เมื่อพระบรมศาสดาตรัสรู้แล้วได้ ๗ พรรษา ก็เสด็จไปโปรดพระพุทธมารดา ทรงแสดงพระอภิธรรม ๗ คัมภีร์ ขณะที่แสดงมาโดยลำดับจนถึงคัมภีร์กถาวัตถุนี้ พระองค์ก็ทรงทราบด้วยอนาคตังสญาณว่า ในอนาคตกาล สาวกของเราชื่อว่าโมคคลีบุตรติสสเถระ ผู้มีปัญญามาก จะกระทำการยกย่องพระธรรมวินัยและชำระล้างมลทินพระศาสนา ก็เมื่อเธอจะทำตติยสังคีติ เธอจักนั่งในท่ามกลางภิกษุสงฆ์และจะประมวลพระพุทธพจน์มา ๑,๐๐๐ สูตร ฯลฯ แล้วจักจำแนกปกรณ์นี้ออกไปโดยกว้างขวาง เพื่อจะให้โอกาสแก่พระโมคคลีบุตรติสสเถระนั้น พระองค์จึงมิได้ทรงแสดงคัมภีร์นี้โดยพิสดาร แต่ได้ทรงแนะแนวทาง คือได้กระทำการประกอบวาทะ ชื่อว่า อัฏฐมุขให้เป็นต้นก่อน และยังได้วางแม่บทอันเป็นแบบแผนไว้ในกถามรรคทั้งปวงด้วยวาทะตามที่กล่าวมานี้ ข้าพเจ้าจึงกล่าวว่าคัมภีร์นี้เป็นพุทธพจน์ เพราะเป็นความประสงค์ของพระบรมศาสดาที่จะให้ทรงเป็นไปเช่นนั้น ในข้อนี้สมกับอรรถกถาจารย์ผู้รจนาคัมภีร์ปุคคลบัญญัติกล่าวไว้ในตอนหนึ่งว่า
ขอถามว่า ข้อความนี้ พระพุทธเจ้าตรัสที่ไหนครับ ? และคนแต่งกถาวัตถุ สามารถย้อนเวลา กลับไปหาพระพุทธเจ้าได้อีกหรือครับ ในเมื่อท่านปรินิพพานไปแล้ว
ข้อความนี้เกิดขึ้หลังพระพุทธเจ้าปรินิพพาน ?
ขอคำอธิบายครับ ทุกคนจะได้รู้ว่า เขาโกหกกันอย่างนี้เอง
ปัญหาคือ คนแต่งเกิดหลังพระพุทธเจ้า ปรินิพพาน แลวย้อนกลับไปหาพระพุทธเจ้าได้อย่างไร ?
ข้อความนี้ อยู่ใน อรรถกถาที่ตนเองเขียนขึ้น อ้างพระพุทธเจ้าเป็นคนให้แต่ง ?
เฉลิมศักดิ์ ส่งเสริมให้ พระโกหกได้ ไม่ผิดศีล ใช่มั้ย ?
