จอมเวทไร้พลัง ตอนจบ

กระทู้สนทนา
อิกริดรู้ได้ทันทีว่านี่คือสิ่งสุดท้ายที่เวเบอร์ได้ทำก่อนรวมตัวกับเขา เวเบอร์เปิดประตูมิติปิศาจเรียกเหล่าปิศาจจำนวนมหาศาลออกมาเพื่อทำลายล้างมนุษย์

      ทั้งแอนนาและลาเวนเดอร์มองหน้ากันเพื่อขอความเห็น กระทั่งมีเงาดำจำนวนหนึ่งบินผ่านหัวพวกเขาไปพร้อมส่งกลิ่นเหม็นเหมือนศพตายซาก

      หากเป็นนิยายอิกริดคงจะพวกนั้นด้วยคำพูดที่ฟังดูดีอย่างเช่น ความตายแสนล้าน หรือ หายนะของมนุษย์ แต่นี่ไม่ใช่เวลานั้น เขาหลับตาพยายามค้นในความทรงจำของเวเบอร์ อะไรสักอย่างที่ทำให้เขากำจัดปิศาจทั้งหมดนั่นได้โดยไม่ต้องเสียเวลามาฆ่าที ละตัว

      อิกริดลืมตา ในที่สุดเขาก็นึกหาทางจนได้

      “ทำอะไรสักอย่างสิอิกริด ไกลขนาดนี้ยังเห็นเลยว่ามากันมากขนาดไหน” ลาเวนเดอร์ร้อง

      แอนนาเริ่มโบกมือเป็นสัญลักษณ์ทางเวทมนตร์ อิกริดซึ่งมีความรู้ของเวเบอร์มองออกว่านางกำลังจะใช้เวทมนตร์แสงขนาดใหญ่ ดูจากสีหน้าแล้วนางคงเค้นกำลังออกมาใช้ให้ถึงขึดสุด

      ทว่าอิกริดว่องไวกว่า เขายกมือเหนือหัว ท้องฟ้าคำรามแล้วฉีกกระชากตัวเองเป็นช่องว่างขนาดใหญ่บนฟากฟ้า มันมองไม่ออกเมื่ออยู่ท่ามกลางความมืดและแสงดาวยามราตรี อย่างน้อยเขาก็รู้สึกได้ว่ามันถูกสร้างขึ้น

      สิ่งที่เขาต้องทำ คือยัดเหล่าเมฆหมอกสีดำที่กำลังกระจายตัวอยู่ทั่วท้องฟ้าเข้าไปในรอยแยกที่ สร้างขึ้น อิกริดรวบรวมสมาธิแล้วเอ่ยคำ

      ระหว่างนั้นเบื้องหน้าของแอนนาก็เกิดแผ่นแก้วขนาดใหญ่ขึ้น มันคือตัวกระจายพลังงานลำแสง ยิ่งแผ่นใหญ่ก็ยิ่งแสดงให้เห็นว่าเวทมนตร์แสงที่จะใช้ยิ่งทรงอนุภาพ ขนาดที่นางสร้างขึ้นวัดกว้างยาวราวสามวาได้ อิกริดรู้จากความทรงจำของตัวเอง มันใหญ่กว่าขนาดที่นางเคยเสกขึ้นถึงสามเท่าตัว

      รอยแยกบนแผ่นฟ้าเริ่มสร้างแรงดูด แผ่นแก้วก็เรืองแสง นางกำลังบรรจุพลังเพื่อปล่อยเวทแสง

      กลุ่มดำราวกับเถ้าที่พ่นขึ้นจากปล่องภูเขาไฟรวมตัวเป็นกลุ่มก้อน หนาแน่นกว่าระรอกแรก ส่วนหนึ่งกำลังลังเลว่าจะไปทางใด อีกส่วนพุ่งไปทุกทิศทางเป็นระลอกคลื่นสีดำ

      รีบจัดการดีกว่านะ คำสั่งของข้าที่มีต่อพวกมันคือ เมื่อออกมาให้ทำลายทุกชีวิตที่พบเห็นยกเว้นพวกเดียวกันและข้า

      เวเบอร์ส่งคำแนะนำมาให้ ให้เดาอิกริดคงเดาว่าอีกฝ่ายคงกำลังยิ้มอย่างสนุกสนาน คอยดูว่าเขาจะจัดการเรื่องนี้อย่างไร

      แสงสีต่างๆพวยพุ่งออกมาจากกลุ่มสีดำเหมือนสายฟ้าฟาด พวกปิศาจบางส่วนพบเป้าหมายแล้ว มันคงเจอหมู่บ้านสักแห่งใกล้ๆ ด้วยความอิจฉาที่กัดกร่อนหัวใจของอิกริดอยู่ทำให้เขาไม่ค่อยเต็มใจช่วยเหลือ มีความสุขกับนักก็ช่วยตัวเองไปก็แล้วกัน

