ข่าวหุ้น
28/02/56
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เช้านี้ ณ เวลา 9.43 น. ค่าเงินบาทอยู่ที่ 29.81/83 บาทต่อเหรียญสหรัฐ ขณะที่ตลาดหุ้นเอเชียเช้านี้ปรับตัวอยู่ในแดนบวก นักวิเคราะห์คาดหุ้นไทยวันนี้มีแนวโน้มปรับตัวขึ้นตามตลาดต่างประเทศ แต่อาจไปได้ไม่ไกล เนื่องจากนักลงทุนต่างชาติยังคงขายสุทธิอย่างต่อเนื่อง เน้นหุ้นขนาดกลาง ที่มีปัจจัยโดดเด่นเฉพาะตัว กลุ่มที่ส่งออกเพิ่มได้แก่ อิเล็กทรอนิกส์ เครื่องใช้ไฟฟ้า ยานยนต์ เกษตร เก็งกำไร 10 หุ้นเด่น ได้แก่ SGP, AGE, AAV, STANLY, SVI, LH, AP, LOXLEY, SITHAI, MCOT
บล.ฟินันเซีย ไซรัส ระบุว่าช่วงนี้ยังเน้นเทรดดิ้ง ดังนั้นอ่อนตัวลงเลือกซื้อได้ แล้วรอขายเมื่อดีดกลับ..กลยุทธ์ : ช่วงนี้ยังเน้นเป็นเทรดดิ้งสั้นตามรอบ ดังนั้นหลังจากแนะนำขายทำกำไรช่วงบวกแล้ว ในจังหวะอ่อนตัวลงแรงของ SET วานนี้ก็น่ากลับเข้าเลือกหุ้นซื้อเพื่อเทรดดิ้งใหม่ได้ แต่ยังแนะนำให้มองหาจังหวะขายทำกำไรอีกเมื่อ SET ดีดกลับ
หุ้นเด่นทางเทคนิค SGP, AGE, BLA (SBL)
แนวโน้ม เมื่อวานนี้ตลาดหุ้นไทยสามารถดีดบวกขึ้นได้ในช่วงเช้า หลังตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐออกมาดี แต่สุดท้ายยังถูกแรงขายกดดันให้ปรับตัวย้อนลงเป็นลบและเป็นลบมากขึ้นอีกในช่วงท้ายวัน เนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับปัญหาเศรษฐกิจในยุโรป และการปรับลดงบประมาณของสหรัฐ รวมถึงความวิตกต่อการไหลออกของเม็ดเงินต่างประเทศจากการที่นักลงทุนต่างชาติเริ่มมียอดขายสุทธิต่อเนื่องขึ้นด้วย อย่างไรก็ตามเช้านี้บรรยากาศการลงทุนในตลาดหุ้นต่างประเทศถือว่าสดใสขึ้น โดยดาวโจนส์ยังบวกแรงต่อและตลาดยุโรปกลับมาปิดบวก หลังประธานเฟดยังแถลงยืนยันสนับสนุนนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของเฟดต่อไป ส่วนตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐก็ยังคงดีต่อเนื่อง รวมถึงแรงซื้อกลับเนื่องจากผลการประมูลพันธบัตรรัฐบาลอิตาลีที่ยังได้รับความสนใจสูง แม้ว่าจะมีปัญหาด้านการเมืองอยู่ก็ตาม ซึ่งเมื่อวานนี้ SET ก็ปรับตัวลดลงค่อนข้างแรงพอควร แต่นักลงทุนต่างประเทศกลับมียอดขายสุทธิบางตาลง ทำให้ FSS คาดว่า SET น่าจะมีลุ้นโอกาสดีดกลับขึ้นได้บ้าง แต่เรายังแนะนำเพียงเลือกหุ้นเข้าเทรดดิ้งสั้นๆ ตามรอบเท่านั้น