ข้อความข้างต้นเป็นเรื่องโกหกทั้งสิ้น เพราะไม่ได้มีมาตั้งแต่ต้น แม้ในพระธรรมเทศนา ก็ไม่มี มีแต่ในคำภีร์ ที่ตนเอง เขียนขึ้น เพื่อ ยกย่องตัวเอง
ภาษาไทย เรียกว่า โกหก ครับ
คนแต่ง อถิธรรม ไม่ใช่พระอรหัน เป็นแค่เพียง เรียบเรียวคำแปลอรรถกถา กภาษา สิงหล เป็น บาลี ทั้งยัง ตัดบางส่วน
คือ เพิ่ม อรรถกถา อธิบาย อภิธรรม ปิฏก ที่ตนเรียบเรียงขึ้นเอง ( แต่งคำภิร์ อภิธรรมแล้ว ยังแต่งอรรถกถา อะบาย คำภีร์ ของตนเอง )โดยกล่าวว่า
เมื่อพระพุทธเจ้าแสดงธรรมบนสวรรค์ พระพุทธเจ้า คิด จะให้ตน ซึ่งขนาดนั้นยังไม่เกิด แต่งคำภีร์ กถา วัตถุให้ ซึ่งในความเป็นจริง ตนก็เพิ่งรวบรวมอรรถกถา
และแต่งเป็นปกรณ์ ไว้เสร็จสิ้น หลังพระพุทธเจ้า ปรินิพพานไปแล้ว หลาย ร้อยปี
ในคำกล่าวนี้ ผมขอแย้งด้วย พุทธวจนะนี้ สาวกจะสามารถเห็นเราได้ ณบัดนี้ เมื่อเราปริน้พพานแล้ว สาวกจะไม่ได้เห็นเราอีก พระธรรมวินัยนี้จักเป็นศาสดาของเธอ
ประโยคที่ 1. สาวกจะไม่ได้เห็นศาสดาอีก ( พระพุทธเจ้า )
ประโยคที่2. พระพุทธเจ้าให้เราเป็นคนแต่ง กถาวัตถุ ขณะที่ท่านแสดงธรรมบนสวรรค์ พรราที่ 7 ( คนแต่งอภิธรรมปิฏก )
พระพุทธเจ้าปรินิพพาน ก่อนหรือหลัง พรรษาที่ 7 พระพุทธเจ้าปรินิพพานไปแล้ว สาวก สามารถ ย้อนไปหพระพุทธเจ้าในพรรษาที่ 7 ขณะ แสดงธรรมบนสวรรค์ได้ ?
ประโยตที่ 2. อีกที พระพุทธเจ้าทราบว่าเราจะเกิดมา จึงให้เราแต่งกถาวัตถุ เพื่อให้ ท่าน เทศบนสวรรค์พรรษาที่ 7 นั้น ( คนแต่งอภิธรรม )
ประโยคที่1. อีกที สาวกจะไม่ได้เห็นศาสดาอีก ( พระพุทธเจ้า )
คราวนี้อ้าง พระอนุรุทธ ที่มีตาทิพย์ เพ่งดู พระศาสดา เข้า นิพพาน โดยกล่าวว่า พระศาสดาปรินิพพาน แล้ว ( หมดสิ้นเชื้อที่จะนำไปเกิด ในภพใดๆแล้ว จากความจำ )
มาดูอีก ช๊อตหนึ่ง
พระพุทธเจ้าตรัสอภิธรรมปิฏก 7 คำภีร์ นี้บนสวรรค์พรรษาที่ 7 ( คำภีร์อื่นอีก 6 ไม่รู้ แต่ที่แน่ๆ ก็กถาวัตถุ ตนเพิ่งแต่ง แล้วพระพุทธเจ้าซึ่งนิพพานไปแล้ว ในอดีต
จะย้อนเวลา มาหาตนในอนาคต เพิ้อนำเอา กถาวัตถุ ที่ตนเอง เพิ่งแต่งเสร็จ แล้วกลับไปพรรษาที่ 7 อีกครั้ง เพื่อแสดง กถา วัต๔ อันนั้น )
แล้วทรงกระทำพระพุทธมารดาให้เป็นประธานในเทวสมาคมนั้น
ตรัส พระอภิธรรม ๗ คัมภีร์ อันมีชื่อว่า
ธัมมสังคณี วิภังค์ ธาตุกถา ปุคคลบัญญัติ กถาวัตมก และ ปัฏฐาน
ให้สมควรแก่ปัญญาบารมีของ
พระพุทธมารดาและหมู่ทวยเทพ
เมื่อพระพุทธองค์ทรงแสดง “สัตตปกรณาภิธรรม” (พระอภิธรรม ๗ คัมภีร์) นั้น
