบนดินขยายรางง่ายกว่าสามารถรองรับ "รถไฟความเร็วสูง" การสร้างใต้ดิน หรือบนดินลอยฟ้า
ก็ทำได้แต่ต้องเปลี่ยนโครงสร้างฐานรองรับ และความกว้างเพิ่ม ไม่รู้ว่าBTS หรือBMCL ตอนสร้าง
ได้วางแผนเอาไว้ถึงการขยายรางไหม บนดินเวนคืนที่ดินหนึ่งแถบ
4. การขยายชานชาลารถไฟจอด บนดินก็แค่สร้างต่อออกไป แต่ลอยฟ้า ถ้าคุณไม่ได้ออกแบบมา
เพื่อให้สามารถต่อขยายได้ คุณก็ได้เต็มที่เท่านั้น เพราะขืนทุบสร้างใหม่ ก็เป็นอัมพาต ยิ่งกลางเมือง
อย่างสยามนี่ แทบจะทุบหรือต่อเติมไม่ได้เลย ใต้ดินก็ต้องขุดเพิ่ม และประเมินโครงสร้างการรับน้ำหนักใหม่
5. รถไฟบนดินใช้งบประมาณน้อยกว่า
-รถไฟลอยฟ้าเพราะสร้างแค่2ชั้น คือชั้นล่าง(ชานชาลา) และชั้นโฮม(ไม่รู้เรื่องเรียกว่าอะไรชั้นออกตั๋วมั้ง?)
แถมชั้นบนสามารถตั้งร้านขายของได้ง่ายกว่าโครงสร้างจะออกแนวMRT
-รถไฟใต้ดิน ใช้งบประมาณมาก เพราะต้องขุดต้องแก้โครงสร้างการรับน้ำหนัก สิ้นเปลืองงบประมาณ
ดูหรู แต่ใต้ดินก็มีข้อดีตรงที่เข้าถึงพื้นที่ชุมชนได้ง่ายกว่า เพราะโฮมอยู่ใต้ดิน
สรุป ถ้ามีBTS กับBMCL ให้เลือก ผมขอดูผลประกอบการ และคาดการณ์อนาคตที่เส้นทางรถไฟวิ่งผ่าน
ดูกลุ่มลูกค้า แต่ถ้าการรถไฟไทยกลายเป็นเอกชน แล้วมาแข่งพัฒนารถไฟบนดินอีกราย ผมเลือกการรถไฟไทย
ให้คะแนนแบ่งเป็นหัวข้อย่อยๆดังนี้
1.ความเร็วในการก่อสร้าง ปรับปรุง แก้ไข ต่อเติม ขยาย และความประหยัด: บนดิน>ลอยฟ้า>ใต้ดิน
2.ความเร็วรถไฟ: ใต้ดิน>บนดิน>ลอยฟ้า
3.การเข้าถึงชุมชน: ใต้ดิน>บนดิน,ลอยฟ้า
4.ทัศนียภาพ: ใต้ดิน,บนดิน>ลอยฟ้า
5.ความเสี่ยงที่จะเกิดการก่อการร้าย: บนดิน,ลอยฟ้า>ใต้ดินนิดหน่อย กรณีซุ่มยิง
6.ประโยชน์จากการใช้พื้นที่ให้เช่าขายของ: ขึ้นอยู่กับโครงสร้าง
7.การเชื่อมต่อกับอาคารต่างๆ: บนดิน,ลอยฟ้า>ใต้ดิน(ในกรณีที่อาคารนั้นไม่มีชั้นใต้ดิน)
จะเห็นได้ว่าใต้ดินดีกว่าเยอะ แต่ผมก็ยังไม่เลือกใต้ดินอยู่ดีแม้การเข้าถึงชุมชน และทัศนียภาพจะดีกว่า
เพราะ ทัศนียภาพนี่มองได้2มุม ถ้าเอาไว้บนดินก็ทำให้มองเป็นเมืองที่พัฒนาแล้ว อวดรถไฟสวยๆได้
ถ้าไว้ใต้ดินก็ดูโล่งตา ส่วนการเข้าถึงชุมชน ก็เข้าได้ถึงแค่จุดๆหนึ่งเท่านั้น เพราะยังมีจักรยานยนต์รับจ้าง
ที่เข้าตรอกซอก ซอยได้ดีกว่า
อันนี้นอกเรื่อง แต่มันเป็นงูกินหาง ถ้าจะแก้ปัญหารถในกรุงเทพทำแบบนี้จะช่วยได้เยอะขึ้น
ถ้าทำให้ใครไม่พอใจ ผมขอโทษไว้ก่อน
เน้นให้คนไทยใช้รถส่วนตัว แล้วได้คิดเผื่อถึงตรงนี้หรือยัง?