แนวรับ 1517-1514 , 1512-1510 จุด แนวต้าน 1522-1524 , 1527-1532 จุด
บล.กสิกรไทย ระบุในบทวิเคราะห์ ดังนี้ ยังคงระวังว่าหุ้นไทยจะ Underperform โลกต่อ แนวโน้มตลาด: หุ้นยุโรปและสหรัฐฯ ฟื้นตัวขึ้นจากผลการประมูลพันธบัตรอิตาลี ที่แม้จะมีอัตราผลตอบแทนปรับสูงขึ้น แต่ก็สามารถประมูลได้ตามจำนวน ประกอบกับตัวเลขเศรษฐกิจที่ออกมาดีโดยฝั่งยุโรปความเชื่อมั่นของธุรกิจและผู้บริโภคที่ใช้สกุลเงินยูโร ก.พ. อยู่ที่ 91.1 (จาก 89.5) ซึ่งดีกว่าที่คาด ในขณะที่ฝั่งสหรัฐฯ ดัชนีการทำสัญญาขายบ้านที่รอปิดการขาย (Pending home sales) เพิ่มขึ้น 4.5% จากเดือนก่อนหน้า ดีกว่าคาดและสูงสุดนับจากเม.ย.53 ก็เป็นอีกปัจจัยที่หนุนให้ตลาดฟื้นตัวขึ้น แม้ภาพโดยรวมไม่แสดงปัจจัยใดๆที่น่ากังวล อย่างไรก็ตามความผัวผวนในตลาดเงินโลกเริ่มสูงขึ้นและยากแก่การคาดเดา ความผันผวนของดัชนีสำคัญของโลกที่ไป-กลับ 2% ในช่วงหลายวันที่ผ่านมาไม่ใช่สัญญาณที่แสดงความแข็งแกร่งของตลาด แต่มักเป็นสัญญาณเตือนถึงความผันผวนของปัจจัยที่มองไม่เห็นที่อาจจะตามมา เราจึงยังขอใช้มุมมองระมัดระวังในการลงทุนต่อไป
ปัจจัยอื่น/ ส่งออกม.ค.เพิ่มขึ้น 16% ซึ่งทำสถิติสูงสุดใหม่จากการฟื้นตัวของตลาดหลัก (ญี่ปุ่น สหรัฐฯ ยุโรป) อย่างไรก็ตามการนำเข้าที่เพิ่มขึ้นกว่า 40% ทำให้ขาดดุลถ่างขึ้น แต่น่าจะเป็นแค่ปัจจัยกังวลระยะสั้น โดยกลุ่มที่ส่งออกเพิ่มได้แก่ อิเล็กทรอนิกส์ เครื่องใช้ไฟฟ้า ยานยนต์ เกษตร (ชอบ KCE SVI CFRESH)
กลยุทธ์การลงทุน: SET Index แม้ปรับลดลงแรง แต่ยังยืนเหนือ 1518 จุด ซึ่งยิ่งเพิ่มน้ำหนักของการฟื้นตัว ในระยะสั้น แต่ในภาพที่สัมพันธ์กับโลก ยังมีแนวโน้มที่จะ Underperform หุ้นโลกต่อเนื่อง การเก็งกำไรระยะสั้นหุ้นกลุ่มส่งออกมีโอกาสถูกผลักดันขึ้น แต่ยังคงแนะนำเก็งกำไรด้วยขนาดของเงินที่ลดลง และแบ่งทำกำไรหุ้นบางส่วนเพื่อ Lock in profit ไว้รับมือความผันผวนที่มีโอกาสเกิดขึ้น หุ้นแนะนำ AAV STANLY SVI
สำหรับนักลงทุนระยะกลาง: (เมื่อ 22 ก.พ.) ขอเสี่ยงลดน้ำหนักการลงทุนเป็นครั้งแรกในรอบ 10 เดือน ลง 10% (ปัจจุบันเหลือ 70%) ซึ่งในส่วนของการซื้อต่อยอดสะสมระยะกลาง ขอเน้นเลือกซื้อใน ADVANC PTT CPF KBS TICON AP KTB CCET KCE TTA MAJOR STANLY
