สวัสดีค่ะ เราเป็นพี่สาวคนโต มีน้องชายที่โตมาด้วยกันอยู่หนึ่งคน น้องชายอายุน้อยกว่าเราสามปี ตอนเด็กเราเป็นพี่ที่แย่มาก ชอบแกล้งน้อง หาเรื่องน้อง ทำร้ายร่างกายและจิตใจของน้องอยู่ตลอดเวลา เราทำบ่อยจนกลายเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตประจำวัน ตอนนั้นเรารู้สึกเหมือนตัวเองเป็นผู้ยิ่งใหญ่ คิดว่าน้องไม่มีสิทธ์หือ ไม่มีสิทธิ์มีเสียงหรือความรู้สึกอะไรเลยทั้งสิ้น เคยซ้อมให้ล้มจนเด็กน้อยขดตัวกลมเป็นก้อนอยู่คาตีนแล้วเอาตีนเหยียบหัวแล้วพูดเย้ยหยันใส่เขาก็มีออกบ่อย ไม่เคยคิดถึงจิตใจของเขาเลย คำพูดร้ายกาจมากมายหลุดออกจากปากเราไปได้อย่างไรไม่รู้ในตอนนั้น เช่น แกไม่ใช่น้องฉัน พ่อแม่เก็บแกมาจากถังขยะ อีกหน่อยแกโตไปหน้าอย่างแกก็เป็นได้แค่โจร
แน่นอน เราทำทุกอย่างกับน้องชายของเรายิ่งกว่านางร้ายที่จะทำกับนางเอกในละครทีวีหลังข่าว จนมีหลายครั้งที่น้องเราถึงขั้นคิดจะฆ่าตัวตาย ในส่วนของความรู้สึกน้องชายเรานั้นเท่าที่เราจำได้ก็ไม่ได้คิดจะต่อกรกับเราเลย เขาจะเห็นเราเป็นพี่ บางครั้งก็โกหกพ่อแม่ว่าเราไม่ได้ทำอะไรเขาเพื่อช่วยให้เราไม่ถูกตีด้วยซ้ำ เราทำอย่างนี้มาโดยตลอดทั้งชีวิตวัยเด็กของเราจนพอโตมาได้สักอายุ 18 ปีถึงเลิกเพราะเริ่มจะคิดได้
เราก็ไม่เข้าใจตัวเองนัก เพราะในตอนเด็กกับคนอื่นเราก็คุยดี ไม่คิดแกล้ง หรือทำตัวเป็นใหญ่อะไรเลย คงเข้าทำนองเก่งแต่กับคนไม่มีทางสู้ล่ะมั้ง มีแต่น้องชายคนเดียวที่เราทำด้วย
บอกก่อนว่าครอบครัวเรามีปัญหาพ่อแม่ทะเลาะกัน แต่ท่านทั้งสองก็พยายามมาช่วยกันดูแลลูก พฤติกรรมของเรานั้นพ่อกับแม่ก็รู้และพยายามห้ามเรา แต่ไม่ทราบว่าพ่อแม่ไม่ได้ตั้งใจสอนอย่างจริงจัง หรือว่าอย่างไร เพราะตอนนั้นเราเด็กมาก คำสอนของพ่อแม่ไม่ได้เข้าไปในหัวของเราเลย เพราะแกจะห้ามหรือปรามเป็นครั้งๆมากกว่า ไม่ได้มานั่งอธิบายพูดให้เข้าใจว่าสิ่งใดถูกหรือผิดนัก
ถึงพ่อกับแม่จะพยายามมาอยู่ด้วยแต่เวลาส่วนเราก็ถูกทิ้งให้อยู่กับน้องแค่สองคน มันก็เลยทำให้เรามีโอกาสทำร้ายๆโดยไม่มีใครคอยห้าม เราจึงไม่ได้เลิกนิสัยร้ายกาจแบบนั้นเลย เพราะน้องก็ไม่ได้ฟ้องด้วย
