สวัสดีครับ ตอนนี้ก็มาถึง พาท ที่ 2 กันแล้วนะครับ
หลังจากได้ วีซ่ามาเรียบร้อยแล้ว ก็ กาปฏิทิน นับวัน รอไปญี่ปุ่นกันได้แล้ว
2-3 วันก่อนออกบิน ทำไรบ้าง
แรกเลย คือ ผมลองวางแผนการเดินทาง คร่าวๆ สำหรับการเดินทางตลอด 7 วันนี้
(ไม่ต้องแปลกใจ ทำมันก่อนเดินทาง แค่ สอง – สามวันนี่ละ 55)
จริงๆแล้ว ญี่ปุ่นนี่ มีข้อมูลเยอะมากๆๆๆๆๆ เยอะจน งง อ่ะ
โดยเฉพาะ ในเว็บพันทิพย์ มีคนใจดีมารีวิวเยอะมาก ซึ่งข้อมูลส่วนใหญ่ ตลอดทริปของผมก็มาจาก
เว็บพันทิพย์ ห้อง บลูพลาเน็ต ล่ะครับ
เลยถือโอกาสเอา แผนการเดินทางที่ทำไว้ ในวันแรก มาให้ดูสักนิด ว่า ดูแล้วจะ งง รึเปล่า อิอิ

ก็ประมาณนี้นะครับ
เริ่มกันเลย ใน 2-3 วันก่อนการเดินทาง เมื่อเราวางแผนการเดินทางเรียบร้อยแล้ว สิ่งต่อไปที่ผมจะเตรียมก็คือ เสื้อผ้าที่จะเอาไปไว้ใส่
เพราะช่วงที่ไป ญี่ปุ่นหิมะกำลังตก ก็ต้องป้องกันตัวเองกันหน่อย
แต่ทริปนี้ดีอย่างที่ ไม่ต้องหาซื้อเสื้อผ้ากันหนาวใหม่ เพราะของเดิมจากที่ไปเกาหลีเมื่อ 2 ปีก่อน ขุดกลับขึ้นมาใช้ได้อยู่
ทำให้ทริปนี้ ประหยัดไปได้ อีกหลายพัน
เมื่อเตรียมชุดเรียบร้อยคราวนี้ ก็เป็นส่วนของพวกอุปกรณ์ทั้งหลาย ไม่ว่าจะเป็นปลักไฟ หัวแปลง ที่ชาร์ต ฯลฯ
เตรียมให้ครบ นึกไรได้ก็จับโยนใส่เป๋าไปก่อน กันลืม
จัดกระเป๋าเสร็จสรรพ สิ่งต่อไปที่เตรียมสำหรับทริปทุ่มสุดตัวนี้ ก็เพราะ ทุ่มจริงๆ ก็ขนาดยอมตัดใจขาย เจ้า Nikon D5100 ไปแบบถูกๆ
ทั้งที่สภาพมันยังใหม่เอี่ยมอ่องแล้วเอาเงินมาผสมกับ เงินรับจ๊อบ เพื่อไปถอย กล้องใหม่ แต่รุ่นเก่าที่คุ้นมืออย่าง Nikon D7000 มา
เรียกได้ว่า ซื้อที แทบสิ้นเนื้อประดาตัวเลยทีเดียว
เท่านั้นยังไม่พอ นอกจากกล้องแล้ว เม็มก็สำคัญนะ เลยจัดแจงไป ถอยเม็มแบบ คลาส 10 สปีด 30 MB ความจุ 32 GB มาแบบเบา 2 ตัว
รวมเป็น 64 GB โอ้วววว
จะเอาไปถ่ายอะไรนักหนาฟระเนี่ยตรู ….แต่ก็คิดเข้าข้างตัวเองว่า เอาน่า ยังไงเอาไว้ใช้ถ่ายงานได้ อิอิ
และเมื่อเตรียมอุปกรณ์หากินพร้อม สิ่งสุดท้ายที่สำคัญ ก็คือ เงิน ….ก็ได้ทำการขูดๆๆๆๆๆ ขูดแบบยิ่งหว่าขูดเลือดปูอีก
เพื่อเอาเงินที่เหลือ มาแลกเป็นเงินเยน
ปล.เงินเยนคือสกุลเงินของญี่ปุ่น ลักษณะสังเกตุงายๆของเงินสกุลนี้คือ เมื่อมันอยู่ในกระเป๋า ยิ่งลึกมันจะยิ่งเย็น
แต่เริ่มหยิบออกมาจากกระเป๋า มันจะรู้สึกวูบๆหวิวๆ ร้อนสันหลังวาบๆ
ถ้าเป็นอาการแบบนี้ แสดงว่านั่นแหละ เงินเยน 5555555
ทริปนี้ แลกได้ที่สุดความสามารถ แค่ 20,000 บาท หรือ ประมาณ 63,396 เยน วาบๆ เพื่อไว้ประทังชีวิต ในญี่ปุ่น
(บางคนอ่านแล้วอาจจะ นึกสังเวส ตามไป แล้วบอกว่า เมิงจะดันทุรังไปทำไมวะ 5555)
ก็แหม ใครบ้างละจะไม่อยากไปญี่ปุ่น ถึงมีก็คงน้อย
เพราะปกติชิวิตก็ลำบากอยู่แล้ว จะเป็นไรไปถ้าจะลำบากเพิ่มขึ้นเพื่อให้ได้ตามหวัง
ไม่มีอ็อปชั่นเป็นทุน นามสกุลก็แพ้ใคร จะแข่งบุญวาสนาก็แข่งไป แต่แข่งกันรักเธอน่ะผมไม่แพ้ชายใด (เกี่ยวกันป่ะวะ 555)
ในที่สุด วันเดินทางก็มาถึง (แท๊น…แทนนนนน) มาไม่ทันตั้งตัวเลยนะ ออกเดินทาง สู่ กัวลาฯ ต่อไป ญี่ปุ่นกันเล้ย
(ถึงแม้จะยังไม่พร้อมหลายอย่างก็เถอะ)
26 มกราคม 2556 ออกเดินทาง เครื่องออก 7 โมงกว่า แต่ตื่นมาตั้งแต่ ตี 4….ทำไม?
ก็เพราะพี่แท๊กน่ะสิ ก่อนนอนโทรไปจองรถ ว่าเดินทาง ตี 4:45 นะครับ แต่พอพี่เค้ามาจริง โอย ตี 4 ถึงแล้วทีนี้เค้ามาแล้วเราก็เกรงใจสิ
รีบ ล่กๆๆๆๆๆ สรุปได้ออกจากบ้าน
ตี 4:45 !!!!
พอมาถึงดอนเมือง ภาพที่เห็นก็คือ คนเยอะมว๊ากกกกกกกกกกก
อาจเป็นเพราะช่วงเช้า มีเครื่องออกหลายเที่ยวบิน คนเลยมหาศาลมาก มากจนกลัวว่าจะ เช็คอินไม่ทัน กลัวตกเครื่อง ต่างๆนาๆ(กลัวอีกแล้ว ตอนทำวีซ่า ก็วิตกจริตไปทีละ)
แต่ทั้งขอบคุณพี่แท๊กเลยนะ ที่มาเร็ว เพราะถ้ามาช้า คงได้มีวิ่ง อีกแน่ๆ

