แอบพักสายตาแว็บนึ่ง
เมื่อวานเห็นเขาแจกออสการ์กันแล้ว ก็ถือโอกาสแจก เคนจิอวอร์ดบ้าง อิอิ
รางวัลนี้เลือกจากซีรีส์ที่ผมได้ดูในรอบปีที่ผ่านมา (ธ.ค. 54 - พ.ย. 55)
แล้วรู้สึกชอบมากๆ (ใช้ความรู้สึกส่วนตัวล้วนๆ อิอิ)
โดยไม่สนว่าที่ญี่ปุ่นฉายปีไหน (เพราะเพิ่งได้ดูอะ)
เรื่องที่ได้เกรด A สำหรับผม มีอยู่ 5 เรื่อง ให้เป็นนอมินีเลยแล้วกัน
(เพราะระดับ B+ มีอยู่เยอะ ขี้เกียจพิมพ์ อิอิ)
ทั้ง 5 เรื่อง เรียงตามลำดับเวลาที่ดู มีดังนี้
1. marumo no okite หนังแนวครอบครัว สนุกๆ เกี่ยวกับครอบครัวจำเป็นของมาโมรุ ที่ต้องรับเลี้ยงลูกชาย ลูกสาวของเพื่อนที่เพิ่งตายจากไป รวมทั้งได้เจ้าหมาพูดได้มาอยู่ด้วย เรื่องนี้ทั้งฮา ทั้งซาบซึ้ง ในตอนท้ายของแต่ละตอน มาโมรุ (หรือที่เด็กๆ เรียกว่ามารุโมะ) จะให้มานั่งล้อมวงกับเด็กๆ แล้วสรุปสิ่งที่ได้เรียนรู้ในตอนนั้น เป็นคำสัญญา และข้อตกลงในครอบครัวซึ่งทุกคนจะปฏิบัติตามนั้น สิ่งเหล่านี้เรียกว่า okite (คติ) และเขียนมันลงในสมุดบันทึกของครอบครัว ที่ชอบเรื่องนี้มากเพราะมันดูสนุก เด็กๆ น่ารัก น้องหมาก็น่ารัก ดูลงตัว (ไม่พูดมากจนน่ารำคาญ) อาหารของร้านคุณลุงก็ตกแต่งได้น่ารัก แถมยังได้ข้อคิดดีๆ ในแต่ละตอน ถือเป็นหนังแนวตลกที่ชวนน้ำตาเล็ดได้ ดูเสร็จแล้วสามารถตอบคำถามที่หนังถามไว้ว่าตั้งแต่ต้นได้เลยว่า คำว่าครอบครัวนั้นจำเป็นต้องมีสายเลือดเดียวกัน หรืออยู่ด้วยกันหรือเปล่า
[เรื่องนี้ฉายที่ทรูจบไปแล้ว]
2. nankyoku tairiku หนังผจญแอนตาร์กติกา ที่มีเค้าโครงมาจากเรื่องจริง (เคยสร้างเป็นหนังในอดีต และจัดว่าเป็นหนังญี่ปุ่นที่คนแสดงทำเงินสูงสุดตลอดกาลของญี่ปุ่น) ว่าด้วยการเดินทางไปสำรวจแอนตาร์กติกาครั้งแรกของญี่ปุ่นหลังสงคราม (ก่อนหน้านี้เคยไปแบบแย็บๆ ครั้งนึง) ที่ชอบคืองานสร้างดูอลังการ (แม้บางฉากดูเหมือนโมเดลพลาสติก อิอิ) การแสดงของนักแสดงนำจัดจ้านมาก โดยเฉพาะพี่ซากาอิ ที่รับบทฮิมุโระ คู่กัดของทาคุยะในเรื่อง ดูแล้วได้แรงบันดาลใจในการใช้ชีวิต (อย่างมีจุดหมายขึ้นมานิดนึง) เหมือนชาร์จแบตฯ ได้แรงฮึดขึ้นมาอีกเฮือกนึง เรื่องนี้มีจุดสำคัญคือเรื่องราวของน้องหมาในตอนท้ายเรื่อง ที่ทำให้หลายคนเลือกที่จะไม่ดูเรื่องนี้ แต่จริงๆ แล้วเรื่องนี้มีอะไรมากกว่านั้นเยอะ แค่ตอนแรกก็สามารถบอกถึงแนวหนังเรื่องนี้ได้แล้ว ใครที่ไม่ได้ดู แนะนำให้ดูตอนแรกก่อนแล้วค่อยตัดสินใจอีกทีก็ได้ อิอิ
[เรื่องนี้กำลังฉายที่ Thai pbs]
