สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 19
63 ค่ะ กำลังจะเกษียณ เพราะจะต้องย้ายถิ่นฐานข้ามทวีปในไม่กี่เดือนข้างหน้า ชีวิตประจำวันคือการออกกำลังกายทั้งทางตรงและทางอ้อม นั่นคือการทำงานกับการเล่นกีฬา คิดผิดไปเหมือนกันที่เลือกเล่นกอล์ฟมาเป็นเวลานานทำให้ผิวเสียไปเยอะ
ไปเข้าฟิตเนสอย่างน้อยอาทิตย์ละห้าวัน ไม่ได้หักโหมอะไร แค่ ปั่นจักรยานครั้งละสามไมล์ เดินลู่สายพานสปีดเร็วๆเกือบคล้ายวิ่งเหยาะ อีกไมล์ หรือ สองไมล์ พอได้เหงื่อ...
แต่ที่สำคัญที่สุด นั่นคือ ต้องทำสุขภาพจิตให้ดี และ ใช้อารมณ์ขันให้มากๆ
ไม่ทานน้ำอัดลม ไม่ทานแป้งและน้ำตาล กลัวค่ะ...เป็นคนที่มีกระดูกใหญ่และอ้วนง่ายอยู่แล้ว..
ไม่มีโรคภัยไข้เจ็บ หรือ โรคประจำตัวใดๆทั้งสิ้น (ซ๊าธุ..) ไมเกรนมาถามหาบ้าง...แต่พออายุมากขึ้นก็ห่างหายไป (มันคงยอมแพ้ไปเอง...)
วิตามินทานเป็นประจำอยู่แค่สามชนิด นั่นคือ Glucosamine (1000 mg), Fish Oil (1200 mg) และ Ultra Soya Lecithin (1200 mg)
ผลไม้ที่ขาดไม่ได้ คือ ส้ม..ที่ทานวันละหกถึงสิบผล (เพราะไม่นิยมดื่มแบบเป็นน้ำคั้น ไม่ว่าจะสดหรือแบบขวด)
ไวน์..เลี่ยงการดื่มไม่ได้ เพราะมันเป็นส่วนหนึ่งของงาน แต่พยายามกำหนดไว้ว่า ครั้งละไม่เกินสิบออนซ์...ไม่ใช่กลัวเปลืองหรือกลัวเมาหรอกค่ะ
แต่เป็นเพราะกฏหมายที่อเมริกาตอนนี้เข้มงวดมาก เกิดพลาดพล้้งมาโดนเป่าลูกโป่งตอนแก่...จะกลายเป็นคนเสียประวัติ
มีเป้าหมายมากมายในชีวิต..เกี่ยวกับการเดินทางไปเที่ยวในที่ต่างๆตามความฝันที่มีมาตั้งแต่วัยละอ่อน
เรื่องดูแลสุขภาพนั้น ถือเป็นเรื่องสำคัญที่สุด เพราะอยู่ในต่างประเทศ ที่มีค่ารักษาพยาบาลที่แพงมาก จึงต้องทำตัวให้แข็งแรงเข้าไว้
ออกกำลังบ่อยๆก็จะกลายเป็นความเคยชิน..เดินตีกอล์ฟพร้อมลากถุงได้อย่างสบายสิบแปดหลุม...

เรื่องเครื่องสำอาง...ใช้น้อยมากค่ะ แค่ day cream, night cream กับครีมทาใต้ตา ของ Lancome แค่นั้นเอง นอกนั้นก็เป็นพวกกระจุกกระจิกประเภท เสริมสวย อย่าง แป้งตลับ ลิปสติก ดินสอเขียนคิ้ว อะไรเทือกนี้ ไม่มีที่ใส่แบบเป็นงานเป็นการ เพราะซุกลงในช่องกระเป้ามุมใดมุมหนึ่งได้อย่างสบายๆ