สันดุสิตเทพบุตรพุทธมารดาก็บรรลุโสดาปัตติผล
สำเร็จเป็นพระอริยบุคคลชั้นแรกในพระพุทธศาสนา
กล่าวกันว่า พระพุทธองค์ทรงแสดง พระอภิธรรม ๗ คัมภีร์
ณ เทวโลก ชั้นดาวดึงส์ ทั้งกลางคืนและกลางวัน
มิมีระหว่างว่างเว้น เป็นเวลาถึง ๓ เดือนเต็มตามเวลาโลกมนุษย์
ในระหว่างที่ทรงแสดง เมื่อถึงเวลาเสด็จบิณฑบาตเพื่อเสวยพระภัตตาหาร
และเวลาทรงพักผ่อนกลางวัน
พระอภิธรรมเป็นพุทธพจน์ โดย พระคันธสาราวงศ์ วัดท่ามะโอ
แต่มีหลักฐานว่า กถาวัตถุ ได้แต่งขึ้นภายหลัง
เล่ม ๓๗ กถาวัตถุ
คัมภีร์ที่พระโมคคัลลีบุตรติสสเถระ ประธานการสังคายนาครั้งที่ ๓ เรียบเรียงขึ้น เพื่อแก้ความเห็นผิดของนิกายต่างๆ ในพระพุทธศาสนาครั้งนั้น ซึ่งได้แตกแยกกันออกแล้วถึง ๑๘ นิกาย
เช่น ความเห็นว่า พระอรหันต์เสื่อมจากอรหัตตผลได้ เป็นพระอรหันต์พร้อมกับการเกิดได้ ทุกอย่างเกิดจากกรรม เป็นต้น
ประพันธ์เป็นคำปุจฉาวิสัชนา มีทั้งหมด ๒๑๙ กถา
แล้วยังมร อรรถกถา อธิบาย คำภีร์ ที่ตนเองได้แต่งขึ้นเองอีก ( คำภีร์ ทั้ง 2 ตนแต่งขึ้นเอง ) ว่าคำของตนเอง นับเป็นพุทธภาษิต เพราะแต่งตามคำภีร์ของพระพุทธเจ้า
ผมขอถามครับ 1. โกหก ผิดศีลหรือไม่ครับ ?
2. พระทธเจ้าตรัสไว้ว่า สาวกจะไม่ได้เห็น ศาสดาอีก ( พระนิพพานแล้ว ย่อมหมดเชื้อที่จะเกิดในภพใดๆแล้ว ) คุณเชื่อพระศาสดาหรือไม่
3. พระอรหัน สามารถไปพบพระศาสดในพรราที่ 7 ก่อนปรินิพพาน ในขณะทีตนเกิดมาหลังพระพุทธเจ้าปรินิพพานไปแล้ว ได้ ด้วย
4. อรรถกถา ที่ตนแต่งขึ้น ยังบอกว่า พระพุทธเจ้าในอดีตทุกๆพระองค์ ต้องแสดงอภิธรรมปีฏก( ซี่งตนเพิ่งแต่งเสร็จนี่แหละ )นี้บนสวรรค์
ผมขอถามว่า โกหก ผิด ศีลหรือไม่ครับ
และคำภีร์ที่คนโกหก แต่งขึ้นน่าเชื่อถือ ขนาดไหนครับ
คุณเห็นคำภีร์ ที่คนผู้นี้แต่งขึ้น สำคัญกว่า พระธรรมเทศนาของพระพุทธเจ้า หรือไม่ครับ ?
และคนแต่งอภิธรรมปิฏกเป็นคนเช่นไร ?
คนแต่งอภิธรรมปิฏก กถาวัตถุ โกหกไว้อย่างไร ?
ขอถามว่า ข้อความนี้ พระพุทธเจ้าตรัสที่ไหนครับ ? และคนแต่งกถาวัตถุ สามารถย้อนเวลา กลับไปหาพระพุทธเจ้าได้อีกหรือครับ ในเมื่อท่านปรินิพพานไปแล้ว
ข้อความนี้เกิดขึ้หลังพระพุทธเจ้าปรินิพพาน ?
ขอคำอธิบายครับ ทุกคนจะได้รู้ว่า เขาโกหกกันอย่างนี้เอง
ปัญหาคือ คนแต่งเกิดหลังพระพุทธเจ้า ปรินิพพาน แลวย้อนกลับไปหาพระพุทธเจ้าได้อย่างไร ?
ข้อความนี้ อยู่ใน อรรถกถาที่ตนเองเขียนขึ้น อ้างพระพุทธเจ้าเป็นคนให้แต่ง ?
เฉลิมศักดิ์ ส่งเสริมให้ พระโกหกได้ ไม่ผิดศีล ใช่มั้ย ?
