เหตุใด สุกำพล รมว.กลาโหม ถึงยอมนัดทานข้าวกับ เตีย บันห์ ที่เขาพระวิหาร ครับ

กระทู้สนทนา
ขอเปลียนสถานที่ไป โรงแรมสุรินทร์มาเจสติก จ.สุรินทร์
http://tnews.teenee.com/politic/91926.html

สุดท้ายก็กลับคำนัดทานข้าวที่เขาพระวิหารเช่นเดิม
http://www.1009news.in.th/2013/02/25/%E0%B8%AA%E0%B8%B8%E0%B8%81%E0%B8%B3%E0%B8%9E%E0%B8%A5-%E0%B8%A5%E0%B8%B1%E0%B9%88%E0%B8%99%E0%B8%A2%E0%B8%B1%E0%B8%87%E0%B9%80%E0%B8%AB%E0%B8%A1%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B8%99%E0%B9%80%E0%B8%94%E0%B8%B4/

กรณีนี้เจ้าของสถานที่ต้องเชิญแขกไปทานข้าวมิใช่หรือครับ
ถ้าบ้านเป็นของกัมพูชา แต่ที่ดินเป็นของไทย
เจ้าของสถานที่ควรเป็นไทยหรือกัมพูชาครับ

ในอดีตเคยมีเรื่องกรณีนี้เกิดขึ้นเช่นกัน
http://haab.catholic.or.th/history/suwanapoom01/suwannapoom44.html


ในพ.ศ. 2472 สมเด็จฯ กรมพระยาดำรงราชานุภาพได้เสด็จ “ตรวจโบราณวัตถุสถาน” อย่างไม่เป็นทางการที่มณฑลนครราชสีมา และเสด็จ เลยไปถึงปราสาทพระวิหาร โดยทางฝรั่งเศสส่งเรสิดังต์เมืองกำปงธม มาถวายการต้อนรับและในฐานะที่ทรงเป็นสมาชิกของวิทยาลัยฝรั่งเศส แห่งปลายบูรพทิศ จึงได้ส่งนักโบราณคดีเรืองนามคือ นายอังรี ปาร์มังติเอร์ มาถวายคำอธิบายด้วย

สมเด็จฯ เสด็จยืนรับการถวายการต้อนรับ และคงจะทอดพระเนตรเห็นธงฝรั่งเศสซึ่งชักขึ้นเหนือเสาบนปราสาทอย่างชัดเจน     นอกจากทาง  “ตรวจ” โบราณวัตถุสถานบนปราสาทพระวิหารแล้วยังได้เสด็จประทับค้างแรมข้างบนนั้นอีกหนึ่งคืนด้วยรับการรองของฝรั่งเศสอย่างสมเกียรติ

ทั้งนี้ก็เพราะสมเด็จฯ  ไม่ได้ทรงแปลกพระทัยหรือผิดคาดแต่อย่างใด  เพราะทรงทราบอยู่แล้วว่าปราสาทพระวิหารอยู่ในเขตปกครองของ อินโดจีนฝรั่งเศส ตามสนธิสัญญาซึ่งสยามและฝรั่งเศสทำขึ้นใน พ.ศ. 2447 ซึ่งถูกกำหนดรายละเอียดด้วยแผนที่แนบท้าย ซึ่งสยามและฝรั่งเศสร่วมกันทำ (ตามความในสนธิสัญญา ม. 3) และสยามได้ให้คำรับรองทั้งในทางปฏิบัติและอย่างเป็นทางการใน พ.ศ. 2450
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่