ในอดีตที่ผ่านมา...ไม่มีภาระอะไรที่เหลือบ่ากว่าแรงที่จะมาบั่นทอน ไม่ต้องเลี้ยงหลาน (ยัง)ไม่มีปัญหาครอบครัว
ส่วนอนาคตที่เหลืออยู่น้อยนิดนั้นก็ไม่แน่ เพราะเพิ่ง (อุตริ) แต่งงานไปเมื่อปี 2011...แต่ค่อนข้างเชื่อใจได้ว่าว่าชีวิตต่อไปมั่นคงแน่นอน เพราะเขาเป็นเสาหลักที่แน่นหนาในทุกๆด้านๆ...
เราสองคนรักใคร่กัน รู้ใจกันเริ่มมาจากการเป็นเพื่อนคู่คิด มิตรคู่ใจ...มีความรู้สึกดีๆให้กัน แม้ว่าจะอยู่กันคนละขอบฟ้า..
ที่ตกลงแต่งงานกันเพราะมันมีผลดีกับดิฉันทางกฏหมายและสวัสดิการที่พึงได้รับจากการพิสูจน์รักแท้ด้วยการเทหมดหน้าตักของเขา..
เราต่างเติมเต็มความอบอุ่นในครอบครัวเล็กๆของเรา อย่างไปเดินตีกอล์ฟด้วยกัน...การเลี้ยงหมาเลี้ยงแมวประหนึ่งลูก เป็นความสุขง่ายๆของชีวิตในบั้นปลาย...

ที่เล่ามาเพราะอยากจะบอกขานให้เพื่อนๆ น้องๆทุกคน...หมั่นรักษาตัวเองทั้งสุขภาพจิตและสุขภาพกาย...เพราะคนเรายังมีชีวิตอยู่อีกยาวไกล
โอกาสที่จะทำให้ชีวิตเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดียังมีมาหาเราได้ในทุกเมื่อ....
ไปเข้าฟิตเนสอย่างน้อยอาทิตย์ละห้าวัน ไม่ได้หักโหมอะไร แค่ ปั่นจักรยานครั้งละสามไมล์ เดินลู่สายพานสปีดเร็วๆเกือบคล้ายวิ่งเหยาะ อีกไมล์ หรือ สองไมล์ พอได้เหงื่อ...
แต่ที่สำคัญที่สุด นั่นคือ ต้องทำสุขภาพจิตให้ดี และ ใช้อารมณ์ขันให้มากๆ
ไม่ทานน้ำอัดลม ไม่ทานแป้งและน้ำตาล กลัวค่ะ...เป็นคนที่มีกระดูกใหญ่และอ้วนง่ายอยู่แล้ว..
ไม่มีโรคภัยไข้เจ็บ หรือ โรคประจำตัวใดๆทั้งสิ้น (ซ๊าธุ..) ไมเกรนมาถามหาบ้าง...แต่พออายุมากขึ้นก็ห่างหายไป (มันคงยอมแพ้ไปเอง...)
วิตามินทานเป็นประจำอยู่แค่สามชนิด นั่นคือ Glucosamine (1000 mg), Fish Oil (1200 mg) และ Ultra Soya Lecithin (1200 mg)
ผลไม้ที่ขาดไม่ได้ คือ ส้ม..ที่ทานวันละหกถึงสิบผล (เพราะไม่นิยมดื่มแบบเป็นน้ำคั้น ไม่ว่าจะสดหรือแบบขวด)
ไวน์..เลี่ยงการดื่มไม่ได้ เพราะมันเป็นส่วนหนึ่งของงาน แต่พยายามกำหนดไว้ว่า ครั้งละไม่เกินสิบออนซ์...ไม่ใช่กลัวเปลืองหรือกลัวเมาหรอกค่ะ
แต่เป็นเพราะกฏหมายที่อเมริกาตอนนี้เข้มงวดมาก เกิดพลาดพล้้งมาโดนเป่าลูกโป่งตอนแก่...จะกลายเป็นคนเสียประวัติ