บล.ฟิลลิป ระบุว่า กลยุทธ์การลงทุน: ลดพอร์ตมาที่ 50% ถ้ายืน 1524 ไม่ได้ แนวโน้มตลาดวันนี้: ดีดกลับ...ลุ้นยืน 1524 ให้ได ้คาดวันนี้ตลาดหุ้นไทยจะดีดกลับได้ตามการฟื้นตัวของตลาดภูมิภาคหลังดัชนีดาวโจนส์พุ่งกว่า 175 จุด บนความเชื่อมั่นจากคำให้การของประธานเฟดต่อการสนับสนุนนโยบาย QE ต่อไป อย่างไรก็ดี การดิ่งหนักของ SETวานนี้ ทำให้เกิดสัญญาณขายทางเทคนิคตามมา ดังนั้น วันนี้ยังต้องลุ้นให้SET สามารถยืนเหนือ 1524 ให้ได้เท่านั้น จึงจะไปต่อได้ ขณะที่เมื่อพิจารณาปัจจัยแวดล้อมยังมองไม่เห็นอะไรใหม่ๆ ในช่วงนี้ แม้ดูเหมือนการตัดลดงบประมาณสหรัฐที่มีกำหนดเส้นตายในวันนี้แทบจะไม่ส่งผลต่อตลาดหุ้นเลยก็ตาม (อาจคาดว่าจะมีการเลื่อนกำหนดออกไปอีก) หากแต่ความไม่แน่นอนยังมีอยู่ จึงไม่ควรวางใจนัก หากเกิดการตัดลดงบประมาณโดยอัตโนมัติอาจส่งผลเชิงลบตามมา อีกทั้งยังมีความไม่แน่นอนของการเมืองในอิตาลี และยังน่าจับตาการขายของต่างชาติต่อไปใกล้ชิด โดยหาก SET ยืนเหนือ 1524 ไม่ได้ ก็มีสิทธิร่วงลงไปแถว 1500-1490 อีกรอบ
กลยุทธ์การลงทุนระยะสั้น: ถ้ายืนเหนือ 1524 ได้ ก็เลือกหุ้นเก็งกำไรต่อแต่หากยืนไม่อยู่ ให้ขยับพอร์ตกลับลงมาที่ 50% ก่อน แนวต้าน : 1524, 1527 แนวรับ : 1510, 1500
การจัดพอร์ตระยะสั้น* - หุ้น 75% : เงินสด 25%
ถือต่อในพอร์ต : INTUCH, SCB, CPF, TKT, NTV
บล.เคจีไอ (ประเทศไทย) ระบุว่า ดัชนีมีเด้ง แต่จะไปไม่ไกล ให้เน้นหุ้นเล็กต่อไป KGI มองดัชนีฯ วันพฤหัสฯ เปิดรีบาวด์ แต่จะย่อลงในที่สุด คล้ายเมื่อวานนี้ แรงผลักขึ้นเกิดจากตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่แข็งแกร่ง ทั้งภาคอสังหาฯ และภาคลงทุน รวมทั้งประธานเฟดย้ำในการแถลงวันที่ 2 ว่าจำเป็นต้องมี QE ต่อ รวมทั้งอิตาลีประมูลพันธบัตรได้รับผลตอบรับดี อย่างไรก็ตาม ต่างชาติไม่น่ากลับมาซื้อหุ้นไทยในช่วงสั้น เพราะภาพใหญ่มีความไม่แน่นอนเพิ่มขึ้นในเดือน มี.ค. เช่นผลของการลดรายจ่ายสหรัฐฯ ที่จะเริ่มในวันที่ 1 มี.ค. และปัญหาการเมืองอิตาลีที่ไม่คืบหน้า ด้านราคาหุ้นไทยขณะนี้ทำให้ต่างชาติไม่รีบเข้าซื้อ ส่วนกองทุนไทยคาดมีเม็ดเงินกองทุน Trigger บ้างแต่ไม่ชัดเจน กลยุทธ์: ไม่ตามหุ้นใหญ่แม้น่ามีรีบาวด์ได้พอควร ให้เน้นหุ้นเล็กกลุ่มก่อสร้าง ที่ดิน ท่องเที่ยว และสื่อสารวางระบบ ถือต่อข้ามเดือนใน STEC, ITD, MINT*, JAS* // ซื้อเก็งกำไร LH*, AP, LOXLEY