      แต่ไม่มีทางทำแบบนั้นได้ เขาออกคำสั่งเปิดมิติแห่งการหลับใหลให้มันดูดพวกปิศาจไปแล้ว สั่งหยุดไม่ได้จนกว่าจะจบการทำงาน

      แผ่นแก้วพร้อมปล่อยแสงแล้ว แสงสีไข่มุกส่องสว่างมากขึ้นเรื่อยๆ ทว่าสิ่งผิดปกติก็เกิดขึ้น แผ่นแก้วบางใสเกิดรอยร้าวขึ้นบนขอบ แอนนาขมวดคิ้วแน่นขึ้นไปอีก และรอยร้าวก็ขยายตัวให้เห็นรอยดับของแสงในจุดที่แตกร้าว ซึ่งใหญ่ขึ้นทุกครั้งที่นางบังคับให้รอยร้าวผสานกัน

      “ปล่อยไปเลยแอนนา ได้สักครึ่งของที่ตั้งเป้าไว้ก็วิเศษแล้ว” อิกริดอดเยาะเย้ยไม่ได้ เขาก็ขยับตัวไม่ได้เช่นกัน

      แรงดึงดูดจากปากมิติแห่งการหลับใหลหรือรอยแยกบนท้องฟ้าดึงพลังของ เขาไปมากมายกว่าที่คิด หากเขายับยั้งมันก็จะดูดพลังกายไปใช้ซึ่งส่งผลกระทบกับตัวเขาโดยตรง

      ชั่วเวลาที่ทั้งคู่ขยับตัวไม่ได้นั้น มีก้อนกระแสพลังงานหลงเข้ามาจากทางขวาห่างไกล แม้จะไกลแต่ถ้าพวกเขาหลบไม่ได้ก็ไม่ช่วยอะไรสักนิด อิกริดหลับตารอรับชะตากรรม ในใจแอบหวังให้เวเบอร์ออกมาช่วยสักนิดหนึ่ง

      เกิดระเบิดสนั่นหวั่นไหวทางทิศที่ลูกหลงบินเข้ามา อิกริดลืมตามองอีกครั้ง แท่งดินขนาดขาอ่อนงอกขึ้นมากันพวกเขาเอาไว้

      ผู้กล้าลาเวนเดอร์กับดาบธาตุยื่นมือเข้ามาช่วยในนาทีฉุกเฉิน

      “ข้าไม่มีทางปล่อยให้สุดที่รักบาดเจ็บอยู่แล้ว” นางโผเข้าเกาะแขนของอิกริดอย่างรักใคร่

      ตกลงท่านพอลไลน์ทำอะไรกับนางไว้กันแน่ อิกริดอดคิดอย่างนี้ไม่ได้เสียที

      “ออก...ไป เดี๋ยวนี้!” อิกริดกัดฟันพูด

      เขามาถึงจุดยากแล้ว พลังที่ถูกดึงออกจากร่างไหลแรงขึ้นเหมือนถูกดึงเข้าไปสู่พายุหมุนขนาดยักษ์ หากเขาปล่อยตามกระแสมากเกินไปจะเกิดอาการขาดพลังงานถึงกับตายได้ แต่หากขัดขืนเขาก็ต้องชดใช้กับคำสั่งที่เอ่ยไปแล้ว ด้วยการสังเวยเลือดเนื้อและชีวิตแทนพลังของตน

      การเปิดมิติของอิกริดมีอยู่สามขั้น ขั้นแรกคือเปิดซึ่งเขาทำสำเร็จไปแล้วและกำลังเริ่มขั้นที่สองคือ ดูด! พลังของเขาจะถูกดึงไปใช้ให้เท่าเทียมกับคำสั่งที่ส่งไปไม่มากไม่น้อยไปกว่า นั้นขึ้นอยู่กับว่าต้องการทำอะไร ในตอนนี้เขาต้องการดูดเหล่าปิศาจเข้าไปข้างในให้หมด

      คงไม่เกินความสามารถของเวเบอร์หรอกนะ หนังสือเก่าๆในชั่วโมงเรียนตามมาหลอกหลอนอีกครั้ง มีคนจำนวนนับไม่ถ้วนที่ใช้เวทมนตร์ทำสิ่งที่เกินความสามารถ บางครั้งมันไม่จบแค่ความล้มเหลวของการใช้เวทมนตร์ มีหลายคนถึงกับเสียตัวตนหรือวิญญาณไปเลยด้วยซ้ำ แต่กรณีหลังพบน้อยมาก จะมีก็พวกที่ทะเยอทะยานเกินไป หรือใช้เวทมนตร์ต้องห้ามเท่านั้น

      ทันใดนั้นเขาก็รู้ว่าทำได้สำเร็จแล้ว อากาศรอบด้านถูกเจือจางลงแทบหายใจไม่ได้ สายลมกระพือรอบทิศราวกับต้องการปรับสภาพโดยรวม แรงดึงทั่วร่างของอิกริดผ่อนคลายลง

