จริง ๆ ก็ไม่รู้จะเริ่มเรื่องยังไงดีนะคะ แต่ว่าอยากมาแชร์บ้าง
เหตุเกิดเมื่อวันที่ 1 มีนาคม ตอนเวลาประมาณหลังเที่ยง
เนื่องจากว่าเรามาพักอยู่ที่หัวหิน เพื่อทำงานสองเดือนแล้ววันที่ 1 มีนาคม ที่ผ่านมาเป็นวันที่เราจะกลับบ้าน
ด้วยความที่กระเป๋าเสื้อผ้าเราใหญ่มาก ๆ ทางบ้านก็เลยต้องมารับเรา นัดกันไว้ประมาณบ่ายสอง
เราเห็นว่าเหลือเวลา เราเลยเช็คเอาท์ออกมาตอน 10 โมงเช้าแล้วก็ไปเที่ยวตลาดน้ำหัวหิน
เรากลับมาในตัวเมืองหัวหินประมาณเที่ยง ๆ ไม่รู้ว่าคิดยังไงเลยไปบริจาคเลือดที่สภากาชาดตรงใกล้ ๆ สถานีรถไฟหัวหิน
ประมาณว่าเราอยากทำบุญมาก ๆ อยากได้บุญที่มากกว่าไปวัดทำบุญเลยนึกขึ้นได้่ว่าบริจาคเลือดนี่แหละ โอเคสุดล่ะ
พอเราบริจาคเสร็จ เราก็ไปทานโกโก้ปั่นที่ร้านกาแฟตรงข้าง ๆ สถานีรถไฟ ราคาโกโก้ปั่น 70 บาท
เราจ่ายแบงค์ 100 แต่น้องแคชเชียร์ทอนเงินเรามา 70 บาท เราก็งง แต่ก็คืนเงินไป 40 บาท น้องเค้ายังจะทอนเงินให้เราอีก 10 บาท
- -* น้องพยายามจะยัดเยียดเงินให้เราจริง จากนั้นเราก็นั่ง ๆ เล่น ๆ ในร้านกาแฟ กะว่าพอพ่อกะแม่มาก็รับเราแล้วค่อยเข้าไปรับกระเป๋า
ที่ฝากไว้ ประมาณเกือบ ๆ บ่ายสองแม่เราโทรมาบอกว่า ใกล้จะถึงหัวหินล่ะอยู่ชะอำ เราก็โอเค รออีกสักห้านาที
แม่โทรมาอีก แม่บอกว่า รถชนกับรถบรรทุกปูน รถพังหมดแล้ว ตอนนั้นเรางงมาก เฮ้ยไรวะ! แต่พยายามตั้งสติให้ดีที่สุด
ถามพิกัดที่ถูกชน บอกแม่ใจเย็น ๆ เดี๋ยวไปหา แม่บอกว่าอยู่ตรงหน้าโรงแรมรีเจ้นท์ เราเลยรีบนั่งมอเตอร์ไซต์รับจ้างไป
ตอนแรกก็ต่อรองราคานะ ไม่รู้ว่าแพงมั้ย 200 บาท จากสถานีรถไฟหัวหินไปหน้าโรงแรมรีเจนท์ชะอำ
จากนั้นแม่ก็โทรมาอีก บอกว่าไปโรงพยาบาลชะอำ โอเค เราบอกมอไซต์รับจ้างว่าไปโรงพยาบาลชะอำแทน
พี่แกบอกว่างั้น 250 บาท - -* เราไม่มีอารมณ์ต่อราคาล่ะ เอออะไรก็ได้วะ ขอให้ถึงพอ
พอเราถึงที่โรงพยาบาล เราก็เห็นว่าพ่อ กับแม่เราปลอดภัยดีแล้ว ตรวจแล้วเอ็กซ์เรย์แล้ว ทุกอย่างโอเค
แค่เจ็บที่หน้าอกกันทั้งคู่ ทางแม่เราเสาเอตรงขอกระจกด้าานซ้ายหลุดมาแทงอก - -* เอิ่ม
มันหลุดง่ายขนาดนั้นเลยเหรอ หรือว่าเพราะมันคือรถญี่ปุ่น ส่วนพ่อเราหน้าอกกระแทกพวงมาลัย
ตรงลิ้นปี่งี้บวมเชียว แต่ไอ หรือกลืนน้ำลายก็เจ็บล่ะ แต่ยังดีไม่เลือดตกยางออก
พอตรวจเสร็จ ทางประกันของอาคเนย์ประกันภัย ก็ขับรถพาพวกเราไปที่ สภอ.ชะอำ