1. คนที่ซื้อรถส่วนตัวแต่ไม่มีที่จอด เอาถนนเป็นที่จอดรถ หรือจอดรถแช่ จอดรถแล้วตั้งร้านข้างถนน
2. รถที่ซื้อมานาน รถเก่ามากไม่สมควรจะได้รับการต่ออายุ เปลี่ยนโฉมใหญ่2ครั้งก็ไม่ควรต่อแล้ว ออกไปไหน
ก็เห็นแต่ใช้รถ10ปีขึ้น อาจจะเพราะไม่มีเงินซื้อใหม่ หรือเพราะซื้อใหม่มาก็ไม่มีที่จอด หรือประหยัด?
3. การขนส่งสาธารณะไม่ดี ไม่ปลอดภัย ไม่ตรงต่อเวลา(ก็คงจะตรงเพราะรถมันติด) คนจึงหันมาใช้รถส่วนตัวมากขึ้น
4. ต้องไม่ลืมว่าที่นี่เมืองไทย ศรีธนญชัยเยอะ (ผมประชด)
และปัญหาที่ตามมาก็คือ รถติด สิ้นเปลืองพลังงาน เปลืองผิวถนน เอารถยนต์มาเทียบรถไฟฟ้า คงเห็นภาพ
พูดได้ครับ แต่แก้ไม่ได้ เพราะ ถ้าหากออกกฎหมายว่า ห้ามรถเกิน10ปีวิ่ง หรือจอดรถข้างถนน ยึดรถ
ยึดใบขับขี่ และห้ามทำตลอดชีวิต คงจะมีโวยแน่นอน คงเข้าโปรโมชั่นทวงคืนสิทธิประชาชน
ปัญหานอกจากนั้นคือ ประเทศไทยพัฒนาเน้นพัฒนากรุงเทพอย่างเดียว คนครึ่งประเทศอยู่แต่ในกรุงเทพ
รถยนต์ส่วนมากอยู่แต่ในกรุงเทพ เมื่อเครื่องยนต์ทำงานยังไงก็ย่อมเกิดความร้อน พื้นที่สีเขียวน้อยเพราะเอามาสร้างตึก
อากาศเสีย รถติด คนป่วยทางอารมณ์มากชึ้น สภาพจิตใจย่ำแย่ ดั่งทองอยู่ในอาจม
จะให้พูดก็ยาว ไปทำงานดีกว่า ยืมคำพูดพี่ที่ทำงานเก่าคนหนึ่งมาใช้ "ชีวิตไม่สิ้น ก็ต้องดิ้นกันไป" เอวัง ด้วยประการ ฉะนี้
BMCL หรือ BTSดีกว่าผมไม่ฟันธงว่าอะไรดีกว่ากันแพงกว่ากัน

เพราะพื้นที่ทับซ้อนเฉพาะจุดเชื่อมต่อ มันไม่ได้วิ่งทับเส้นทางกัน เป้าหมายกลุ่มลูกค้าต่างกัน
ถ้ารวมเป็นบริษัทเดียวกันได้จะดีมาก แต่ทำได้ยาก หรืออาจจะทำไม่ได้เลย
สำหรับผมเอาความจริงเลย ผมอยากได้(BTS+BMCL)/2
หรือก็คืออยู่บนดิน แต่ก็เท่าที่ทราบบนดินเป็นที่ๆของรถยนต์ไปแล้ว
และรางที่มีอยู่ก็อยู่ในการดูแลของการรถไฟ
หากปรับเปลี่ยนมาเป็นเอกชนดูแลแต่ทีแรก ผมว่าBTSไม่ได้เกิด
รถไฟบนพื้น ย่อมดีกว่ารถไฟลอยฟ้า หรือใต้ดิน
เพราะ1. รถไฟที่อยู่บนพื้นหรือใต้ดิน ทำความเร็วได้ดีกว่ารถไฟที่ลอยอยู่บนฟ้า