บล.ไทยพาณิชย์ระบุในบทวิเคราะห์ ดังนี้ ผันผวนต่อเนื่อง แรงขายหมุนเวียนในทุกกลุ่มนักลงทุน ซึ่งเมื่อวาน เป็นคิวของบัญชีบริษัทหลักทรัพย์ มียอดขายสุทธิออกมา 1 พันลบ. ขณะที่ต่างชาติขายเบาๆ ที่ 200 ลบ. แต่ยังวางใจมิได้ เนื่องจากยังสะสมสถานะ Short ต่อเนื่อง ทั้งนี้ แนวโน้มราคาของ SET แนวรับเป้าหมายต่อไปอยู่ที่ 1510 จุด และเราคาดว่า การพักฐานระยะสั้นชุดนี้จะไม่หลุดต่ำกว่า 1500 จุด กลยุทธ์การลงทุน หันมาเน้นหุ้นขนาดกลาง ที่มีปัจจัยโดดเด่นเฉพาะตัว หลีกหุ้นใหญ่ที่ได้รับผลกระทบจากภาวะตลาด ขณะที่หุ้นเก็งกำไร มีความเสี่ยงจากมาตรการภาครัฐจะขยายหุ้นใน Cash Balance เป็น 6 สัปดาห์ มีผลวันที่ 1 มี.ค. หุ้น Top Picks ได้แก่ SVI, SITHAI, MCOT
โบรกแนะซื้อ 10 หุ้นเด่น กระแสแรง! SGP, AGE, AAV, STANLY, LH, AP, LOXLEY, SITHAI, MCOT, SVI
28/02/56
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เช้านี้ ณ เวลา 9.43 น. ค่าเงินบาทอยู่ที่ 29.81/83 บาทต่อเหรียญสหรัฐ ขณะที่ตลาดหุ้นเอเชียเช้านี้ปรับตัวอยู่ในแดนบวก นักวิเคราะห์คาดหุ้นไทยวันนี้มีแนวโน้มปรับตัวขึ้นตามตลาดต่างประเทศ แต่อาจไปได้ไม่ไกล เนื่องจากนักลงทุนต่างชาติยังคงขายสุทธิอย่างต่อเนื่อง เน้นหุ้นขนาดกลาง ที่มีปัจจัยโดดเด่นเฉพาะตัว กลุ่มที่ส่งออกเพิ่มได้แก่ อิเล็กทรอนิกส์ เครื่องใช้ไฟฟ้า ยานยนต์ เกษตร เก็งกำไร 10 หุ้นเด่น ได้แก่ SGP, AGE, AAV, STANLY, SVI, LH, AP, LOXLEY, SITHAI, MCOT
บล.ฟินันเซีย ไซรัส ระบุว่าช่วงนี้ยังเน้นเทรดดิ้ง ดังนั้นอ่อนตัวลงเลือกซื้อได้ แล้วรอขายเมื่อดีดกลับ..กลยุทธ์ : ช่วงนี้ยังเน้นเป็นเทรดดิ้งสั้นตามรอบ ดังนั้นหลังจากแนะนำขายทำกำไรช่วงบวกแล้ว ในจังหวะอ่อนตัวลงแรงของ SET วานนี้ก็น่ากลับเข้าเลือกหุ้นซื้อเพื่อเทรดดิ้งใหม่ได้ แต่ยังแนะนำให้มองหาจังหวะขายทำกำไรอีกเมื่อ SET ดีดกลับ
หุ้นเด่นทางเทคนิค SGP, AGE, BLA (SBL)