ข้อความข้างต้นเป็นเรื่องโกหกทั้งสิ้น เพราะไม่ได้มีมาตั้งแต่ต้น แม้ในพระธรรมเทศนา ก็ไม่มี มีแต่ในคำภีร์ ที่ตนเอง เขียนขึ้น เพื่อ ยกย่องตัวเอง
ภาษาไทย เรียกว่า โกหก ครับ
คนแต่ง อถิธรรม ไม่ใช่พระอรหัน เป็นแค่เพียง เรียบเรียวคำแปลอรรถกถา กภาษา สิงหล เป็น บาลี ทั้งยัง ตัดบางส่วน
คือ เพิ่ม อรรถกถา อธิบาย อภิธรรม ปิฏก ที่ตนเรียบเรียงขึ้นเอง ( แต่งคำภิร์ อภิธรรมแล้ว ยังแต่งอรรถกถา อะบาย คำภีร์ ของตนเอง )โดยกล่าวว่า
เมื่อพระพุทธเจ้าแสดงธรรมบนสวรรค์ พระพุทธเจ้า คิด จะให้ตน ซึ่งขนาดนั้นยังไม่เกิด แต่งคำภีร์ กถา วัตถุให้ ซึ่งในความเป็นจริง ตนก็เพิ่งรวบรวมอรรถกถา
และแต่งเป็นปกรณ์ ไว้เสร็จสิ้น หลังพระพุทธเจ้า ปรินิพพานไปแล้ว หลาย ร้อยปี
ในคำกล่าวนี้ ผมขอแย้งด้วย พุทธวจนะนี้ สาวกจะสามารถเห็นเราได้ ณบัดนี้ เมื่อเราปริน้พพานแล้ว สาวกจะไม่ได้เห็นเราอีก พระธรรมวินัยนี้จักเป็นศาสดาของเธอ
ประโยคที่ 1. สาวกจะไม่ได้เห็นศาสดาอีก ( พระพุทธเจ้า )
ประโยคที่2. พระพุทธเจ้าให้เราเป็นคนแต่ง กถาวัตถุ ขณะที่ท่านแสดงธรรมบนสวรรค์ พรราที่ 7 ( คนแต่งอภิธรรมปิฏก )
พระพุทธเจ้าปรินิพพาน ก่อนหรือหลัง พรรษาที่ 7 พระพุทธเจ้าปรินิพพานไปแล้ว สาวก สามารถ ย้อนไปหพระพุทธเจ้าในพรรษาที่ 7 ขณะ แสดงธรรมบนสวรรค์ได้ ?
ประโยตที่ 2. อีกที พระพุทธเจ้าทราบว่าเราจะเกิดมา จึงให้เราแต่งกถาวัตถุ เพื่อให้ ท่าน เทศบนสวรรค์พรรษาที่ 7 นั้น ( คนแต่งอภิธรรม )
ประโยคที่1. อีกที สาวกจะไม่ได้เห็นศาสดาอีก ( พระพุทธเจ้า )
คราวนี้อ้าง พระอนุรุทธ ที่มีตาทิพย์ เพ่งดู พระศาสดา เข้า นิพพาน โดยกล่าวว่า พระศาสดาปรินิพพาน แล้ว ( หมดสิ้นเชื้อที่จะนำไปเกิด ในภพใดๆแล้ว จากความจำ )
มาดูอีก ช๊อตหนึ่ง
พระพุทธเจ้าตรัสอภิธรรมปิฏก 7 คำภีร์ นี้บนสวรรค์พรรษาที่ 7 ( คำภีร์อื่นอีก 6 ไม่รู้ แต่ที่แน่ๆ ก็กถาวัตถุ ตนเพิ่งแต่ง แล้วพระพุทธเจ้าซึ่งนิพพานไปแล้ว ในอดีต
จะย้อนเวลา มาหาตนในอนาคต เพิ้อนำเอา กถาวัตถุ ที่ตนเอง เพิ่งแต่งเสร็จ แล้วกลับไปพรรษาที่ 7 อีกครั้ง เพื่อแสดง กถา วัต๔ อันนั้น )
แล้วทรงกระทำพระพุทธมารดาให้เป็นประธานในเทวสมาคมนั้น
