โบรกแนะซื้อ 10 หุ้นเด่น กระแสแรง! SGP, AGE, AAV, STANLY, LH, AP, LOXLEY, SITHAI, MCOT, SVI

กระทู้สนทนา
ข่าวหุ้น
28/02/56

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เช้านี้ ณ เวลา 9.43 น. ค่าเงินบาทอยู่ที่ 29.81/83 บาทต่อเหรียญสหรัฐ ขณะที่ตลาดหุ้นเอเชียเช้านี้ปรับตัวอยู่ในแดนบวก นักวิเคราะห์คาดหุ้นไทยวันนี้มีแนวโน้มปรับตัวขึ้นตามตลาดต่างประเทศ แต่อาจไปได้ไม่ไกล เนื่องจากนักลงทุนต่างชาติยังคงขายสุทธิอย่างต่อเนื่อง เน้นหุ้นขนาดกลาง ที่มีปัจจัยโดดเด่นเฉพาะตัว กลุ่มที่ส่งออกเพิ่มได้แก่ อิเล็กทรอนิกส์ เครื่องใช้ไฟฟ้า ยานยนต์ เกษตร เก็งกำไร 10 หุ้นเด่น ได้แก่ SGP, AGE, AAV, STANLY, SVI, LH, AP, LOXLEY, SITHAI, MCOT

เม่าชอปปิ้ง เม่าชอปปิ้ง เม่าชอปปิ้ง เม่าชอปปิ้ง

บล.ฟินันเซีย ไซรัส ระบุว่าช่วงนี้ยังเน้นเทรดดิ้ง ดังนั้นอ่อนตัวลงเลือกซื้อได้ แล้วรอขายเมื่อดีดกลับ..กลยุทธ์ : ช่วงนี้ยังเน้นเป็นเทรดดิ้งสั้นตามรอบ ดังนั้นหลังจากแนะนำขายทำกำไรช่วงบวกแล้ว ในจังหวะอ่อนตัวลงแรงของ SET วานนี้ก็น่ากลับเข้าเลือกหุ้นซื้อเพื่อเทรดดิ้งใหม่ได้ แต่ยังแนะนำให้มองหาจังหวะขายทำกำไรอีกเมื่อ SET ดีดกลับ

หุ้นเด่นทางเทคนิค  SGP, AGE, BLA (SBL)

แนวโน้ม เมื่อวานนี้ตลาดหุ้นไทยสามารถดีดบวกขึ้นได้ในช่วงเช้า หลังตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐออกมาดี แต่สุดท้ายยังถูกแรงขายกดดันให้ปรับตัวย้อนลงเป็นลบและเป็นลบมากขึ้นอีกในช่วงท้ายวัน เนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับปัญหาเศรษฐกิจในยุโรป และการปรับลดงบประมาณของสหรัฐ รวมถึงความวิตกต่อการไหลออกของเม็ดเงินต่างประเทศจากการที่นักลงทุนต่างชาติเริ่มมียอดขายสุทธิต่อเนื่องขึ้นด้วย อย่างไรก็ตามเช้านี้บรรยากาศการลงทุนในตลาดหุ้นต่างประเทศถือว่าสดใสขึ้น โดยดาวโจนส์ยังบวกแรงต่อและตลาดยุโรปกลับมาปิดบวก หลังประธานเฟดยังแถลงยืนยันสนับสนุนนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของเฟดต่อไป ส่วนตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐก็ยังคงดีต่อเนื่อง รวมถึงแรงซื้อกลับเนื่องจากผลการประมูลพันธบัตรรัฐบาลอิตาลีที่ยังได้รับความสนใจสูง แม้ว่าจะมีปัญหาด้านการเมืองอยู่ก็ตาม ซึ่งเมื่อวานนี้ SET ก็ปรับตัวลดลงค่อนข้างแรงพอควร แต่นักลงทุนต่างประเทศกลับมียอดขายสุทธิบางตาลง ทำให้ FSS คาดว่า SET น่าจะมีลุ้นโอกาสดีดกลับขึ้นได้บ้าง แต่เรายังแนะนำเพียงเลือกหุ้นเข้าเทรดดิ้งสั้นๆ ตามรอบเท่านั้น