สิ่งเหล่านี้ติดตัวเรามาจนโต พอเราโตขึ้นจนเริ่มคิดได้ บางครั้งย้อนกลับไปคิดถึงเรื่องราวเหล่านั้น เราก็ต้องร้องไห้และทุกข์ใจทุกครั้ง แม้จะขอโทษน้องชายเราแล้ว แล้วเค้าก็บอกว่าไม่ได้นึกโกรธอะไรเราเลย แม้เราจะบอกตัวเองว่าสิ่งเหล่านั้นมันผ่านมาแล้วและเราแก้ไขอะไรไม่ได้แล้ว ควรทำใจและปล่อยให้มันผ่านไป เก็บไว้แค่เป็นบทเรียนเท่านั้น แต่บางห้วงอารมณ์เราก็ยังอดที่จะรู้สึกผิดไม่ได้ สิ่งที่เราทำไว้มันมากมายเหลือเกิน
เวลากลางคืนในช่วงหลายวันมานี้เป็นช่วงเวลาที่ยากลำบากสำหรับเรามากค่ะ เพราะเราต้องอยู่คนเดียว ทำให้บางครั้งก็เผลอไปคิดถึงเรื่องในอดีตต่างๆขึ้นมาได้ เราอยากจะลืมมันไปซะ ไม่อยากจะรู้สึกผิดซ้ำๆแบบนี้อีกแล้ว แต่มันก็กลับมาเล่นงานเราอยู่บ่อยๆ จะทำอย่างไรดีคะให้เราไม่เป็นแบบนี้อีกแล้ว
ส่วนหนึ่งคงเป็นเพราะพอโตมาเราก็รักเด็กมาก เมื่อย้อนนึกไปถึงเรื่องราวสมัยก่อนที่เราเคยทำกับเด็กตัวเล็กๆคนหนึ่งได้ถึงขนาดนั้น มันก็หดหู่ใจเหลือเกิน เราไม่โกรธตัวเองเลยเพราะตอนนั้นเราเป็นเด็ก ยังไม่มีสำนึกผิดชอบชั่วดีมากนัก แต่ไอ้ความรู้สึกผิดนี่สิที่มันเกาะกุมใจเราตลอดเวลา จะทำยังไงให้คิดถึงเรื่องนี้ได้โดยไม่รู้สึกผิด มานั่งเศร้าเสียใจแบบนี้ดีคะ
Ps. อยากจะฝากไปถึงคุณพ่อคุณแม่หลายๆท่านที่มีลูกๆเป็นพี่น้องที่กำลังจะโตด้วยกันมา ให้ช่วยดูแลและสอดส่องว่าพี่น้องได้ทะเลาะกันบ้างหรือเปล่า ให้พวกเขารักกัน ไม่รังแกกัน ส่วนมากถ้าทะเลาะกันน้องมักจะปกป้องพี่ ไม่ค่อยฟ้องพ่อแม่หรอกค่ะ ต้องพูดสอน ค่อยๆกล่อมไปทุกวันให้เด็กเข้าใจไปถึงจิตใต้สำนึกว่าพี่น้องที่ดีควรเป็นอย่างไร ให้เขารักและเห็นใจในเพื่อนมนุษย์ เพื่อที่เขาโตมาแล้วเขาคิดได้ เขาจะได้ไม่มานั่งรู้สึกผิดแบบเรา
ทำยังไงดี อยากเลิกรู้สึกผิดกับความผิดพลาดในอดีตที่แก้ไขไม่ได้
แน่นอน เราทำทุกอย่างกับน้องชายของเรายิ่งกว่านางร้ายที่จะทำกับนางเอกในละครทีวีหลังข่าว จนมีหลายครั้งที่น้องเราถึงขั้นคิดจะฆ่าตัวตาย ในส่วนของความรู้สึกน้องชายเรานั้นเท่าที่เราจำได้ก็ไม่ได้คิดจะต่อกรกับเราเลย เขาจะเห็นเราเป็นพี่ บางครั้งก็โกหกพ่อแม่ว่าเราไม่ได้ทำอะไรเขาเพื่อช่วยให้เราไม่ถูกตีด้วยซ้ำ เราทำอย่างนี้มาโดยตลอดทั้งชีวิตวัยเด็กของเราจนพอโตมาได้สักอายุ 18 ปีถึงเลิกเพราะเริ่มจะคิดได้
เราก็ไม่เข้าใจตัวเองนัก เพราะในตอนเด็กกับคนอื่นเราก็คุยดี ไม่คิดแกล้ง หรือทำตัวเป็นใหญ่อะไรเลย คงเข้าทำนองเก่งแต่กับคนไม่มีทางสู้ล่ะมั้ง มีแต่น้องชายคนเดียวที่เราทำด้วย