แนวโน้ม เมื่อวานนี้ตลาดหุ้นไทยสามารถดีดบวกขึ้นได้ในช่วงเช้า หลังตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐออกมาดี แต่สุดท้ายยังถูกแรงขายกดดันให้ปรับตัวย้อนลงเป็นลบและเป็นลบมากขึ้นอีกในช่วงท้ายวัน เนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับปัญหาเศรษฐกิจในยุโรป และการปรับลดงบประมาณของสหรัฐ รวมถึงความวิตกต่อการไหลออกของเม็ดเงินต่างประเทศจากการที่นักลงทุนต่างชาติเริ่มมียอดขายสุทธิต่อเนื่องขึ้นด้วย อย่างไรก็ตามเช้านี้บรรยากาศการลงทุนในตลาดหุ้นต่างประเทศถือว่าสดใสขึ้น โดยดาวโจนส์ยังบวกแรงต่อและตลาดยุโรปกลับมาปิดบวก หลังประธานเฟดยังแถลงยืนยันสนับสนุนนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของเฟดต่อไป ส่วนตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐก็ยังคงดีต่อเนื่อง รวมถึงแรงซื้อกลับเนื่องจากผลการประมูลพันธบัตรรัฐบาลอิตาลีที่ยังได้รับความสนใจสูง แม้ว่าจะมีปัญหาด้านการเมืองอยู่ก็ตาม ซึ่งเมื่อวานนี้ SET ก็ปรับตัวลดลงค่อนข้างแรงพอควร แต่นักลงทุนต่างประเทศกลับมียอดขายสุทธิบางตาลง ทำให้ FSS คาดว่า SET น่าจะมีลุ้นโอกาสดีดกลับขึ้นได้บ้าง แต่เรายังแนะนำเพียงเลือกหุ้นเข้าเทรดดิ้งสั้นๆ ตามรอบเท่านั้น
แนวรับ 1517-1514 , 1512-1510 จุด แนวต้าน 1522-1524 , 1527-1532 จุด
บล.กสิกรไทย ระบุในบทวิเคราะห์ ดังนี้ ยังคงระวังว่าหุ้นไทยจะ Underperform โลกต่อ แนวโน้มตลาด: หุ้นยุโรปและสหรัฐฯ ฟื้นตัวขึ้นจากผลการประมูลพันธบัตรอิตาลี ที่แม้จะมีอัตราผลตอบแทนปรับสูงขึ้น แต่ก็สามารถประมูลได้ตามจำนวน ประกอบกับตัวเลขเศรษฐกิจที่ออกมาดีโดยฝั่งยุโรปความเชื่อมั่นของธุรกิจและผู้บริโภคที่ใช้สกุลเงินยูโร ก.พ. อยู่ที่ 91.1 (จาก 89.5) ซึ่งดีกว่าที่คาด ในขณะที่ฝั่งสหรัฐฯ ดัชนีการทำสัญญาขายบ้านที่รอปิดการขาย (Pending home sales) เพิ่มขึ้น 4.5% จากเดือนก่อนหน้า ดีกว่าคาดและสูงสุดนับจากเม.ย.53 ก็เป็นอีกปัจจัยที่หนุนให้ตลาดฟื้นตัวขึ้น แม้ภาพโดยรวมไม่แสดงปัจจัยใดๆที่น่ากังวล อย่างไรก็ตามความผัวผวนในตลาดเงินโลกเริ่มสูงขึ้นและยากแก่การคาดเดา ความผันผวนของดัชนีสำคัญของโลกที่ไป-กลับ 2% ในช่วงหลายวันที่ผ่านมาไม่ใช่สัญญาณที่แสดงความแข็งแกร่งของตลาด แต่มักเป็นสัญญาณเตือนถึงความผันผวนของปัจจัยที่มองไม่เห็นที่อาจจะตามมา เราจึงยังขอใช้มุมมองระมัดระวังในการลงทุนต่อไป