มีเป้าหมายมากมายในชีวิต..เกี่ยวกับการเดินทางไปเที่ยวในที่ต่างๆตามความฝันที่มีมาตั้งแต่วัยละอ่อน
เรื่องดูแลสุขภาพนั้น ถือเป็นเรื่องสำคัญที่สุด เพราะอยู่ในต่างประเทศ ที่มีค่ารักษาพยาบาลที่แพงมาก จึงต้องทำตัวให้แข็งแรงเข้าไว้
ออกกำลังบ่อยๆก็จะกลายเป็นความเคยชิน..เดินตีกอล์ฟพร้อมลากถุงได้อย่างสบายสิบแปดหลุม...

เรื่องเครื่องสำอาง...ใช้น้อยมากค่ะ แค่ day cream, night cream กับครีมทาใต้ตา ของ Lancome แค่นั้นเอง นอกนั้นก็เป็นพวกกระจุกกระจิกประเภท เสริมสวย อย่าง แป้งตลับ ลิปสติก ดินสอเขียนคิ้ว อะไรเทือกนี้ ไม่มีที่ใส่แบบเป็นงานเป็นการ เพราะซุกลงในช่องกระเป้ามุมใดมุมหนึ่งได้อย่างสบายๆ

ในอดีตที่ผ่านมา...ไม่มีภาระอะไรที่เหลือบ่ากว่าแรงที่จะมาบั่นทอน ไม่ต้องเลี้ยงหลาน (ยัง)ไม่มีปัญหาครอบครัว
ส่วนอนาคตที่เหลืออยู่น้อยนิดนั้นก็ไม่แน่ เพราะเพิ่ง (อุตริ) แต่งงานไปเมื่อปี 2011...แต่ค่อนข้างเชื่อใจได้ว่าว่าชีวิตต่อไปมั่นคงแน่นอน เพราะเขาเป็นเสาหลักที่แน่นหนาในทุกๆด้านๆ...
เราสองคนรักใคร่กัน รู้ใจกันเริ่มมาจากการเป็นเพื่อนคู่คิด มิตรคู่ใจ...มีความรู้สึกดีๆให้กัน แม้ว่าจะอยู่กันคนละขอบฟ้า..
ที่ตกลงแต่งงานกันเพราะมันมีผลดีกับดิฉันทางกฏหมายและสวัสดิการที่พึงได้รับจากการพิสูจน์รักแท้ด้วยการเทหมดหน้าตักของเขา..
เราต่างเติมเต็มความอบอุ่นในครอบครัวเล็กๆของเรา อย่างไปเดินตีกอล์ฟด้วยกัน...การเลี้ยงหมาเลี้ยงแมวประหนึ่งลูก เป็นความสุขง่ายๆของชีวิตในบั้นปลาย...

ที่เล่ามาเพราะอยากจะบอกขานให้เพื่อนๆ น้องๆทุกคน...หมั่นรักษาตัวเองทั้งสุขภาพจิตและสุขภาพกาย...เพราะคนเรายังมีชีวิตอยู่อีกยาวไกล
โอกาสที่จะทำให้ชีวิตเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดียังมีมาหาเราได้ในทุกเมื่อ....
แสดงความคิดเห็น
ปรึกษาสาวน้อย 40 up กับวิธีการตัวแลตัวเองหน่อยจ้า
อยากกลับมาดูแลความสวยงามและสุขภาพของตัวเอง ครีมที่เคยใช้เมื่อ 10 ปีก่อน กลับไปใช้ใหม่
มันก็ไม่ได้ผลเหมือนเดิมแล้ว ขอคำแนะนำเพื่อน ๆ น้อง ๆ ในนี้หน่อยนะคะ ว่าใช้ครีมอะไรดี อาหารเสริมแบบไหน
เสือ้ผ้าหน้าผม การแต่งตัวโดยรวม ๆ นิดนึงนะคะ plsssssss.....^^