บอกก่อนว่าครอบครัวเรามีปัญหาพ่อแม่ทะเลาะกัน แต่ท่านทั้งสองก็พยายามมาช่วยกันดูแลลูก พฤติกรรมของเรานั้นพ่อกับแม่ก็รู้และพยายามห้ามเรา แต่ไม่ทราบว่าพ่อแม่ไม่ได้ตั้งใจสอนอย่างจริงจัง หรือว่าอย่างไร เพราะตอนนั้นเราเด็กมาก คำสอนของพ่อแม่ไม่ได้เข้าไปในหัวของเราเลย เพราะแกจะห้ามหรือปรามเป็นครั้งๆมากกว่า ไม่ได้มานั่งอธิบายพูดให้เข้าใจว่าสิ่งใดถูกหรือผิดนัก
ถึงพ่อกับแม่จะพยายามมาอยู่ด้วยแต่เวลาส่วนเราก็ถูกทิ้งให้อยู่กับน้องแค่สองคน มันก็เลยทำให้เรามีโอกาสทำร้ายๆโดยไม่มีใครคอยห้าม เราจึงไม่ได้เลิกนิสัยร้ายกาจแบบนั้นเลย เพราะน้องก็ไม่ได้ฟ้องด้วย
สิ่งเหล่านี้ติดตัวเรามาจนโต พอเราโตขึ้นจนเริ่มคิดได้ บางครั้งย้อนกลับไปคิดถึงเรื่องราวเหล่านั้น เราก็ต้องร้องไห้และทุกข์ใจทุกครั้ง แม้จะขอโทษน้องชายเราแล้ว แล้วเค้าก็บอกว่าไม่ได้นึกโกรธอะไรเราเลย แม้เราจะบอกตัวเองว่าสิ่งเหล่านั้นมันผ่านมาแล้วและเราแก้ไขอะไรไม่ได้แล้ว ควรทำใจและปล่อยให้มันผ่านไป เก็บไว้แค่เป็นบทเรียนเท่านั้น แต่บางห้วงอารมณ์เราก็ยังอดที่จะรู้สึกผิดไม่ได้ สิ่งที่เราทำไว้มันมากมายเหลือเกิน
เวลากลางคืนในช่วงหลายวันมานี้เป็นช่วงเวลาที่ยากลำบากสำหรับเรามากค่ะ เพราะเราต้องอยู่คนเดียว ทำให้บางครั้งก็เผลอไปคิดถึงเรื่องในอดีตต่างๆขึ้นมาได้ เราอยากจะลืมมันไปซะ ไม่อยากจะรู้สึกผิดซ้ำๆแบบนี้อีกแล้ว แต่มันก็กลับมาเล่นงานเราอยู่บ่อยๆ จะทำอย่างไรดีคะให้เราไม่เป็นแบบนี้อีกแล้ว
ส่วนหนึ่งคงเป็นเพราะพอโตมาเราก็รักเด็กมาก เมื่อย้อนนึกไปถึงเรื่องราวสมัยก่อนที่เราเคยทำกับเด็กตัวเล็กๆคนหนึ่งได้ถึงขนาดนั้น มันก็หดหู่ใจเหลือเกิน เราไม่โกรธตัวเองเลยเพราะตอนนั้นเราเป็นเด็ก ยังไม่มีสำนึกผิดชอบชั่วดีมากนัก แต่ไอ้ความรู้สึกผิดนี่สิที่มันเกาะกุมใจเราตลอดเวลา จะทำยังไงให้คิดถึงเรื่องนี้ได้โดยไม่รู้สึกผิด มานั่งเศร้าเสียใจแบบนี้ดีคะ
Ps. อยากจะฝากไปถึงคุณพ่อคุณแม่หลายๆท่านที่มีลูกๆเป็นพี่น้องที่กำลังจะโตด้วยกันมา ให้ช่วยดูแลและสอดส่องว่าพี่น้องได้ทะเลาะกันบ้างหรือเปล่า ให้พวกเขารักกัน ไม่รังแกกัน ส่วนมากถ้าทะเลาะกันน้องมักจะปกป้องพี่ ไม่ค่อยฟ้องพ่อแม่หรอกค่ะ ต้องพูดสอน ค่อยๆกล่อมไปทุกวันให้เด็กเข้าใจไปถึงจิตใต้สำนึกว่าพี่น้องที่ดีควรเป็นอย่างไร ให้เขารักและเห็นใจในเพื่อนมนุษย์ เพื่อที่เขาโตมาแล้วเขาคิดได้ เขาจะได้ไม่มานั่งรู้สึกผิดแบบเรา