จี้แบงก์ชาติงัด LTV สกัดฟองสบู่ บังคับดาวน์บ้าน-คอนโดฯ20%

กระทู้ข่าว
ประชาชาติธุรกิจออนไลน์  updated: 21 ก.พ. 2556 เวลา 09:50:50 น

ธปท.ส่งซิกพร้อมทบทวนมาตรการ "แอลทีวี" บีบเพิ่มเงินดาวน์สกัดเก็งกำไรอสังหาฯร้อน สมาคมสินเชื่อที่อยู่อาศัย เผยผลสำรวจ "เจโทร" ราคาอสังหาฯไทย 10 ปี ปรับตัวสูงขึ้นต่อเนื่อง 40-50% เสี่ยงสัญญาณฟองสบู่ จี้รัฐ-แบงก์ชาติออกมาตรการสกัดให้บังคับวางเงินดาวน์ซื้อบ้าน-คอนโดฯ 20% จากปัจจุบันแค่ 5-10%

ธปท.รับพิจารณ์ปรับเกณฑ์ LTV

นายเกริก วณิกกุล รองผู้ว่าการ ด้านเสถียรภาพสถาบันการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวถึงต้นเหตุของการเกิดภาวะฟองสบู่ได้มาจาก 2 กรณี คือต้องมีการปั่นราคาอสังหาริมทรัพย์ในระดับสูง ขณะที่อีกอันที่เป็นปัญหาคือโอเวอร์ซัพพลาย หรือที่อยู่อาศัยล้นตลาด แต่ก็ไม่ได้เป็นต้นเหตุของการเกิดฟองสบู่เสมอไป ซึ่งหากเป็นโอเวอร์ซัพพลายมาก ๆ คนที่เดือดร้อนคือบริษัทอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งการขึ้นหรือออกมาตรการ LTV (Loan to value) เพิ่ม อาจเป็นการชะลอความร้อนแรงลงอย่างแน่นอน แต่หากเป็นเรื่องของดีมานด์อาจทำให้การซื้อขายฝืดขึ้นได้ ซึ่งอาจกระทบต่อยอดการซื้อขายให้ลดลงได้ ซึ่ง ธปท.ก็ต้องพิจารณาทั้ง 2 ด้าน

นอกจากนี้ ธปท.ก็ต้องดูว่าจะมีผลกระทบต่อผู้ต้องการที่อยู่อาศัยหรือไม่ หากออกมาตรการอะไรออกไป

"เรื่องนี้ค่อนข้างละเอียดอ่อน แต่การที่มีนักวิชาการออกมาเสนอให้ ธปท.เกี่ยวกับ LTV ว่าหย่อนเกินไป และควรเก็บเงินดาวน์เพิ่มขึ้นเป็น 20% ให้ใกล้เคียงประเทศอื่น ๆ นั้นเป็นสิ่งที่ดีสำหรับ ธปท. ซึ่ง ธปท.ก็รับมาพิจารณา แต่การจะปรับแค่ไหน ขอให้เห็นสัญญาณชัดกว่านี้ก่อนว่าเกิดจากส่วนใด ซึ่งคาดว่าจะมีการทบทวนสถานการณ์ดังกล่าวภายในครึ่งปีแรกนี้"

ปัจจุบันอัตราดอกเบี้ย ธปท.ก็ไม่ต่ำ แต่ประชาชนอาจมองว่าต่ำพอที่จะทำให้เกิดธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในลักษณะเก็งกำไรได้ เพราะแทนที่คนจะฝากเงิน ก็เอาเงินนั้นไปซื้ออสังหาริมทรัพย์เพื่อขายต่อหรือให้เช่า ก็ได้ผลตอบแทน 4-6% ก็ยังดีกว่าฝากเงินได้ดอกเบี้ย 2.5%

ทั้งนี้มาตรการ LTV ในปัจจุบันบ้านแนวราบ 5% คือกู้ได้ 95% เงินดาวน์ 5% และแอลทีวี คอนโดมิเนียม 10% คือกู้ได้ 90% และเงินดาวน์ 10%

ธปท.ชี้ภาวะเสี่ยงบางพื้นที่

นายทรงธรรม ปิ่นโต ผู้อำนวยการสำนักนโยบายการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวว่า ภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์ในปัจจุบันยังไม่ถึงจุดที่เรียกว่าร้อนแรง จนนำไปสู่ภาวะฟองสบู่ของภาคอสังหาริมทรัพย์ แต่เป็นปัญหาบางพื้นที่ เป็นปัญหาเฉพาะจุด แต่ภาพรวมก็ยังถือว่าอยู่ในวิสัยที่อธิบายได้ แม้การเก็งกำไรบ้านเป็นเรื่องปกติของทุนนิยม แต่การดำเนินนโยบายดอกเบี้ยต้องไม่เติมเชื้อให้การเก็งกำไรให้ผิดปกติ และอยู่ในวิสัยที่รักษานโยบายด้านเศรษฐกิจมหภาคให้เหมาะสม