แนวรับ  1517-1514 , 1512-1510 จุด   แนวต้าน 1522-1524 , 1527-1532 จุด

บล.กสิกรไทย ระบุในบทวิเคราะห์ ดังนี้ ยังคงระวังว่าหุ้นไทยจะ Underperform โลกต่อ แนวโน้มตลาด: หุ้นยุโรปและสหรัฐฯ ฟื้นตัวขึ้นจากผลการประมูลพันธบัตรอิตาลี ที่แม้จะมีอัตราผลตอบแทนปรับสูงขึ้น แต่ก็สามารถประมูลได้ตามจำนวน ประกอบกับตัวเลขเศรษฐกิจที่ออกมาดีโดยฝั่งยุโรปความเชื่อมั่นของธุรกิจและผู้บริโภคที่ใช้สกุลเงินยูโร ก.พ. อยู่ที่ 91.1 (จาก 89.5) ซึ่งดีกว่าที่คาด ในขณะที่ฝั่งสหรัฐฯ ดัชนีการทำสัญญาขายบ้านที่รอปิดการขาย (Pending home sales) เพิ่มขึ้น 4.5% จากเดือนก่อนหน้า ดีกว่าคาดและสูงสุดนับจากเม.ย.53 ก็เป็นอีกปัจจัยที่หนุนให้ตลาดฟื้นตัวขึ้น แม้ภาพโดยรวมไม่แสดงปัจจัยใดๆที่น่ากังวล อย่างไรก็ตามความผัวผวนในตลาดเงินโลกเริ่มสูงขึ้นและยากแก่การคาดเดา ความผันผวนของดัชนีสำคัญของโลกที่ไป-กลับ 2% ในช่วงหลายวันที่ผ่านมาไม่ใช่สัญญาณที่แสดงความแข็งแกร่งของตลาด แต่มักเป็นสัญญาณเตือนถึงความผันผวนของปัจจัยที่มองไม่เห็นที่อาจจะตามมา เราจึงยังขอใช้มุมมองระมัดระวังในการลงทุนต่อไป

ปัจจัยอื่น/ ส่งออกม.ค.เพิ่มขึ้น 16% ซึ่งทำสถิติสูงสุดใหม่จากการฟื้นตัวของตลาดหลัก (ญี่ปุ่น สหรัฐฯ ยุโรป) อย่างไรก็ตามการนำเข้าที่เพิ่มขึ้นกว่า 40% ทำให้ขาดดุลถ่างขึ้น แต่น่าจะเป็นแค่ปัจจัยกังวลระยะสั้น โดยกลุ่มที่ส่งออกเพิ่มได้แก่ อิเล็กทรอนิกส์ เครื่องใช้ไฟฟ้า ยานยนต์ เกษตร (ชอบ KCE SVI CFRESH)

กลยุทธ์การลงทุน: SET Index แม้ปรับลดลงแรง แต่ยังยืนเหนือ 1518 จุด ซึ่งยิ่งเพิ่มน้ำหนักของการฟื้นตัว ในระยะสั้น แต่ในภาพที่สัมพันธ์กับโลก ยังมีแนวโน้มที่จะ Underperform หุ้นโลกต่อเนื่อง การเก็งกำไรระยะสั้นหุ้นกลุ่มส่งออกมีโอกาสถูกผลักดันขึ้น แต่ยังคงแนะนำเก็งกำไรด้วยขนาดของเงินที่ลดลง และแบ่งทำกำไรหุ้นบางส่วนเพื่อ Lock in profit ไว้รับมือความผันผวนที่มีโอกาสเกิดขึ้น หุ้นแนะนำ AAV STANLY SVI

สำหรับนักลงทุนระยะกลาง: (เมื่อ 22 ก.พ.) ขอเสี่ยงลดน้ำหนักการลงทุนเป็นครั้งแรกในรอบ 10 เดือน ลง 10% (ปัจจุบันเหลือ 70%) ซึ่งในส่วนของการซื้อต่อยอดสะสมระยะกลาง ขอเน้นเลือกซื้อใน ADVANC PTT CPF KBS TICON AP KTB CCET KCE TTA MAJOR STANLY

บล.ฟิลลิป ระบุว่า กลยุทธ์การลงทุน: ลดพอร์ตมาที่ 50% ถ้ายืน 1524 ไม่ได้ แนวโน้มตลาดวันนี้: ดีดกลับ...ลุ้นยืน 1524 ให้ได ้คาดวันนี้ตลาดหุ้นไทยจะดีดกลับได้ตามการฟื้นตัวของตลาดภูมิภาคหลังดัชนีดาวโจนส์พุ่งกว่า 175 จุด บนความเชื่อมั่นจากคำให้การของประธานเฟดต่อการสนับสนุนนโยบาย QE ต่อไป อย่างไรก็ดี การดิ่งหนักของ SETวานนี้ ทำให้เกิดสัญญาณขายทางเทคนิคตามมา ดังนั้น วันนี้ยังต้องลุ้นให้SET สามารถยืนเหนือ 1524 ให้ได้เท่านั้น จึงจะไปต่อได้ ขณะที่เมื่อพิจารณาปัจจัยแวดล้อมยังมองไม่เห็นอะไรใหม่ๆ ในช่วงนี้ แม้ดูเหมือนการตัดลดงบประมาณสหรัฐที่มีกำหนดเส้นตายในวันนี้แทบจะไม่ส่งผลต่อตลาดหุ้นเลยก็ตาม (อาจคาดว่าจะมีการเลื่อนกำหนดออกไปอีก) หากแต่ความไม่แน่นอนยังมีอยู่ จึงไม่ควรวางใจนัก หากเกิดการตัดลดงบประมาณโดยอัตโนมัติอาจส่งผลเชิงลบตามมา อีกทั้งยังมีความไม่แน่นอนของการเมืองในอิตาลี และยังน่าจับตาการขายของต่างชาติต่อไปใกล้ชิด โดยหาก SET ยืนเหนือ 1524 ไม่ได้ ก็มีสิทธิร่วงลงไปแถว 1500-1490 อีกรอบ

