ปฐมบทเริ่มแรก เริ่มจากบิ๊กแบง
ไปสร้างดาวฤกษ์ ดาวเคราะห์ และโลก
โลกวิวัฒนาการจนเย็นตัวลง กลายเป็นดาวเคราะห์เดียวที่สิ่งมีชีวิตอยู่ได้
มีสัตว์เซลล์เดียว ไปสร้างโครงข่ายเซลล์ เครือข่ายอวัยวะ และสถาปนาเป็นสิ่งมีชีวิตขนาดใหญ่ขึ้น แบบต่างๆ
ชีวิต คือ การย่อส่วนวิวัฒนาการของจักรวาล และดาวโลก
ชีวิตมนุษย์ คือ โลกย่อส่วนที่มีอิสระ สามารถเคลื่อนไหวไปโน่นนี่ได้
บนสภาวะที่ยังต้องพึ่งพิงอิงธรรมชาติโดยจำเป็น ผ่าน ดูดซับพลังงานจากสิ่งแวดล้อมด้วย การหายใจและการกิน
เมื่อแรกเกิด จิตและร่างกายรวมเป็นหนึ่งเดียว เป็น สัญชาตญาณ
ระหว่างเติบโต เกิดกระบวนการเรียนรู้ จนไปสร้างภาวะ จิตเป็นนายกายเป็นบ่าวขึ้น
ยิ่งเติบโต คนเราจะพบว่า การควบคุมตนเองได้เป็นตัวบ่งบอกวุฒิภาวะ หรือ อิสรภาพแห่งตัวตนยิ่งขึ้น
สำหรับช่วงวัยรุ่น คุณจะพบได้ว่า นอกจากเพื่อนจะมีอิทธิพลต่อการตัดสินใจใดๆ บางครั้งมากกว่าครอบครัวเสียอีก
แต่พลังทางเพศ ก็ส่งผลผลักดันพฤติกรรมเป็นอย่างยิ่ง พวกเขาจะต้องเรียนรู้ที่จะควบคุมมัน หรือตามใจมัน
ซึ่งบ่อยครั้ง พวกเขาก็ไม่เข้าใจตนเอง หรือขัดแย้งตนเอง วัยรุ่นจึงเป็นวัยของการแสวงหาตนเอง และค้นหาความหมายชีวิต
เมื่อเป็นผู้ใหญ่มากขึ้น คุณจะพบว่า จิตคือผู้บงการร่างกาย และร่างกายคือ ฐานปฏิบัติการชีวิต
จิตอาจไม่มีอยู่จริง ถ้าปราศจากร่างกาย
ร่างกายจะไร้ความหมาย ถ้าไม่มีจิตคอยรับรู้และสั่งการ หรือแสดงออกเป็นเจตจำนง
เราจะรู้ความจริง ไม่ใช่แค่คิด แต่จะต้องยืนพื้นบนประสบการณ์มาก่อน
ชีวิตโดยตัวมันเอง มีทั้งสุขและทุกข์ แต่ธรรมชาติของชีวิตคือ เข้าหาสุขหลีกเลี่ยงทุกข์
ไม่มีสุขใดโดยไร้ร่างกายรองรับ ไม่มีทุกข์ใดโดยไร้จิตไปให้ความหมาย
ความสัมพันธ์ระหว่างร่างกายกับจิต เป็นสิ่งเรียบง่าย และบ่อยครั้งก็ซับซ้อน
ง่ายเพราะ โดยพื้นฐานความเป็นร่างกาย
ซับซ้อนเพราะ ความยุ่งยากและซับซ้อนของจิตเอง บนการไปยึดโยงกับโลกภายนอก กับ มนุษย์คนอื่น
เพราะ ทันทีที่อยู่ร่วมกัน มนุษย์จะใส่ความซับซ้อนเชิงอำนาจระหว่างกัน
ปฐมอำนาจ ได้แก่ ความเป็นมิตรหรือศัตรู จากนั้นเมื่อไว้วางใจกันได้แล้ว
ก็จักเผชิญการแข่งขันโดยเปรียบเทียบความมี หรือ การแลกเปลี่ยนผลประโยชน์ การโอ้อวดก็เป็นรูปแบบอำนาจของการมี
ความอิจฉาบ่งบอกถึงความด้อยกว่าที่ไม่ยอมรับความจริง และความรักอาจบ่งบอกถึงการพยายามครอบครองเป็นเจ้าของ
หรือ ท่าทีพร้อมจะให้ประโยชน์ โดยไม่บงการ ครอบงำ...
ดังนั้น มีแต่มนุษย์ด้วยกันนั่นแหละ ที่เป็นสาเหตุหลัก ของสุขและทุกข์
เนื่องด้วย ธรรมชาติที่ย้อนแย้งในตัวเองของมนุษย์ ที่เป็น สัตว์สังคม
เพราะ เราต้องการคนอื่น เพื่อสะท้อนความมีอยู่ของตัวเอง
แง่นี้ ภาษา จึงเป็นปฐมเหตุของ ภาวะคนอื่น
ในขณะที่สำหรับ ซาร์ตแล้ว(ในบริบทสังคม) เขาพูดว่า นรกคือ คนอื่น
นั่นอาจหมายความว่า การมีคนอื่น คือ สาเหตุฐานที่ทำให้คนๆหนึงทำบาป
เพราะ ถ้าไม่มีคนอื่น การละเมิดกฏหรือศีลธรรม ก็ไม่มี
จบแบบไม่สรุปนะครับ
วันศุกร์สุข ครับ..