ปัจจัยอื่น/ ส่งออกม.ค.เพิ่มขึ้น 16% ซึ่งทำสถิติสูงสุดใหม่จากการฟื้นตัวของตลาดหลัก (ญี่ปุ่น สหรัฐฯ ยุโรป) อย่างไรก็ตามการนำเข้าที่เพิ่มขึ้นกว่า 40% ทำให้ขาดดุลถ่างขึ้น แต่น่าจะเป็นแค่ปัจจัยกังวลระยะสั้น โดยกลุ่มที่ส่งออกเพิ่มได้แก่ อิเล็กทรอนิกส์ เครื่องใช้ไฟฟ้า ยานยนต์ เกษตร (ชอบ KCE SVI CFRESH)
กลยุทธ์การลงทุน: SET Index แม้ปรับลดลงแรง แต่ยังยืนเหนือ 1518 จุด ซึ่งยิ่งเพิ่มน้ำหนักของการฟื้นตัว ในระยะสั้น แต่ในภาพที่สัมพันธ์กับโลก ยังมีแนวโน้มที่จะ Underperform หุ้นโลกต่อเนื่อง การเก็งกำไรระยะสั้นหุ้นกลุ่มส่งออกมีโอกาสถูกผลักดันขึ้น แต่ยังคงแนะนำเก็งกำไรด้วยขนาดของเงินที่ลดลง และแบ่งทำกำไรหุ้นบางส่วนเพื่อ Lock in profit ไว้รับมือความผันผวนที่มีโอกาสเกิดขึ้น หุ้นแนะนำ AAV STANLY SVI
สำหรับนักลงทุนระยะกลาง: (เมื่อ 22 ก.พ.) ขอเสี่ยงลดน้ำหนักการลงทุนเป็นครั้งแรกในรอบ 10 เดือน ลง 10% (ปัจจุบันเหลือ 70%) ซึ่งในส่วนของการซื้อต่อยอดสะสมระยะกลาง ขอเน้นเลือกซื้อใน ADVANC PTT CPF KBS TICON AP KTB CCET KCE TTA MAJOR STANLY
บล.ฟิลลิป ระบุว่า กลยุทธ์การลงทุน: ลดพอร์ตมาที่ 50% ถ้ายืน 1524 ไม่ได้ แนวโน้มตลาดวันนี้: ดีดกลับ...ลุ้นยืน 1524 ให้ได ้คาดวันนี้ตลาดหุ้นไทยจะดีดกลับได้ตามการฟื้นตัวของตลาดภูมิภาคหลังดัชนีดาวโจนส์พุ่งกว่า 175 จุด บนความเชื่อมั่นจากคำให้การของประธานเฟดต่อการสนับสนุนนโยบาย QE ต่อไป อย่างไรก็ดี การดิ่งหนักของ SETวานนี้ ทำให้เกิดสัญญาณขายทางเทคนิคตามมา ดังนั้น วันนี้ยังต้องลุ้นให้SET สามารถยืนเหนือ 1524 ให้ได้เท่านั้น จึงจะไปต่อได้ ขณะที่เมื่อพิจารณาปัจจัยแวดล้อมยังมองไม่เห็นอะไรใหม่ๆ ในช่วงนี้ แม้ดูเหมือนการตัดลดงบประมาณสหรัฐที่มีกำหนดเส้นตายในวันนี้แทบจะไม่ส่งผลต่อตลาดหุ้นเลยก็ตาม (อาจคาดว่าจะมีการเลื่อนกำหนดออกไปอีก) หากแต่ความไม่แน่นอนยังมีอยู่ จึงไม่ควรวางใจนัก หากเกิดการตัดลดงบประมาณโดยอัตโนมัติอาจส่งผลเชิงลบตามมา อีกทั้งยังมีความไม่แน่นอนของการเมืองในอิตาลี และยังน่าจับตาการขายของต่างชาติต่อไปใกล้ชิด โดยหาก SET ยืนเหนือ 1524 ไม่ได้ ก็มีสิทธิร่วงลงไปแถว 1500-1490 อีกรอบ