      ที่ไม่ยอมผ่อนคลายคือแขนซ้ายที่ผู้กล้าหญิงเกาะเอาไว้แน่นเหมือนตุ๊กแกเกาะกระจก

      “ว้าย!” แผ่นแก้วตรงหน้าแอนนาแตกออก พลังเวทไหลทะลักผลักร่างของนางไปกองอยู่ด้านหลัง นี่คือกรณีหนึ่งที่ใช้เวทมนตร์ทำสิ่งเกินตัว อย่างน้อยมันมันก็ทำอันตรายนางไม่ได้มากกว่านั้น

      ราวกับเกิดน้ำวนบนท้องฟ้า กลุ่มปิศาจสีดำที่กระจายตัวเหมือนคลื่นในทะเลถูกดูดเข้าไปในกลางรอยแรกที่ อิกริดสร้างขึ้น กลุ่มแล้วกลุ่มเล่าถูกดูดเข้าไปอย่างต่อเนื่อง สายยาวของปิศาจที่ไหลหลั่งขึ้นจากกลางหุบเขาก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะหมดเช่นกัน ทว่าสุดท้ายมันจะจบสิ้น อิกริดมั่นใจ

      ปัญหาของเขาในตอนนี้คือผู้กล้าหญิงที่ไม่ยอมปล่อยแขนเขาสักที ไม่ว่าจะงัดแงะหรือดึงอย่างไรก็ไม่หลุด

      “ลืมแล้วหรือ ที่ท่านกอดข้าเอาไว้ตอนนั้น ท่านดีกับข้ามาก แล้วคืนนั้นเราก็...”

      “กอดหรือ!” อิกริดยกเสียงได้สูงจนตัวเขาแปลกใจ “ข้าจะไปกอดเจ้าด้วยเหตุใดกัน ปล่อยได้แล้ว!”

      เขาต้องใช้ความพยายามอย่างมากในการอ้อนวอนแกมบังคับให้นางปล่อยวงรัดที่ไม่ต่างกับหนวดปลาหมึกมากนัก

      “นางพูดความจริงนะอิง หลังจากเกิดเหตุการณ์ที่ตัวเจ้าไปกอดนางแล้ว คืนนั้นพวกเจ้าสองคน...” แอนนาซึ่งลุกขึ้นอย่างเหนื่อยหอบเสริมอย่างชาเย็น

      “พอแล้วแอนนา ขอบคุณ” อิกริดตัดบท เขาไม่อยากรู้แล้วว่าเกิดอะไรขึ้นหลังจากนั้น

      คงต้องใช้เวลาอีกพักใหญ่กว่าทุกสิ่งจะจบสิ้น ระหว่างนั้นอิกริดอธิบายกับแอนนาว่าเขาออกคำสั่งอย่างไรจึงสามารถเปิดมิติ ขึ้นได้ แล้วมันสามารถทำอะไรได้บ้าง

      “ปิศาจพวกนี้จะถูกฝังอยู่ในมิติแห่งการหลับใหลของข้า จนกว่าจะถูกปลุกขึ้นมาอีกครั้ง”

      “แล้วปากทางจะปิดลงโดยอัตโนมัติ เจ้าไม่ต้องคอยเฝ้าหรอก”

      ผู้พูดยืนอยู่ด้านหลังของพวกเขา นางมากับชายในเสื้อคลุมปกปิดหน้าตามิดชิด ด้านหลังทั้งสองคือประตูขนาดใหญ่สูงสักสองช่วงตัวคน เป็นประตูบานคู่สีเงินบริสุทธิ์ส่องแสงขาวนวลเหมือนดวงจันทร์

      “ท่านพี่เฟเรซิส!” อิกริดร้องด้วยความดีใจ เขารู้ว่ามันหมายความว่าอย่างไร เขาผ่านอุปสรรคของผู้ถูกเลือกได้แล้ว

      “เจ้าผ่านขั้นแรกแล้วเจ้าหนู ไม่คิดว่าเจ้าจะเลือกเป็นน้องชายของข้า เหนือความคาดหมายจริงๆ”

      เทพีเฟเรซิสสะบัดปีกเบาๆไปทางชายในผ้าคลุม เขาคนนั้นกำลังยิ้มด้วยความยินดี

      “ยั้งปีกเอาไว้ก่อนเฟเรซิส” ชายในผ้าคลุมทำให้อิกริดชะงัก เขายังขาดอะไรไปอีกหรือ เขาน่าจะเข้าสู่เส้นทางแห่งความสุขได้แล้วนี่นา “ข้าต้องการความเห็นของเจ้าด้วยเวเบอร์ เจ้าจะให้เขาคนนี้ ผู้ถูกเลือกคนที่สองผ่านหรือไม่”


      พลันบังเกิดเส้นสายหลากสีขึ้นระหว่างอิกริดกับชายคนนั้น อิกริดพยายามอ่านกลับหลังจนได้ความว่า

(มีต่อ)
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่