2. รถไฟที่อยู่บนพื้นดีกว่ารถไฟที่อยู่ใต้ดิน(เมืองไทย) เพราะไม่ต้องใช้เครื่องปรับ/ฟอกอากาศ
เพื่อให้มีอากาศหายใจใต้ดิน
3. รถไฟบนดินขยายรางง่ายกว่าสามารถรองรับ "รถไฟความเร็วสูง" การสร้างใต้ดิน หรือ
ก็ทำได้แต่ต้องเปลี่ยนโครงสร้างฐานรองรับ และความกว้างเพิ่ม ไม่รู้ว่าBTS หรือBMCL ตอนสร้าง
ได้วางแผนเอาไว้ถึงการขยายรางไหม บนดินเวนคืนที่ดินหนึ่งแถบ
4. การขยายชานชาลารถไฟจอด บนดินก็แค่สร้างต่อออกไป แต่ลอยฟ้า ถ้าคุณไม่ได้ออกแบบมา
เพื่อให้สามารถต่อขยายได้ คุณก็ได้เต็มที่เท่านั้น เพราะขืนทุบสร้างใหม่ ก็เป็นอัมพาต ยิ่งกลางเมือง
อย่างสยามนี่ แทบจะทุบหรือต่อเติมไม่ได้เลย ใต้ดินก็ต้องขุดเพิ่ม และประเมินโครงสร้างการรับน้ำหนักใหม่
5. รถไฟบนดินใช้งบประมาณน้อยกว่า
-รถไฟลอยฟ้าเพราะสร้างแค่2ชั้น คือชั้นล่าง(ชานชาลา) และชั้นโฮม(ไม่รู้
แถมชั้นบนสามารถตั้งร้านขายของได้ง่ายกว่าโครงสร้างจะออกแนวMRT
-รถไฟใต้ดิน ใช้งบประมาณมาก เพราะต้องขุดต้องแก้โครงสร้างการรับน้ำหนัก สิ้นเปลืองงบประมาณ
ดูหรู แต่ใต้ดินก็มีข้อดีตรงที่เข้าถึงพื้นที่ชุมชนได้ง่ายกว่า เพราะโฮมอยู่ใต้ดิน
สรุป ถ้ามีBTS กับBMCL ให้เลือก ผมขอดูผลประกอบการ และคาดการณ์อนาคตที่เส้นทางรถไฟวิ่งผ่าน
ดูกลุ่มลูกค้า แต่ถ้าการรถไฟไทยกลายเป็นเอกชน แล้วมาแข่งพัฒนารถไฟบนดินอีกราย ผมเลือกการรถไฟไทย
ให้คะแนนแบ่งเป็นหัวข้อย่อยๆดังนี้
1.ความเร็วในการก่อสร้าง ปรับปรุง แก้ไข ต่อเติม ขยาย และความประหยัด: บนดิน>ลอยฟ้า>ใต้ดิน
2.ความเร็วรถไฟ: ใต้ดิน>บนดิน>ลอยฟ้า
3.การเข้าถึงชุมชน: ใต้ดิน>บนดิน,ลอยฟ้า
4.ทัศนียภาพ: ใต้ดิน,บนดิน>ลอยฟ้า
5.ความเสี่ยงที่จะเกิดการก่อการร้าย: บนดิน,ลอยฟ้า>ใต้ดินนิดหน่อย กรณีซุ่มยิง
6.ประโยชน์จากการใช้พื้นที่ให้เช่าขายของ: ขึ้นอยู่กับโครงสร้าง
7.การเชื่อมต่อกับอาคารต่างๆ: บนดิน,ลอยฟ้า>ใต้ดิน(ในกรณีที่อาคารนั้นไม่มีชั้นใต้ดิน)