ขอชมตัวแทนอาคเนย์มาก ๆ มาไว บริการดี เคลียร์เร็ว เพราะว่าตอนที่พ่อเรามาถึงโรงพยาบาล พ่อยังไม่ได้ติดต่อประกัน
เราเลยโทรให้ประมาณสิบกว่านาทีก็มาถึง ถือว่าไวใช้ได้
โชคดีมากที่คนขับรถบรรทุกปูนรับผิดทุกอย่าง เรื่องมันประมาณว่า พอเราขับเลนขวาสุด มาประมาณเก้าสิบ - ร้อย
จู่ ๆ รถบรรทุกปูน เลี้ยวออกมาจากโรงแรมรีเจนท์ แ้ล้วเข้ามาในเลนขวาสุดมาปาดหน้ารถพ่อเราพอดี ระยะที่มาอยู่หน้ารถพ่อเราจากแม่บอก
ประมาณไม่ถึงสิบเมตร แล้วพอเข้ามาในเลน ก็ชะลอรถ ถ้ามันไม่ชะลอขับไม่เลยคงไม่ต้องมาชนแบบนี้
พ่อเรามีเวลาตัดสินใจไม่ถึงสิบวินาทีว่า
1. ออกซ้าย ถ้าออกซ้ายรถข้างหลังก็จะเบรคไม่ทันเหมือนกัน จะชนรถพ่อเราแล้วคราวนี้จะอัดก็อปปี้โอกาสรอดแทบไม่มี
2. ปีนเกาะกลาง ถ้าออกขวาปีนเกาะกลางอาจจะทำให้รถคว่ำได้ คราวนี้โอกาสรอดก็ไม่มี
3. เบี่ยงขวาสุดพร้อมเหยียบเบรค ดึงเบรคมือ อันนี้ต้องมีความเสียหาย แต่อาจจะเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดที่จะรักษาชีวิตคน
สุดท้ายก็เปรี้ยงในด้านซ้ายซึ่งเป็นด้านที่แม่เรานั่งอยู่ ด้วยบุญบารมีที่เราบริจาคเลือด และการไปทำบุญที่วัด สวดมนต์ที่ผ่านมา
หรือตัวถังรถฮอนด้า ซีวิคที่แกร่งพอทานการกระแทกไม่ได้ถึงตัวพ่อกับแม่มากนัก
หรืออะไรก็ตามแต่ แต่มันทำให้เรายังหัวเราะกับพ่อและแม่เราได้ถึงตอนนี้ พวกเราเพิ่งจะได้ทานข้าวร่วมกัน
ซึ่งโชคก็เข้าข้างพวกเราอีกที่รถบรรทุกมีประกันชั้นสาม ไม่อย่างงั้นก็ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่เราจะได้รถคืน
เพราะตอนนี้รถของเราอยู่ที่อู่ตรงปรานบุรี แถมตอนโทรไปเมื่อเช้า ทางอู่ก็บอกว่าสัปดาห์หน้าถึงได้ซ่อม เพราะตามคิว
ตอนแรกเราเองก็ไม่รู้ว่าคนขับรถบรรทุกจะรับผิดมั้ย เพราะพ่อเป็นฝ่ายขับไปชนเอง แต่สุดท้ายก็จบลงด้วยดี
สภาพรถของเราที่ สภอ.ชะอำ ตอนแรกนี่เห็นพ่อกับแม่ไม่เป็นไรมากไม่นึกนะว่าจะขนาดนี้
ท่าน ๆ อาจจะสงสัยว่าเราขีดเส้นใต้ทะเบียนรถไว้ทำไม เพราะเนื่องจากวันนี้เราได้รับรู้ว่า
จริง ๆ นี่เค้ากะจะให้โชคเราใช่มั้ย แต่เราดันนนนน ไ่ม่มีบุญมารับโชคซะนี่ เซ็งสุด ๆ
สุดท้ายนี้เราอยากบอกว่า ทุกนาทีมีค่าค่ะ จงใช้เวลาอยู่กับคนที่คุณรักให้มากที่สุด เพราะคุณไม่รู้หรอกว่าอะไรจะเกิดขึ้นบ้าง