ตรัส พระอภิธรรม ๗ คัมภีร์ อันมีชื่อว่า
ธัมมสังคณี วิภังค์ ธาตุกถา ปุคคลบัญญัติ กถาวัตมก และ ปัฏฐาน
ให้สมควรแก่ปัญญาบารมีของ
พระพุทธมารดาและหมู่ทวยเทพ
เมื่อพระพุทธองค์ทรงแสดง “สัตตปกรณาภิธรรม” (พระอภิธรรม ๗ คัมภีร์) นั้น
สันดุสิตเทพบุตรพุทธมารดาก็บรรลุโสดาปัตติผล
สำเร็จเป็นพระอริยบุคคลชั้นแรกในพระพุทธศาสนา
กล่าวกันว่า พระพุทธองค์ทรงแสดง พระอภิธรรม ๗ คัมภีร์
ณ เทวโลก ชั้นดาวดึงส์ ทั้งกลางคืนและกลางวัน
มิมีระหว่างว่างเว้น เป็นเวลาถึง ๓ เดือนเต็มตามเวลาโลกมนุษย์
ในระหว่างที่ทรงแสดง เมื่อถึงเวลาเสด็จบิณฑบาตเพื่อเสวยพระภัตตาหาร
และเวลาทรงพักผ่อนกลางวัน
พระอภิธรรมเป็นพุทธพจน์ โดย พระคันธสาราวงศ์ วัดท่ามะโอ
แต่มีหลักฐานว่า กถาวัตถุ ได้แต่งขึ้นภายหลัง
เล่ม ๓๗ กถาวัตถุ
คัมภีร์ที่พระโมคคัลลีบุตรติสสเถระ ประธานการสังคายนาครั้งที่ ๓ เรียบเรียงขึ้น เพื่อแก้ความเห็นผิดของนิกายต่างๆ ในพระพุทธศาสนาครั้งนั้น ซึ่งได้แตกแยกกันออกแล้วถึง ๑๘ นิกาย
เช่น ความเห็นว่า พระอรหันต์เสื่อมจากอรหัตตผลได้ เป็นพระอรหันต์พร้อมกับการเกิดได้ ทุกอย่างเกิดจากกรรม เป็นต้น
ประพันธ์เป็นคำปุจฉาวิสัชนา มีทั้งหมด ๒๑๙ กถา
แล้วยังมร อรรถกถา อธิบาย คำภีร์ ที่ตนเองได้แต่งขึ้นเองอีก ( คำภีร์ ทั้ง 2 ตนแต่งขึ้นเอง ) ว่าคำของตนเอง นับเป็นพุทธภาษิต เพราะแต่งตามคำภีร์ของพระพุทธเจ้า
ผมขอถามครับ 1. โกหก ผิดศีลหรือไม่ครับ ?
2. พระทธเจ้าตรัสไว้ว่า สาวกจะไม่ได้เห็น ศาสดาอีก ( พระนิพพานแล้ว ย่อมหมดเชื้อที่จะเกิดในภพใดๆแล้ว ) คุณเชื่อพระศาสดาหรือไม่
3. พระอรหัน สามารถไปพบพระศาสดในพรราที่ 7 ก่อนปรินิพพาน ในขณะทีตนเกิดมาหลังพระพุทธเจ้าปรินิพพานไปแล้ว ได้ ด้วย
4. อรรถกถา ที่ตนแต่งขึ้น ยังบอกว่า พระพุทธเจ้าในอดีตทุกๆพระองค์ ต้องแสดงอภิธรรมปีฏก( ซี่งตนเพิ่งแต่งเสร็จนี่แหละ )นี้บนสวรรค์
ผมขอถามว่า โกหก ผิด ศีลหรือไม่ครับ
และคำภีร์ที่คนโกหก แต่งขึ้นน่าเชื่อถือ ขนาดไหนครับ
คุณเห็นคำภีร์ ที่คนผู้นี้แต่งขึ้น สำคัญกว่า พระธรรมเทศนาของพระพุทธเจ้า หรือไม่ครับ ?
และคนแต่งอภิธรรมปิฏกเป็นคนเช่นไร ?