จะเห็นได้ว่าใต้ดินดีกว่าเยอะ แต่ผมก็ยังไม่เลือกใต้ดินอยู่ดีแม้การเข้าถึงชุมชน และทัศนียภาพจะดีกว่า
เพราะ ทัศนียภาพนี่มองได้2มุม ถ้าเอาไว้บนดินก็ทำให้มองเป็นเมืองที่พัฒนาแล้ว อวดรถไฟสวยๆได้
ถ้าไว้ใต้ดินก็ดูโล่งตา ส่วนการเข้าถึงชุมชน ก็เข้าได้ถึงแค่จุดๆหนึ่งเท่านั้น เพราะยังมีจักรยานยนต์รับจ้าง
ที่เข้าตรอกซอก ซอยได้ดีกว่า
อันนี้นอกเรื่อง แต่มันเป็นงูกินหาง ถ้าจะแก้ปัญหารถในกรุงเทพทำแบบนี้จะช่วยได้เยอะขึ้น
ถ้าทำให้ใครไม่พอใจ ผมขอโทษไว้ก่อน
เน้นให้คนไทยใช้รถส่วนตัว แล้วได้คิดเผื่อถึงตรงนี้หรือยัง?
1. คนที่ซื้อรถส่วนตัวแต่ไม่มีที่จอด เอาถนนเป็นที่จอดรถ หรือจอดรถแช่ จอดรถแล้วตั้งร้านข้างถนน
2. รถที่ซื้อมานาน รถเก่ามากไม่สมควรจะได้รับการต่ออายุ เปลี่ยนโฉมใหญ่2ครั้งก็ไม่ควรต่อแล้ว ออกไปไหน
ก็เห็นแต่ใช้รถ10ปีขึ้น อาจจะเพราะไม่มีเงินซื้อใหม่ หรือเพราะซื้อใหม่มาก็ไม่มีที่จอด หรือประหยัด?
3. การขนส่งสาธารณะไม่ดี ไม่ปลอดภัย ไม่ตรงต่อเวลา(ก็คงจะตรงเพราะรถมันติด) คนจึงหันมาใช้รถส่วนตัวมากขึ้น
4. ต้องไม่ลืมว่าที่นี่เมืองไทย ศรีธนญชัยเยอะ (ผมประชด)

และปัญหาที่ตามมาก็คือ รถติด สิ้นเปลืองพลังงาน เปลืองผิวถนน เอารถยนต์มาเทียบรถไฟฟ้า คงเห็นภาพ
พูดได้ครับ แต่แก้ไม่ได้ เพราะ ถ้าหากออกกฎหมายว่า ห้ามรถเกิน10ปีวิ่ง หรือจอดรถข้างถนน ยึดรถ
ยึดใบขับขี่ และห้ามทำตลอดชีวิต คงจะมีโวยแน่นอน คงเข้าโปรโมชั่นทวงคืนสิทธิประชาชน

ปัญหานอกจากนั้นคือ ประเทศไทยพัฒนาเน้นพัฒนากรุงเทพอย่างเดียว คนครึ่งประเทศอยู่แต่ในกรุงเทพ
รถยนต์ส่วนมากอยู่แต่ในกรุงเทพ เมื่อเครื่องยนต์ทำงานยังไงก็ย่อมเกิดความร้อน พื้นที่สีเขียวน้อยเพราะเอามาสร้างตึก
อากาศเสีย รถติด คนป่วยทางอารมณ์มากชึ้น สภาพจิตใจย่ำแย่ ดั่งทองอยู่ในอาจม
จะให้พูดก็ยาว ไปทำงานดีกว่า ยืมคำพูดพี่ที่ทำงานเก่าคนหนึ่งมาใช้ "ชีวิตไม่สิ้น ก็ต้องดิ้นกันไป" เอวัง ด้วยประการ ฉะนี้
แสดงความคิดเห็น
BMCL ราคาแพงกว่า BTS ไปแล้วเพราะมีอนาคตที่ดีกว่าจริง ๆ หรือ??