เมื่อวานรถคุณพ่อคุณแม่เราประสบอุบัติเหตุที่ชะอำค่ะ แต่ว่ามันผ่านไปแล้วและมีเืรื่องขำ ๆ เกิดขึ้นด้วย
เหตุเกิดเมื่อวันที่ 1 มีนาคม ตอนเวลาประมาณหลังเที่ยง
เนื่องจากว่าเรามาพักอยู่ที่หัวหิน เพื่อทำงานสองเดือนแล้ววันที่ 1 มีนาคม ที่ผ่านมาเป็นวันที่เราจะกลับบ้าน
ด้วยความที่กระเป๋าเสื้อผ้าเราใหญ่มาก ๆ ทางบ้านก็เลยต้องมารับเรา นัดกันไว้ประมาณบ่ายสอง
เราเห็นว่าเหลือเวลา เราเลยเช็คเอาท์ออกมาตอน 10 โมงเช้าแล้วก็ไปเที่ยวตลาดน้ำหัวหิน
เรากลับมาในตัวเมืองหัวหินประมาณเที่ยง ๆ ไม่รู้ว่าคิดยังไงเลยไปบริจาคเลือดที่สภากาชาดตรงใกล้ ๆ สถานีรถไฟหัวหิน
ประมาณว่าเราอยากทำบุญมาก ๆ อยากได้บุญที่มากกว่าไปวัดทำบุญเลยนึกขึ้นได้่ว่าบริจาคเลือดนี่แหละ โอเคสุดล่ะ
พอเราบริจาคเสร็จ เราก็ไปทานโกโก้ปั่นที่ร้านกาแฟตรงข้าง ๆ สถานีรถไฟ ราคาโกโก้ปั่น 70 บาท
เราจ่ายแบงค์ 100 แต่น้องแคชเชียร์ทอนเงินเรามา 70 บาท เราก็งง แต่ก็คืนเงินไป 40 บาท น้องเค้ายังจะทอนเงินให้เราอีก 10 บาท
- -* น้องพยายามจะยัดเยียดเงินให้เราจริง จากนั้นเราก็นั่ง ๆ เล่น ๆ ในร้านกาแฟ กะว่าพอพ่อกะแม่มาก็รับเราแล้วค่อยเข้าไปรับกระเป๋า
ที่ฝากไว้ ประมาณเกือบ ๆ บ่ายสองแม่เราโทรมาบอกว่า ใกล้จะถึงหัวหินล่ะอยู่ชะอำ เราก็โอเค รออีกสักห้านาที
แม่โทรมาอีก แม่บอกว่า รถชนกับรถบรรทุกปูน รถพังหมดแล้ว ตอนนั้นเรางงมาก เฮ้ยไรวะ! แต่พยายามตั้งสติให้ดีที่สุด
ถามพิกัดที่ถูกชน บอกแม่ใจเย็น ๆ เดี๋ยวไปหา แม่บอกว่าอยู่ตรงหน้าโรงแรมรีเจ้นท์ เราเลยรีบนั่งมอเตอร์ไซต์รับจ้างไป
ตอนแรกก็ต่อรองราคานะ ไม่รู้ว่าแพงมั้ย 200 บาท จากสถานีรถไฟหัวหินไปหน้าโรงแรมรีเจนท์ชะอำ
จากนั้นแม่ก็โทรมาอีก บอกว่าไปโรงพยาบาลชะอำ โอเค เราบอกมอไซต์รับจ้างว่าไปโรงพยาบาลชะอำแทน
พี่แกบอกว่างั้น 250 บาท - -* เราไม่มีอารมณ์ต่อราคาล่ะ เอออะไรก็ได้วะ ขอให้ถึงพอ
พอเราถึงที่โรงพยาบาล เราก็เห็นว่าพ่อ กับแม่เราปลอดภัยดีแล้ว ตรวจแล้วเอ็กซ์เรย์แล้ว ทุกอย่างโอเค
แค่เจ็บที่หน้าอกกันทั้งคู่ ทางแม่เราเสาเอตรงขอกระจกด้าานซ้ายหลุดมาแทงอก - -* เอิ่ม
มันหลุดง่ายขนาดนั้นเลยเหรอ หรือว่าเพราะมันคือรถญี่ปุ่น ส่วนพ่อเราหน้าอกกระแทกพวงมาลัย
ตรงลิ้นปี่งี้บวมเชียว แต่ไอ หรือกลืนน้ำลายก็เจ็บล่ะ แต่ยังดีไม่เลือดตกยางออก