3. gegege no nyobo เรื่องนี้ออกฉายทาง NHK เมื่อปี 2010 เป็นละครตอนเช้าที่ได้รับความนิยมมาก เป็นเรื่องของอาจารย์ มิซูกิ ชิเงรุ (ชื่อจริงคือ มุราอิ ชิเงรุ) ผู้เขียนการ์ตูนเรื่อง อสูรน้อยคิทาโร่ ในมุมมองของภรรยา (สร้างจากหนังสือชื่อเดียวกันที่ภรรยาอาจารย์เป็นคนเขียน) หนังเล่าตั้งแต่เรื่องราวตอนนางเอก (ภรรยาอาจารย์) ยังเป็นเด็ก ที่โดนเพื่อนล้อ เพราะตัวสูงมาก ต่อมาโดนจับแต่งงานกับพระเอกนักเขียนการ์ตูนไส้แห้ง ที่มีแขนข้างเดียว (เสียแขนไปจากสงคราม) แล้วไปอยู่บ้านหลังเก่าๆ ที่โตเกียว อยู่กันอย่างอดอยากปากแห้ง เพราะพระเอกเป็นนักเขียนการ์ตูนเช่า (เขียนเพื่อขายให้ร้านเช่าหนังสือ) ในเวลานั้นเป็นยุคที่การ์ตูนแบบนิตยสารมาแรงมาก เลยทำให้คนเขียนการ์ตูนเช่ามีรายได้น้อยมาก บางรายโดนเบี้ยวค่าเรื่องก็มี อย่างตัวพระเอกเองก็โดนอยู่หลายครั้ง ทั้งคู่ต้องฝ่าฟันร่วมกันมา ผ่านเรื่องราวทั้งเศร้าและสุข จนมีลูก เลี้ยงลูกจนโต และแก่เฒ่าด้วยกัน ด้วยความที่เป็นหนังยาว จึงมีซับพล็อตเยอะมาก โดยเขาจะแบ่งเป็นสัปดาห์ สัปดาห์ละ 6 ตอน (ฉาย 6 วัน) ถือเป็น 1 ตอนใหญ่ เวลาดูผมก็จะดูทีเดียว 6 ตอน (มันดูต่อ 6 ตอนเองโดยอัตโนมัติ เพราะมันสนุกมาก) เหมือนได้ดูหนัง 1 เรื่อง พอขึ้นสัปดาห์ใหม่ก็ได้เห็นครอบครัวนี้มีความเปลี่ยนแปลงไปอีกระดับ เหมือนดูเรียลลิตี้ตามติดชีวิตนักเขียนการ์ตูน อิอิ ใครที่ชอบหนังเรื่อง always sunset on third street ก็แนะนำให้ดูเลยครับ เพราะมีฉากหลังแบบเดียวกัน หรือใครชอบแนวสงครามชีวิตโอชิน ก็น่าจะชอบครับ (แต่เรื่องนี้ไม่รันทดขนาดนั้น ออกแนวอบอุ่นน่ารัก ซึ้งใจ มากกว่า) โดยเฉพาะภรรยาที่เป็นแม่บ้านน่าจะชอบ ส่วนคุณสามีก็ควรจะดูจะได้รู้ว่าภรรยาของคุณมีความสำคัญขนาดไหน อิอิ
[เรื่องนี้กำลังฉายที่ทรู]
4. legal high หนังได้พระเอกตัวพ่ออย่างซากาอิ มาเรียกเสียงฮา (พี่แกเล่นได้ทุกแนวจริงๆ) รับบททนายฝีมือฉกาจหน้าเงินผู้ไม่เคยแพ้ใคร ประกบกับ งักกี้ ทนายมือใหม่ไฟแรงที่เต็มไปด้วยอุดมการณ์ เรื่องนี้เป็นการปะทะกันของแนวคิดเรื่องกฎหมาย กับคำถามที่ว่า "กฏหมาย = ความยุติธรรม จริงหรือ?" หรืออาจจะถามต่อไปอีกก็ได้ว่า "ความยุติธรรม คืออะไร?" ตีแผ่แง่มุมของกฎหมายในด้านต่างๆ ออกมาได้อย่างสนุก และมีกึ๋น เป็นหนังตลกเหลือล้นที่สาระล้นเหลือ นอกจาก 2 ตัวเอกแล้ว คุณพ่อบ้านมหัศจรรย์ก็สร้างสีสันไม่น้อยเลย อิอิ
[เรื่องนี้น่าจะอยู่ในโครงการ J Series Festival]