"เพราะเวลาเกิดวิกฤต อสังหาฯเป็นภาคที่เจ็บตัวมากที่สุด ฟื้นตัวช้าที่สุด และเป็นภาคที่มีผลต่อจีดีพีถึง 7% และใช้แรงงานสูง" นายทรงธรรมกล่าว

ขณะที่เรื่องหนี้ภาคครัวเรือนยอมรับว่าสูงขึ้นในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา เพราะเกิดจากภาวะแวดล้อมคือ นโยบายรัฐบาล อาทิ รถคันแรกต่าง ๆ ทำให้คนคิดว่าใช้จ่ายได้ เป็นหนี้ได้ และบทบาทสถาบันการเงินเฉพาะกิจมีนโยบายปล่อยสินเชื่อมากขึ้น ก็เป็นตัวกระตุ้นทำให้เกิดหนี้ครัวเรือนสูงขึ้น ปัจจุบันหนี้ครัวเรือนต่อจีดีพี 73% จาก 3 ปีที่ผ่านมาอยู่ที่ระดับที่ 50% นอกจากนี้ 73% เป็นเพียงหนี้เฉพาะสถาบันการเงินในระบบเท่าที่ ธปท.รวบรวมข้อมูลได้เท่านั้น ยังไม่รวมหนี้นอกระบบ โดยจากผลศึกษาพบว่าหากหนี้ครัวเรือนปรับขึ้นไปถึงระดับ 85% เป็นสิ่งที่น่ากลัว และต้องระมัดระวังมากขึ้น

จี้เพิ่มเงินดาวน์สกัดฟองสบู่

นายกิตติ พัฒนพงศ์พิบูลย์ ประธานสมาคมสินเชื่อที่อยู่อาศัย กล่าวว่า เริ่มมี สัญญาณฟองสบู่ที่ต้องจับตาใกล้ชิดคือ ราคาอสังหาฯที่ปรับตัวต่อเนื่องในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา นับจากปี 2545-2555 ข้อมูลเจโทรระบุว่า มีการปรับตัวขึ้นเฉลี่ยปีละ 4-5% นั่นคือในช่วง 10 ปีมีการปรับตัวถึง 40-50% ซึ่งถือว่าสูงมาก ส่วนแนวโน้มเศรษฐกิจในช่วง 1-2 ปีนี้น่าจะดี จึงเป็นกังวลว่าจะทำให้ราคาอสังหาฯมีทิศทางปรับตัวสูงขึ้นต่อเนื่อง เป็นปัจจัยผลักดันให้คนหันมาลงทุนเก็งกำไรในอสังหาฯได้

นายกิตติมีข้อเสนอถึงรัฐบาลและธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) ด้วยว่า จะต้องเพิ่มความเข้มข้นมาตรการแอลทีวี เพิ่มสัดส่วนเงินดาวน์จากปัจจุบันบ้าน 5% คอนโดฯ 10% เพิ่มเป็น 20% เท่ากัน เท่ากับที่ใช้ในสิงคโปร์และมาเลเซีย ส่วนจีนบังคับเงินดาวน์สูงถึง 30% วิธีนี้จะช่วยสกัดความร้อนแรงของวงการอสังหาฯได้ และทำให้ราคาไม่ปรับตัวสูงขึ้นเร็วจนเกินไป

3 สมาคมอสังหาฯมองต่างมุม

นายอิสระ บุญยัง นายกสมาคมธุรกิจบ้านจัดสรร เปิดเผยว่า ยังไม่เป็นห่วงเรื่องฟองสบู่ เพราะภาพที่เกิดขึ้นขณะนี้แนวโน้มโอเวอร์ซัพพลายในบางทำเลเท่านั้น เช่น โซนจังหวัดปทุมธานี ผู้ประกอบการบางรายประกาศแผนลงทุนเปิดตัวคอนโดมิเนียมโครงการเดียวหมื่นยูนิต ซึ่งต้องดูว่าจะมีความต้องการซื้อได้รวดเร็วตามเป้าหมายการขายหรือไม่ ส่วนทำเลสุขุมวิทตอนปลาย ล่าสุดซัพพลาย-ดีมานด์ของทำเลนี้เริ่มเข้าใกล้จุดสมดุล

นายกิตติพล ปราโมช ณ อยุธยา นายกสมาคมอสังหาริมทรัพย์ไทย กล่าวสอดคล้องกันว่า ยังไม่เชื่อว่ามีปัญหาฟองสบู่อสังหาฯเกิดขึ้น ที่เป็นห่วงคือขณะนี้มีผู้ประกอบการโปรโมตโครงการคอนโดมิเนียม ในลักษณะปิดการขายได้เร็ว อาจกระตุ้นให้เกิดการเก็งกำไรในอนาคต อย่างไรก็ตามประเมินว่า 70-80% จะซื้อเพื่ออยู่อาศัยจริง อีก 10-20% เพื่อลงทุนปล่อยเช่า ผสมกับบางส่วนอาจมีการซื้อเพื่อเก็งกำไรขายต่อบ้าง ซึ่งสัดส่วนยังไม่สูงจนน่าเป็นห่วง

