คร.สุ่มตรวจเลือดวัย 20-50 ปี พบภูมิคุ้มกันต่ำ - เล็งฉีดวัคซีนคอตีบทุก 10 ปี

ที่มา: หนังสือพิมพ์ คม ชัด ลึก วันพฤหัสบดีที่ 21 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556




คร. เจาะเลือดสุ่มตรวจระดับภูมิคุ้มกันคนไทยต่อโรคคอตีบ พบกลุ่มอายุ 20-50 ปี ภูมิคุ้มกันน้อยมาก แค่ 15-50% เดินหน้าฉีดวัคซีนคอตีบในผู้ใหญ่ ใช้เป็นวัคซีนพื้นฐานทุก 10 ปี คาดเริ่มฉีดปี 56

นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ ผู้อำนวยการสำนักโรคติดต่อทั่วไป กรมควบคุมโรค (คร.) กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวถึงความคืบหน้าการเตรียมวัคซีนป้องกันโรคคอตีบให้แก่ผู้ใหญ่ว่า จากการที่กรมร่วมมือกับกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ทำการสุ่มตรวจระดับภูมิคุ้มกันของคนไทยต่อโรคคอตีบ โดยเก็บตัวอย่างเลือดจากประชากรใน กทม. จ.หนวงบัวลำภู และ จ.เลย จำนวน 1,000 คน พบว่าใน 100 คนมีภูมิคุ้มกันร้อยละ 15-50 ซึ่งทางการแพทย์ถือว่าน้อย โดยกลุ่มนี้มีอายุระหว่าง 20-50 ปี

นพ.โอภาส กล่าวอีกว่า ได้ทำการวิเคราะห์สาเหตุ พบว่า 1. เป็นกลุ่มที่ไม่ได้รับวัคซีนป้องกันโรคคอตีบตั้งแต่เด็ก และ 2. เกิดมาในช่วงที่โรคนี้พบไม่มาก เชื้อในธรรมชาติจึงน้อย ทำให้ไม่ถูกกระตุ้นภูมิคุ้มกัน เป็นสาเหตุของการระบาดของโรคนี้ในวัยผู้ใหญ่ช่วงที่ผ่านมา ขณะที่ประชากรกลุ่มอายุต่ำกว่า 20 ปี จะได้รับวัคซีนคอตีบเป็นวัคซีนพื้นฐานอยู่แล้ว ส่วนอายุมากกว่า 60 ปีขึ้นไป พบว่า เป็นกลุ่มที่ได้รับเชื้อตามธรรมชาติทำให้มีภูมิคุ้มกัน

"ขณะนี้อยู่ระหว่างจัดทำข้อมูลเพื่อกำหนดเป็นแผนในการฉีดวัคซีนในผู้ใหญ่อายุระหว่าง 20-50 ปี โดยจะกำหนดให้เป็นวัคซีนที่ต้องฉีดกระตุ้นทุกๆ 10 ปี เริ่มตั้งแต่อายุ 20 ปีขึ้นไป ส่วนจะฉีดในพื้นที่ใดก่อน หรือฉีดที่กลุ่มอายุเท่าใดเป็นอันดับแรก จะต้องมีการวางแผนการนำเข้าวัคซีนอีกครั้ง คาดว่าจะเริ่มฉีดวัคซีนคอตีบในผู้ใหญ่ได้ภายในปีนี้" นพ.โอภาส กล่าว

นพ.โอภาส กล่าวด้วยว่า สำหรับกลุ่มเด็กที่รับวัคซีนป้องกันโรคคอตีบเป็นวัคซีนพื้นฐาน ซึ่งต้องฉีดให้เด็กเล็ก แบ่งเป็นช่วงอายุ 5 ครั้ง เริ่มจากอายุ 2 เดือน, 4 เดือน, 6 เดือน และ 18 เดือน และกระตุ้นอีกครั้งหนึ่งเมื่ออายุ 4 ปี จำเป็นต้องมีการฉีดกระตุ้นทุก 10 ปีด้วย เพราะภูมิคุ้มกันที่เกิดจากการฉีดวัคซีนจะลดลงตามระยะเวลาประมาณ 10 ปี สรุปคือ เด็กยังต้องฉีดวัคซีนเหมือนเดิม ส่วนผู้ใหญ่จะจัดทำเป็นแผนใหม่ให้ได้รับวัคซีนทุกๆ 10 ปี สำหรับงบประมาณในการจัดซื้อวัคซีนต้องหารือกันอีกครั้ง คาดว่าต้องใช้วัคซีนเบื้องต้นราว 30-40 ล้านโดส ราคาโดสละประมาณ 6-7 บาท

ข้อมูลจากกระทรวงสาธารณสุขพบว่า ช่วงปลายปี 2555 มีผู้ป่วยยืนยันโรคคอตีบรายใหม่ 4 รายใน 3 จังหวัด 4 อำเภอ ได้แก่ จ.เลย 2 ราย พบ 2 อำเภอ จ.เพชรบูรณ์ 1 อำเภอ และ จ.สุราษฎร์ธานี 1 อำเภอ จังหวัดละ 1 ราย รักษาหายทุกราย ขณะที่ปี 2556 ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม - 4 กุมภาพันธ์ พบเพียง 2 ราย อาการผู้ป่วยจะมีไข้ รู้สึกหนาวสั่น อ่อนเพลีย เจ็บคอ หายใจลำบาก หอบ คออาจบวม และไอ ต่อมน้ำเหลืองบริเวณลำคอโต ซึ่งอาการจะขึ้นกับความรุนแรงของแต่ละคน
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่