5. Fumo Chitai ซีรีส์ฉลองครบรอบ 50 ปีของฟูจิทีวี ที่ฉายที่ญี่ปุ่นเมื่อปี 2009 (ในอดีตเรื่องนี้ก็เคยมีการทำเป็นซีรีส์มาก่อน) มีเค้าโครงจากเรื่องจริงของอดีตเสนาธิการทหารที่โดยจับไปขังไว้ที่ไซบีเรียนาน 11 ปี แล้วได้กลับมาที่ญี่ปุ่นอีกครั้ง แต่แทนที่เขาจะกลับไปเป็นทหารกลับเข้าไปทำงานด้านธุรกิจแทน โดยถูกเชิญจากประธานบริษัทให้ไปช่วยงานด้วย หนังสะท้อนภาพของธุรกิจและการเมืองได้เห็นเป็นภาพชัดเจน มีการต่อสู้กันทั้งบนดินและใต้ดินอย่างดุเด็ดเผ็ดมัน สู้กันตั้งแต่เรื่องขายเครื่องบิน เรื่องเรือ รถยนต์ จนกระทั่งน้ำมัน ใครเป็นคอหนังแนวหักเหลี่ยมสไตล์ฮ่องกางก็น่าจะชอบเรื่องนี้เหมือนกัน หนังยาว 19 ตอน แต่ดูแป๊บเดียวก็จบ
[เรื่องนี้กำลังฉาย Thai pbs จบไปแล้ว]
หลังจากร่ายยาวครบ 5 เรื่อง (หลังๆ เริ่มขี้เกียจพิมพ์ อิอิ)
ก็ได้ถึงเวลาประกาศรางวัล
(ก่อนคลิกดู อย่าลืมทายเล่นๆ ว่าผมจะให้รางวัลเรื่องไหน)
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ผูัที่ได้รับรางวัลได้แก่เรื่อง..... Fumo Chitai ครับ
ผู้มอบรางวัลอุทานออกมาว่า "ทำไมเพิ่งมาดูเอาตอนนี้ พลาดไปได้ไง??"
แล้วคุณล่ะครับ ปีที่ผ่านมามีเรื่องใดบ้างที่โดน และจะมอบรางวัลให้เรื่องใด
แอบแว็บมาแจกรางวัลซีรีส์ที่ได้ดูปีที่แล้ว
เมื่อวานเห็นเขาแจกออสการ์กันแล้ว ก็ถือโอกาสแจก เคนจิอวอร์ดบ้าง อิอิ
รางวัลนี้เลือกจากซีรีส์ที่ผมได้ดูในรอบปีที่ผ่านมา (ธ.ค. 54 - พ.ย. 55)
แล้วรู้สึกชอบมากๆ (ใช้ความรู้สึกส่วนตัวล้วนๆ อิอิ)
โดยไม่สนว่าที่ญี่ปุ่นฉายปีไหน (เพราะเพิ่งได้ดูอะ)
เรื่องที่ได้เกรด A สำหรับผม มีอยู่ 5 เรื่อง ให้เป็นนอมินีเลยแล้วกัน
(เพราะระดับ B+ มีอยู่เยอะ ขี้เกียจพิมพ์ อิอิ)
ทั้ง 5 เรื่อง เรียงตามลำดับเวลาที่ดู มีดังนี้
1. marumo no okite หนังแนวครอบครัว สนุกๆ เกี่ยวกับครอบครัวจำเป็นของมาโมรุ ที่ต้องรับเลี้ยงลูกชาย ลูกสาวของเพื่อนที่เพิ่งตายจากไป รวมทั้งได้เจ้าหมาพูดได้มาอยู่ด้วย เรื่องนี้ทั้งฮา ทั้งซาบซึ้ง ในตอนท้ายของแต่ละตอน มาโมรุ (หรือที่เด็กๆ เรียกว่ามารุโมะ) จะให้มานั่งล้อมวงกับเด็กๆ แล้วสรุปสิ่งที่ได้เรียนรู้ในตอนนั้น เป็นคำสัญญา และข้อตกลงในครอบครัวซึ่งทุกคนจะปฏิบัติตามนั้น สิ่งเหล่านี้เรียกว่า okite (คติ) และเขียนมันลงในสมุดบันทึกของครอบครัว ที่ชอบเรื่องนี้มากเพราะมันดูสนุก เด็กๆ น่ารัก น้องหมาก็น่ารัก ดูลงตัว (ไม่พูดมากจนน่ารำคาญ) อาหารของร้านคุณลุงก็ตกแต่งได้น่ารัก แถมยังได้ข้อคิดดีๆ ในแต่ละตอน ถือเป็นหนังแนวตลกที่ชวนน้ำตาเล็ดได้ ดูเสร็จแล้วสามารถตอบคำถามที่หนังถามไว้ว่าตั้งแต่ต้นได้เลยว่า คำว่าครอบครัวนั้นจำเป็นต้องมีสายเลือดเดียวกัน หรืออยู่ด้วยกันหรือเปล่า