คิดแล้วก็ลองเข้าไปศึกษาข้อมูลของ BMCL ใน Website ของตลาดหลักทรัพย์ดูสักหน่อย
ปรากฏว่าข้อมูลที่ได้มาทำให้คิดว่าไม่น่าสนใจเพราะยังขาดทุนอย่างต่อเนื่อง
ตัวเลขต่าง ๆ ก็ดูไม่สวยงามเอาเสียเลย
น่าจะผิดหลักการการลงทุนแนวเน้นคุณค่าที่เราอุตส่าห์ร่ำเรียนและคิดว่าเข้าใจดีแล้วนะนี่..ฮ่าๆๆๆ
เคยไปลองขึ้น MRT ดูหลายครั้งก็ดูเหมือนผู้โดยสารจะน้อยกว่า BTS อย่างเห็นได้ชัด
แต่เคยได้อ่านผ่าน ๆ เหมือนว่าจะมีส่วนต่อขยายและเชื่อมต่อเพิ่มอีกหลายเส้นทาง
น่าจะสร้างเสร็จช่วงที่มีการเปิด AEC พอดีก็จะทำให้เกิดรายได้กลายเป็นหุ้น Turn Around ได้จริง ๆ
ว่าแล้วก็ขอลองซื้อ BMCL สัก 200 หุ้นเอาไว้ติดตามราคาดูดีกว่า...อิอิ ^^
โอ้ววว...จะมีประชุมผู้ถือหุ้นด้วยหรือนี่?
ลองไปฟังดูว่าผู้บริหารจะคุยอะไรให้ฟังกันดีกว่า...อิอิ ^^
อิอิ...ไม่ผิดหวังที่ได้ไปประชุมผู้ถือหุ้นมาแล้ว
ผู้บริหารได้วาดฝันให้ดูเส้นทางเชื่อมต่อที่ตระการตาพร้อมแนวโน้มรายได้ที่สูงขึ้นต่อเนื่องทุกปี
ดูแล้วน่าเชื่อว่าจะสามารถพลิกจากขาดทุนเป็นกำไรและจะมีปันผล ฯลฯ ตามที่ได้ฟังมาจริง ๆ เบย ^^
ทุกอย่างดูดีไปหมดแต่ทำไมราคาก็ยังคงวนเวียนอยู่ที่ 0.60-0.70 บาทไม่ไปไหนเลยน๊า
ตั้งแต่ช่วงที่เริ่มซื้อ 200 หุ้นเมื่อเดือนพฤษภาคม 2555 จนถึงกลางเดือนมกราคม 2556
ว๊าาาา...ถ้าเป็นแบบนี้ก็อย่าเพิ่งไปยุ่งกับหุ้นที่ยังขาดทุนอยู่เลยจะดีกว่าเดี๋ยวจะเจ็บตัว
เอาไว้ให้งบปีออกมาก่อนแล้วค่อยพิจารณาตัดสินใจอีกทีก็ยังไม่สายไป...อิอิ ^^
แต่...จ๊ากกก...เผลอแค่แป๊บบบเดียวววเอ๊งงง
หลังกลางเดือนมกราคม 2556 ทำไมราคาหุ้น BMCL ถึงได้พุ่งกระฉูดไม่ให้ได้ตั้งตัวกันเบย!!
เกิดอะไรขึ้นรึนี่??