ขณะที่นายธำรง ปัญญาสกุลวงศ์ นายกสมาคมอาคารชุดไทย กล่าวว่า สิ่งที่น่าเป็นห่วงตอนนี้ไม่ใช่ปัญหาฟองสบู่ แต่เป็นเรื่องภาวะโอเวอร์ซัพพลายในบางทำเล ที่ต้องจับตาพิเศษคือในทำเลแนวรถไฟฟ้าสายปัจจุบัน เนื่องจากการแข่งขันพัฒนาโครงการของผู้ประกอบการรายใหญ่ ซึ่งกลุ่มนี้จะมีการปรับตัวเร็ว หากยอดขายชะลอตัวก็จะหยุดพัฒนาโครงการใหม่ หรือเปลี่ยนไปลงทุนทำเลอื่น

แบงก์สกัดเก็งกำไรอสังหาฯ

นางพิกุล ศรีมหันต์ ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่อาวุโส สายสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย ธนาคารไทยพาณิชย์ กล่าวว่า ที่ผ่านมาเห็นธุรกรรมเก็งกำไรในตลาดคอนโดฯประมาณ 5-10% ที่เปลี่ยนมือก่อน รวมถึงกลุ่มที่ปิดบัญชีสินเชื่อภายใน 1 ปีก็มีอยู่ไม่ถึง 10% ถือว่าไม่สูง ขณะที่ตลาดบ้านแนวราบไม่เห็นสัญญาณเก็งกำไรเลย ดังนั้นในปัจจุบันอาจมีผู้เข้ามาเก็งกำไรบ้าง แต่ไม่ใช่ลักษณะของฟองสบู่

สำหรับมาตรการสกัดการเก็งกำไรอสังหาฯนั้น นางพิกุลกล่าวว่า ปีนี้ธนาคารมีนโยบายชัดเจนว่าจะไม่ออกแคมเปญดอกเบี้ย 0% ระยะยาว 10-12 เดือนแน่นอน เพราะนอกจากเป็นภาระต้นทุนสูงแล้วยังเป็นลู่ทางให้เกิดการเก็งกำไรได้ง่าย

"กรณีการลดดอกเบี้ยเงินฝาก นักลงทุนอาจขยับไปหาช่องทางลงทุนที่ให้ผลตอบแทนที่ดีกว่า ก็อาจขยับเข้ามาเก็งกำไรได้บ้าง เรื่องนี้ก็ต้องคุมเรื่องแคมเปญดอกเบี้ยต่ำให้ดี แต่อีกแง่หนึ่งคือดอกเบี้ยเงินกู้ที่ลดลง ถ้าลด 0.25% คงไม่ได้ไปกระตุ้นให้สามารถเก็งกำไรได้" นางพิกุลกล่าว

ด้านนายชาติชาย พยุหนาวีชัย รองกรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย กล่าวว่า การเก็งกำไรในตลาดอสังหาฯถือเป็นเรื่องปกติที่มีผู้เข้าไปลงทุน แต่คงเป็นส่วนน้อยไม่เกิน 10% ซึ่งส่วนใหญ่ยังเป็นการซื้อเพื่ออยู่อาศัยจริง ซึ่งนโยบายของธนาคารจะคุมจำนวนการปล่อยกู้ให้ไม่เกินหลังที่ 3 เท่านั้น เพื่อป้องกันการเก็งกำไร อย่างไรก็ตามถ้าลดดอกเบี้ยลงก็อาจจะไปกระตุ้นให้ลงทุนในอสังหาฯมากขึ้นได้ รวมถึงผลักให้เกิดการใช้จ่ายและส่งผลให้เงินเฟ้อขยับขึ้นตามมา

สัญญาณเก็งกำไรคอนโดฯ

นายบันลือศักดิ์ ปุสสะรังษี ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ สำนักวิจัย ธนาคารซีไอเอ็มบี ระบุว่าที่ผ่านมา ดัชนีราคาคอนโดมิเนียมเพิ่มขึ้นไม่มาก แต่การเพิ่มขึ้นกระจุกตัวอยู่ในกลุ่มราคา 1-1.5 ล้านบาทโดยประมาณ โดย 2 ใน 3 เป็นการซื้อเพื่ออยู่อาศัยจริง และ 20-24% เป็นการซื้อเพื่อการลงทุน เช่น ให้เช่าหรือขายต่อ แต่ที่น่าเป็นห่วงคืออีก 10-14% เป็นการซื้อเพื่อเก็งกำไร ซื้อมาเพื่อขายใบจอง ส่วนใหญ่เป็นคอนโดมิเนียมราคา 1-1.5 ล้านบาท และมีที่ตั้งในแหล่งท่องเที่ยว และถ้าลดดอกเบี้ยก็จะกระตุ้นให้การซื้อขายคอนโดมิเนียมบูมขึ้นด้วย
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่