[เรื่องนี้ฉายที่ทรูจบไปแล้ว]
2. nankyoku tairiku หนังผจญแอนตาร์กติกา ที่มีเค้าโครงมาจากเรื่องจริง (เคยสร้างเป็นหนังในอดีต และจัดว่าเป็นหนังญี่ปุ่นที่คนแสดงทำเงินสูงสุดตลอดกาลของญี่ปุ่น) ว่าด้วยการเดินทางไปสำรวจแอนตาร์กติกาครั้งแรกของญี่ปุ่นหลังสงคราม (ก่อนหน้านี้เคยไปแบบแย็บๆ ครั้งนึง) ที่ชอบคืองานสร้างดูอลังการ (แม้บางฉากดูเหมือนโมเดลพลาสติก อิอิ) การแสดงของนักแสดงนำจัดจ้านมาก โดยเฉพาะพี่ซากาอิ ที่รับบทฮิมุโระ คู่กัดของทาคุยะในเรื่อง ดูแล้วได้แรงบันดาลใจในการใช้ชีวิต (อย่างมีจุดหมายขึ้นมานิดนึง) เหมือนชาร์จแบตฯ ได้แรงฮึดขึ้นมาอีกเฮือกนึง เรื่องนี้มีจุดสำคัญคือเรื่องราวของน้องหมาในตอนท้ายเรื่อง ที่ทำให้หลายคนเลือกที่จะไม่ดูเรื่องนี้ แต่จริงๆ แล้วเรื่องนี้มีอะไรมากกว่านั้นเยอะ แค่ตอนแรกก็สามารถบอกถึงแนวหนังเรื่องนี้ได้แล้ว ใครที่ไม่ได้ดู แนะนำให้ดูตอนแรกก่อนแล้วค่อยตัดสินใจอีกทีก็ได้ อิอิ
[เรื่องนี้กำลังฉายที่ Thai pbs]
3. gegege no nyobo เรื่องนี้ออกฉายทาง NHK เมื่อปี 2010 เป็นละครตอนเช้าที่ได้รับความนิยมมาก เป็นเรื่องของอาจารย์ มิซูกิ ชิเงรุ (ชื่อจริงคือ มุราอิ ชิเงรุ) ผู้เขียนการ์ตูนเรื่อง อสูรน้อยคิทาโร่ ในมุมมองของภรรยา (สร้างจากหนังสือชื่อเดียวกันที่ภรรยาอาจารย์เป็นคนเขียน) หนังเล่าตั้งแต่เรื่องราวตอนนางเอก (ภรรยาอาจารย์) ยังเป็นเด็ก ที่โดนเพื่อนล้อ เพราะตัวสูงมาก ต่อมาโดนจับแต่งงานกับพระเอกนักเขียนการ์ตูนไส้แห้ง ที่มีแขนข้างเดียว (เสียแขนไปจากสงคราม) แล้วไปอยู่บ้านหลังเก่าๆ ที่โตเกียว อยู่กันอย่างอดอยากปากแห้ง เพราะพระเอกเป็นนักเขียนการ์ตูนเช่า (เขียนเพื่อขายให้ร้านเช่าหนังสือ) ในเวลานั้นเป็นยุคที่การ์ตูนแบบนิตยสารมาแรงมาก เลยทำให้คนเขียนการ์ตูนเช่ามีรายได้น้อยมาก บางรายโดนเบี้ยวค่าเรื่องก็มี อย่างตัวพระเอกเองก็โดนอยู่หลายครั้ง ทั้งคู่ต้องฝ่าฟันร่วมกันมา ผ่านเรื่องราวทั้งเศร้าและสุข จนมีลูก เลี้ยงลูกจนโต และแก่เฒ่าด้วยกัน ด้วยความที่เป็นหนังยาว จึงมีซับพล็อตเยอะมาก โดยเขาจะแบ่งเป็นสัปดาห์ สัปดาห์ละ 6 ตอน (ฉาย 6 วัน) ถือเป็น 1 