หรือว่ามีคนเริ่มเห็นอนาคตของ BMCL แล้วจึงเข้ามาเก็บหุ้นกันยกใหญ่?
ล่าสุดราคาย่อลงมาอยู่ที่ 1.41 คิดเป็นกำไร 131.15%
หากคำนวณจากราคาที่ขึ้นไปสูงสุดที่ 1.77 บาทเมื่อวันที่ 12 กุมภาพันธ์ 2556
คิดเป็นกำไรมากถึง 190.16% เลยนะนั่น
OMG ทำไมถึงได้ Turn Around ได้รวดเร็วเช่นนี้!!
หรือว่า BMCL กำลังจะมีอนาคตที่รุ่งโรจน์โชติช่วงชัชวาลจริง ๆๆๆ ซะแล้ว??
ไหน ๆๆๆ ลองมาเปรียบเทียบกับหุ้นไร้อนาคตอย่าง BTS ที่มีอยู่ในพอร์ตมาเกือบ 2 ปีแล้วดูหน่อยซิ...
อูยยยย...เลือดท่วมปอดเ็ซ็งจุงเบย...แง ๆๆๆ
อ๊ากกก...ไม่เอา ๆๆ แบบนี้ต้อง CUT LOSS ๆๆๆ
ราคาหุ้น BTS นี่ก็เหมือนกัน...วนเวียนอยู่แถวนี้จนเม่าเซ็งอยากจะ CUT LOSS ซะให้หมดพอร์ตไปก็หลายทีแระ
หึหึหึ...
ตอนหลังนี่ทำตัวดีน่าให้อภัยขึ้นมาหน่อยเพราะราคาขยับขึ้นไป 0.86 บาทได้ซะที...อิอิ ^^
วันต่อมาเปลี่ยนแปลงพาร์จากประมาณ 0.61 บาทเป็น 4 บาท (ไม่แน่ใจพาร์เดิมที่ 0.61 บาทรึเปล่า)
ราคาหุ้นเปลี่ยนจาก 0.86 บาทเป็น 5.40 บาทตอนเปิดตลาดและปิดที่ 5.30 บาทในวันเปลี่ยนพาร์วันแรก
(การเปลี่ยนราคาพาร์ทำให้หุ้นในพอร์ตหายไปจาก 6 แสนหุ้นเหลือ 96,000 หุ้นที่ต้นทุนเท่าเดิม)
เฮ้อออ...ค่อยยังชั่วหน่อย...ในที่สุดก็เปลี่ยนจากขาดทุนกว่า 20% มาเป็นกำไร 28.25%...อิอิ ^^
ล่าสุดตอนนี้ได้กำไรเกือบ 100% แระ...
อิอิ ดี๊ด๊าออกนอกหน้า ^^
แต่เอ...ถ้าเปรียบเทียบกับ BMCL นี่หุ้น BTS ในพอร์ตยังกำไรไม่ถึง 131.15% เลยนี่นา??
ทั้งที่ซื้อลงทุนก่อนกันนานถึงปีกว่าและผลประกอบการโตวันโตคืนดีกว่ากันแบบเทียบไม่ติด
ยกตัวอย่างเช่น
ถ้าต้องการให้ BTS ได้กำไร 131.15% เท่ากันกับ BMCL ราคาหุ้น BTS ณ ตอนนี้ควรจะเป็น
(0.6612 x 131.15/100)+0.6612 = 1.53 บาท (ก่อนเปลี่ยนพาร์) หรือ
(4.1325 x 131.15/100)+4.1325 = 9.55 บาท (หลังเปลี่ยนพาร์)
สมมุติลองใช้ราคา BTS ก่อนเปลี่ยนพาร์เพื่อให้ราคาใกล้เคียงกันกับ BMCL ก็จะได้เห็นภาพชัดเจนขึ้น
ซึ่งหมายความว่า...