กลยุทธ์การลงทุนระยะสั้น: ถ้ายืนเหนือ 1524 ได้ ก็เลือกหุ้นเก็งกำไรต่อแต่หากยืนไม่อยู่ ให้ขยับพอร์ตกลับลงมาที่ 50% ก่อน แนวต้าน : 1524, 1527 แนวรับ : 1510, 1500

การจัดพอร์ตระยะสั้น* - หุ้น 75% : เงินสด 25%

ถือต่อในพอร์ต : INTUCH, SCB, CPF, TKT, NTV

บล.เคจีไอ (ประเทศไทย) ระบุว่า ดัชนีมีเด้ง แต่จะไปไม่ไกล ให้เน้นหุ้นเล็กต่อไป KGI มองดัชนีฯ วันพฤหัสฯ เปิดรีบาวด์ แต่จะย่อลงในที่สุด คล้ายเมื่อวานนี้ แรงผลักขึ้นเกิดจากตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่แข็งแกร่ง ทั้งภาคอสังหาฯ และภาคลงทุน รวมทั้งประธานเฟดย้ำในการแถลงวันที่ 2 ว่าจำเป็นต้องมี QE ต่อ รวมทั้งอิตาลีประมูลพันธบัตรได้รับผลตอบรับดี อย่างไรก็ตาม ต่างชาติไม่น่ากลับมาซื้อหุ้นไทยในช่วงสั้น เพราะภาพใหญ่มีความไม่แน่นอนเพิ่มขึ้นในเดือน มี.ค. เช่นผลของการลดรายจ่ายสหรัฐฯ ที่จะเริ่มในวันที่ 1 มี.ค. และปัญหาการเมืองอิตาลีที่ไม่คืบหน้า ด้านราคาหุ้นไทยขณะนี้ทำให้ต่างชาติไม่รีบเข้าซื้อ ส่วนกองทุนไทยคาดมีเม็ดเงินกองทุน Trigger บ้างแต่ไม่ชัดเจน กลยุทธ์: ไม่ตามหุ้นใหญ่แม้น่ามีรีบาวด์ได้พอควร ให้เน้นหุ้นเล็กกลุ่มก่อสร้าง ที่ดิน ท่องเที่ยว และสื่อสารวางระบบ ถือต่อข้ามเดือนใน STEC, ITD, MINT*, JAS* // ซื้อเก็งกำไร LH*, AP, LOXLEY

บล.ไทยพาณิชย์ระบุในบทวิเคราะห์ ดังนี้ ผันผวนต่อเนื่อง แรงขายหมุนเวียนในทุกกลุ่มนักลงทุน ซึ่งเมื่อวาน เป็นคิวของบัญชีบริษัทหลักทรัพย์ มียอดขายสุทธิออกมา 1 พันลบ. ขณะที่ต่างชาติขายเบาๆ ที่ 200 ลบ. แต่ยังวางใจมิได้ เนื่องจากยังสะสมสถานะ Short ต่อเนื่อง ทั้งนี้ แนวโน้มราคาของ SET แนวรับเป้าหมายต่อไปอยู่ที่ 1510 จุด และเราคาดว่า การพักฐานระยะสั้นชุดนี้จะไม่หลุดต่ำกว่า 1500 จุด กลยุทธ์การลงทุน หันมาเน้นหุ้นขนาดกลาง ที่มีปัจจัยโดดเด่นเฉพาะตัว หลีกหุ้นใหญ่ที่ได้รับผลกระทบจากภาวะตลาด ขณะที่หุ้นเก็งกำไร มีความเสี่ยงจากมาตรการภาครัฐจะขยายหุ้นใน Cash Balance เป็น 6 สัปดาห์ มีผลวันที่ 1 มี.ค. หุ้น Top Picks ได้แก่ SVI, SITHAI, MCOT

เม่าออกรถ เม่าออกรถ เม่าออกรถ เม่าออกรถ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่