พอตรวจเสร็จ ทางประกันของอาคเนย์ประกันภัย ก็ขับรถพาพวกเราไปที่ สภอ.ชะอำ
ขอชมตัวแทนอาคเนย์มาก ๆ มาไว บริการดี เคลียร์เร็ว เพราะว่าตอนที่พ่อเรามาถึงโรงพยาบาล พ่อยังไม่ได้ติดต่อประกัน
เราเลยโทรให้ประมาณสิบกว่านาทีก็มาถึง ถือว่าไวใช้ได้
โชคดีมากที่คนขับรถบรรทุกปูนรับผิดทุกอย่าง เรื่องมันประมาณว่า พอเราขับเลนขวาสุด มาประมาณเก้าสิบ - ร้อย
จู่ ๆ รถบรรทุกปูน เลี้ยวออกมาจากโรงแรมรีเจนท์ แ้ล้วเข้ามาในเลนขวาสุดมาปาดหน้ารถพ่อเราพอดี ระยะที่มาอยู่หน้ารถพ่อเราจากแม่บอก
ประมาณไม่ถึงสิบเมตร แล้วพอเข้ามาในเลน ก็ชะลอรถ ถ้ามันไม่ชะลอขับไม่เลยคงไม่ต้องมาชนแบบนี้
พ่อเรามีเวลาตัดสินใจไม่ถึงสิบวินาทีว่า
1. ออกซ้าย ถ้าออกซ้ายรถข้างหลังก็จะเบรคไม่ทันเหมือนกัน จะชนรถพ่อเราแล้วคราวนี้จะอัดก็อปปี้โอกาสรอดแทบไม่มี
2. ปีนเกาะกลาง ถ้าออกขวาปีนเกาะกลางอาจจะทำให้รถคว่ำได้ คราวนี้โอกาสรอดก็ไม่มี
3. เบี่ยงขวาสุดพร้อมเหยียบเบรค ดึงเบรคมือ อันนี้ต้องมีความเสียหาย แต่อาจจะเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดที่จะรักษาชีวิตคน
สุดท้ายก็เปรี้ยงในด้านซ้ายซึ่งเป็นด้านที่แม่เรานั่งอยู่ ด้วยบุญบารมีที่เราบริจาคเลือด และการไปทำบุญที่วัด สวดมนต์ที่ผ่านมา
หรือตัวถังรถฮอนด้า ซีวิคที่แกร่งพอทานการกระแทกไม่ได้ถึงตัวพ่อกับแม่มากนัก
หรืออะไรก็ตามแต่ แต่มันทำให้เรายังหัวเราะกับพ่อและแม่เราได้ถึงตอนนี้ พวกเราเพิ่งจะได้ทานข้าวร่วมกัน
ซึ่งโชคก็เข้าข้างพวกเราอีกที่รถบรรทุกมีประกันชั้นสาม ไม่อย่างงั้นก็ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่เราจะได้รถคืน
เพราะตอนนี้รถของเราอยู่ที่อู่ตรงปรานบุรี แถมตอนโทรไปเมื่อเช้า ทางอู่ก็บอกว่าสัปดาห์หน้าถึงได้ซ่อม เพราะตามคิว
ตอนแรกเราเองก็ไม่รู้ว่าคนขับรถบรรทุกจะรับผิดมั้ย เพราะพ่อเป็นฝ่ายขับไปชนเอง แต่สุดท้ายก็จบลงด้วยดี
สภาพรถของเราที่ สภอ.ชะอำ ตอนแรกนี่เห็นพ่อกับแม่ไม่เป็นไรมากไม่นึกนะว่าจะขนาดนี้
ท่าน ๆ อาจจะสงสัยว่าเราขีดเส้นใต้ทะเบียนรถไว้ทำไม เพราะเนื่องจากวันนี้เราได้รับรู้ว่า
จริง ๆ นี่เค้ากะจะให้โชคเราใช่มั้ย แต่เราดันนนนน ไ่ม่มีบุญมารับโชคซะนี่ เซ็งสุด ๆ
สุดท้ายนี้เราอยากบอกว่า ทุกนาทีมีค่าค่ะ จงใช้เวลาอยู่กับคนที่คุณรักให้มากที่สุด เพราะคุณไม่รู้หรอกว่าอะไรจะเกิดขึ้นบ้าง