ถ้าหุ้น BMCL เพิ่มขึ้น 131.15% ราคาต้องขึ้นจาก 0.61 บาทเป็น 1.41 บาท ในปัจจุบัน
ถ้าหุ้น BTS เพิ่มขึ้น 131.15% ราคาต้องขึ้นจาก 0.66 บาทเป็น 1.53 บาท ในปัจจุบัน
(หรือหลังเปลี่ยนพาร์หากเพิ่มขึ้น 131.15% ราคาต้องขึ้นจาก 4.1325 บาท เป็น 9.55 บาทในปัจจุบัน)
แต่ราคาจริงของหุ้น BTS ในปัจจุบันเพิ่มขึ้นจากต้นทุนที่ 4.1325 บาทเพียง 99.65%
เป็นราคา 8.25 บาทเท่านั้นแทนที่จะขึ้น 131.15% เป็น 9.55 บาทดังเช่นหุ้นของ BMCL
สรุปแล้วราคาหุ้นของ BMCL ณ ปัจจุบันสูงกว่าราคาหุ้นของ BTS จริง ๆ หรือนี่?
โอ้วววว...ม่ายยยนะ!!
มีตำราเล่มไหนที่บอกว่าหุ้นที่ขาดทุน งบแย่ ๆ ราคาหุ้นต้องแพงกว่าหุ้นที่รายได้เติบโตมีกำไรที่ดีหรือ?
หรือว่ามีข้อมูลตัวเลขใดที่ตกหล่นไม่ได้นำมาใช้ในการประเมินเปรียบเทียบกันรึ?
หรือว่าหุ้น BMCL มีอนาคตที่ดีกว่าซึ่งนักลงทุนที่เก่ง ๆ มองเห็นก่อนและได้เข้าไปเก็บสะสมหุ้นกันไปแล้ว
และราคาที่วิ่งขึ้นมาก็เป็นราคาที่สะท้อนอนาคตไว้หมดแล้ว?
ล่าสุดงบไตรมาส 3 ของ BTS กับงบประจำปี 2555 ของ BMCL...
ถ้างบที่เติบโตแบบแข็งแกร่งของ BTS และกำลังจะเข้ากองทุนโครงสร้างพื้นฐาน
เป็นหุ้นที่ไร้อนาคตสู้หุ้น BMCL ไม่ได้
ก็คงต้องทำใจนั่งดูราคาหุ้นของ BTS อยู่นิ่ง ๆ หรือขยับช้ัา ๆ ต่อไป
และปล่อยให้หุ้นที่ผลประกอบการล่าสุดยังขาดทุนเกือบพันล้านบาทอย่าง BMCL ยังคงเดินหน้าขึ้นต่อ
เพราะคงจะทำใจที่จะขายหุ้นที่มีผลประกอบการดี มีแนวโน้มดีต่อเนื่องไปตอนนี้ไม่ได้แน่ ๆ
แต่ที่แน่ ๆ และที่เกิดขึ้นแล้วตอนนี้คือราคาหุ้น BMCL แพงกว่าและแซงราคาหุ้น BTS ไปแล้ว
จะเป็นไปได้ไหมว่าถ้าราคา BMCL จะสามารถกลับไปที่ High เก่าที่ 1.77 บาทได้อีกครั้ง
และถูกลากขึ้นสูงกว่าเดิมด้วยข่าวผลประกอบการที่ขาดทุนลดลง 172 ล้านบาทเมื่อเทียบกับปีก่อน
แล้วที่นั่นอาจจะเป็นจุดนัดพบถาวรของชาวดอยที่ไม่ได้นัดหมายล่วงหน้าต่อไปยาวนานตลอดกาล?
แน่นอนว่าคงจะไม่มีใครรู้อนาคตและไม่ว่าคำตอบของทุกท่านจะเป็นอย่างไร
ขอให้ศึกษาข้อมูลอย่างละเอียดรอบคอบและมีสติก่อนการลงทุนนะคะ
ขอให้ทุกท่านโชคดีมีกำไรและชนะตลาดตลอดปีและตลอดไปค่ะ ^^