ตอนใหญ่ เวลาดูผมก็จะดูทีเดียว 6 ตอน (มันดูต่อ 6 ตอนเองโดยอัตโนมัติ เพราะมันสนุกมาก) เหมือนได้ดูหนัง 1 เรื่อง พอขึ้นสัปดาห์ใหม่ก็ได้เห็นครอบครัวนี้มีความเปลี่ยนแปลงไปอีกระดับ เหมือนดูเรียลลิตี้ตามติดชีวิตนักเขียนการ์ตูน อิอิ ใครที่ชอบหนังเรื่อง always sunset on third street ก็แนะนำให้ดูเลยครับ เพราะมีฉากหลังแบบเดียวกัน หรือใครชอบแนวสงครามชีวิตโอชิน ก็น่าจะชอบครับ (แต่เรื่องนี้ไม่รันทดขนาดนั้น ออกแนวอบอุ่นน่ารัก ซึ้งใจ มากกว่า) โดยเฉพาะภรรยาที่เป็นแม่บ้านน่าจะชอบ ส่วนคุณสามีก็ควรจะดูจะได้รู้ว่าภรรยาของคุณมีความสำคัญขนาดไหน อิอิ
[เรื่องนี้กำลังฉายที่ทรู]
4. legal high หนังได้พระเอกตัวพ่ออย่างซากาอิ มาเรียกเสียงฮา (พี่แกเล่นได้ทุกแนวจริงๆ) รับบททนายฝีมือฉกาจหน้าเงินผู้ไม่เคยแพ้ใคร ประกบกับ งักกี้ ทนายมือใหม่ไฟแรงที่เต็มไปด้วยอุดมการณ์ เรื่องนี้เป็นการปะทะกันของแนวคิดเรื่องกฎหมาย กับคำถามที่ว่า "กฏหมาย = ความยุติธรรม จริงหรือ?" หรืออาจจะถามต่อไปอีกก็ได้ว่า "ความยุติธรรม คืออะไร?" ตีแผ่แง่มุมของกฎหมายในด้านต่างๆ ออกมาได้อย่างสนุก และมีกึ๋น เป็นหนังตลกเหลือล้นที่สาระล้นเหลือ นอกจาก 2 ตัวเอกแล้ว คุณพ่อบ้านมหัศจรรย์ก็สร้างสีสันไม่น้อยเลย อิอิ
[เรื่องนี้น่าจะอยู่ในโครงการ J Series Festival]
5. Fumo Chitai ซีรีส์ฉลองครบรอบ 50 ปีของฟูจิทีวี ที่ฉายที่ญี่ปุ่นเมื่อปี 2009 (ในอดีตเรื่องนี้ก็เคยมีการทำเป็นซีรีส์มาก่อน) มีเค้าโครงจากเรื่องจริงของอดีตเสนาธิการทหารที่โดยจับไปขังไว้ที่ไซบีเรียนาน 11 ปี แล้วได้กลับมาที่ญี่ปุ่นอีกครั้ง แต่แทนที่เขาจะกลับไปเป็นทหารกลับเข้าไปทำงานด้านธุรกิจแทน โดยถูกเชิญจากประธานบริษัทให้ไปช่วยงานด้วย หนังสะท้อนภาพของธุรกิจและการเมืองได้เห็นเป็นภาพชัดเจน มีการต่อสู้กันทั้งบนดินและใต้ดินอย่างดุเด็ดเผ็ดมัน สู้กันตั้งแต่เรื่องขายเครื่องบิน เรื่องเรือ รถยนต์ จนกระทั่งน้ำมัน ใครเป็นคอหนังแนวหักเหลี่ยมสไตล์ฮ่องกางก็น่าจะชอบเรื่องนี้เหมือนกัน หนังยาว 19 ตอน แต่ดูแป๊บเดียวก็จบ
[เรื่องนี้กำลังฉาย Thai pbs จบไปแล้ว]
หลังจากร่ายยาวครบ 5 เรื่อง (หลังๆ เริ่มขี้เกียจพิมพ์ อิอิ)
ก็ได้ถึงเวลาประกาศรางวัล
(ก่อนคลิกดู อย่าลืมทายเล่นๆ ว่าผมจะให้รางวัลเรื่องไหน)
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
แล้วคุณล่ะครับ ปีที่ผ่านมามีเรื่องใดบ้างที่โดน และจะมอบรางวัลให้เรื่องใด