กลยุทธ์การลงทุนระยะสั้น: ถ้ายืนเหนือ 1524 ได้ ก็เลือกหุ้นเก็งกำไรต่อแต่หากยืนไม่อยู่ ให้ขยับพอร์ตกลับลงมาที่ 50% ก่อน แนวต้าน : 1524, 1527 แนวรับ : 1510, 1500
การจัดพอร์ตระยะสั้น* - หุ้น 75% : เงินสด 25%
ถือต่อในพอร์ต : INTUCH, SCB, CPF, TKT, NTV
บล.เคจีไอ (ประเทศไทย) ระบุว่า ดัชนีมีเด้ง แต่จะไปไม่ไกล ให้เน้นหุ้นเล็กต่อไป KGI มองดัชนีฯ วันพฤหัสฯ เปิดรีบาวด์ แต่จะย่อลงในที่สุด คล้ายเมื่อวานนี้ แรงผลักขึ้นเกิดจากตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่แข็งแกร่ง ทั้งภาคอสังหาฯ และภาคลงทุน รวมทั้งประธานเฟดย้ำในการแถลงวันที่ 2 ว่าจำเป็นต้องมี QE ต่อ รวมทั้งอิตาลีประมูลพันธบัตรได้รับผลตอบรับดี อย่างไรก็ตาม ต่างชาติไม่น่ากลับมาซื้อหุ้นไทยในช่วงสั้น เพราะภาพใหญ่มีความไม่แน่นอนเพิ่มขึ้นในเดือน มี.ค. เช่นผลของการลดรายจ่ายสหรัฐฯ ที่จะเริ่มในวันที่ 1 มี.ค. และปัญหาการเมืองอิตาลีที่ไม่คืบหน้า ด้านราคาหุ้นไทยขณะนี้ทำให้ต่างชาติไม่รีบเข้าซื้อ ส่วนกองทุนไทยคาดมีเม็ดเงินกองทุน Trigger บ้างแต่ไม่ชัดเจน กลยุทธ์: ไม่ตามหุ้นใหญ่แม้น่ามีรีบาวด์ได้พอควร ให้เน้นหุ้นเล็กกลุ่มก่อสร้าง ที่ดิน ท่องเที่ยว และสื่อสารวางระบบ ถือต่อข้ามเดือนใน STEC, ITD, MINT*, JAS* // ซื้อเก็งกำไร LH*, AP, LOXLEY
บล.ไทยพาณิชย์ระบุในบทวิเคราะห์ ดังนี้ ผันผวนต่อเนื่อง แรงขายหมุนเวียนในทุกกลุ่มนักลงทุน ซึ่งเมื่อวาน เป็นคิวของบัญชีบริษัทหลักทรัพย์ มียอดขายสุทธิออกมา 1 พันลบ. ขณะที่ต่างชาติขายเบาๆ ที่ 200 ลบ. แต่ยังวางใจมิได้ เนื่องจากยังสะสมสถานะ Short ต่อเนื่อง ทั้งนี้ แนวโน้มราคาของ SET แนวรับเป้าหมายต่อไปอยู่ที่ 1510 จุด และเราคาดว่า การพักฐานระยะสั้นชุดนี้จะไม่หลุดต่ำกว่า 1500 จุด กลยุทธ์การลงทุน หันมาเน้นหุ้นขนาดกลาง ที่มีปัจจัยโดดเด่นเฉพาะตัว หลีกหุ้นใหญ่ที่ได้รับผลกระทบจากภาวะตลาด ขณะที่หุ้นเก็งกำไร มีความเสี่ยงจากมาตรการภาครัฐจะขยายหุ้นใน Cash Balance เป็น 6 สัปดาห์ มีผลวันที่ 1 มี.ค. หุ้น Top Picks ได้แก่ SVI, SITHAI, MCOT