ชีวิต ร่างกายและจิต
ไปสร้างดาวฤกษ์ ดาวเคราะห์ และโลก
โลกวิวัฒนาการจนเย็นตัวลง กลายเป็นดาวเคราะห์เดียวที่สิ่งมีชีวิตอยู่ได้
มีสัตว์เซลล์เดียว ไปสร้างโครงข่ายเซลล์ เครือข่ายอวัยวะ และสถาปนาเป็นสิ่งมีชีวิตขนาดใหญ่ขึ้น แบบต่างๆ
ชีวิต คือ การย่อส่วนวิวัฒนาการของจักรวาล และดาวโลก
ชีวิตมนุษย์ คือ โลกย่อส่วนที่มีอิสระ สามารถเคลื่อนไหวไปโน่นนี่ได้
บนสภาวะที่ยังต้องพึ่งพิงอิงธรรมชาติโดยจำเป็น ผ่าน ดูดซับพลังงานจากสิ่งแวดล้อมด้วย การหายใจและการกิน
เมื่อแรกเกิด จิตและร่างกายรวมเป็นหนึ่งเดียว เป็น สัญชาตญาณ
ระหว่างเติบโต เกิดกระบวนการเรียนรู้ จนไปสร้างภาวะ จิตเป็นนายกายเป็นบ่าวขึ้น
ยิ่งเติบโต คนเราจะพบว่า การควบคุมตนเองได้เป็นตัวบ่งบอกวุฒิภาวะ หรือ อิสรภาพแห่งตัวตนยิ่งขึ้น
สำหรับช่วงวัยรุ่น คุณจะพบได้ว่า นอกจากเพื่อนจะมีอิทธิพลต่อการตัดสินใจใดๆ บางครั้งมากกว่าครอบครัวเสียอีก
แต่พลังทางเพศ ก็ส่งผลผลักดันพฤติกรรมเป็นอย่างยิ่ง พวกเขาจะต้องเรียนรู้ที่จะควบคุมมัน หรือตามใจมัน
ซึ่งบ่อยครั้ง พวกเขาก็ไม่เข้าใจตนเอง หรือขัดแย้งตนเอง วัยรุ่นจึงเป็นวัยของการแสวงหาตนเอง และค้นหาความหมายชีวิต
เมื่อเป็นผู้ใหญ่มากขึ้น คุณจะพบว่า จิตคือผู้บงการร่างกาย และร่างกายคือ ฐานปฏิบัติการชีวิต
จิตอาจไม่มีอยู่จริง ถ้าปราศจากร่างกาย
ร่างกายจะไร้ความหมาย ถ้าไม่มีจิตคอยรับรู้และสั่งการ หรือแสดงออกเป็นเจตจำนง
เราจะรู้ความจริง ไม่ใช่แค่คิด แต่จะต้องยืนพื้นบนประสบการณ์มาก่อน
ชีวิตโดยตัวมันเอง มีทั้งสุขและทุกข์ แต่ธรรมชาติของชีวิตคือ เข้าหาสุขหลีกเลี่ยงทุกข์
ไม่มีสุขใดโดยไร้ร่างกายรองรับ ไม่มีทุกข์ใดโดยไร้จิตไปให้ความหมาย
ความสัมพันธ์ระหว่างร่างกายกับจิต เป็นสิ่งเรียบง่าย และบ่อยครั้งก็ซับซ้อน
ง่ายเพราะ โดยพื้นฐานความเป็นร่างกาย
ซับซ้อนเพราะ ความยุ่งยากและซับซ้อนของจิตเอง บนการไปยึดโยงกับโลกภายนอก กับ มนุษย์คนอื่น
เพราะ ทันทีที่อยู่ร่วมกัน มนุษย์จะใส่ความซับซ้อนเชิงอำนาจระหว่างกัน
ปฐมอำนาจ ได้แก่ ความเป็นมิตรหรือศัตรู จากนั้นเมื่อไว้วางใจกันได้แล้ว
ก็จักเผชิญการแข่งขันโดยเปรียบเทียบความมี หรือ การแลกเปลี่ยนผลประโยชน์ การโอ้อวดก็เป็นรูปแบบอำนาจของการมี
ความอิจฉาบ่งบอกถึงความด้อยกว่าที่ไม่ยอมรับความจริง และความรักอาจบ่งบอกถึงการพยายามครอบครองเป็นเจ้าของ
หรือ ท่าทีพร้อมจะให้ประโยชน์ โดยไม่บงการ ครอบงำ...
ดังนั้น มีแต่มนุษย์ด้วยกันนั่นแหละ ที่เป็นสาเหตุหลัก ของสุขและทุกข์
เนื่องด้วย ธรรมชาติที่ย้อนแย้งในตัวเองของมนุษย์ ที่เป็น สัตว์สังคม
เพราะ เราต้องการคนอื่น เพื่อสะท้อนความมีอยู่ของตัวเอง
แง่นี้ ภาษา จึงเป็นปฐมเหตุของ ภาวะคนอื่น
ในขณะที่สำหรับ ซาร์ตแล้ว(ในบริบทสังคม) เขาพูดว่า นรกคือ คนอื่น
นั่นอาจหมายความว่า การมีคนอื่น คือ สาเหตุฐานที่ทำให้คนๆหนึงทำบาป
เพราะ ถ้าไม่มีคนอื่น การละเมิดกฏหรือศีลธรรม ก็ไม่มี
จบแบบไม่สรุปนะครับ
วันศุกร์สุข ครับ..