บ๊ายบาย นะเป๋า เจอกันอีกที ฮาเนดะ แจแปนเลยนะ
(ผมจอง AirAsiaX แบบโปรที่ต้องไปต่อเครื่องที่กัวลาฯ อ่ะครับ เลยต้องเสียเวลาไป ประมาณ 3-4 ชม. แต่ประหยัดไปได้ หลายพันอยู่นะ)
หลังจากเช็คอิน – ผ่าน ตม. มาเรียบร้อย ก็จะได้เจอกับ Dutyfree Shop ทั้งหลาย
ซึ่งตอนนี้ เป็นจังหวะเดียวกับที่ แฟนได้หายไปแล้ว หายไปในช็อปทั้งหลายเหล่านั้น
ผมเลยมีโอกาสเดินดูโน่น นี่ นั่น เพราะไม่สามารถตามเข้าไปได้จริง
เพราะกลิ่นน้ำหอมในนั้นแรงมากทำลายโสตประสาท รับรู้กลิ่นอันไวของไอ่ตัวที่อยู่ในปากผม สงสารมัน

ซุ้มนี้มันคือซุ้มอะไรไม่รู้ รู้แต่พวกที่นอนอยู่นั่น เพลินอ่ะ
แล้วก็ บินกันเล้ยยยยยยยยยยยย

ว้าวววว เห็นแล้ว ๆๆ เห็นแผ่นดินมาเลเซียแล้ว
แต่อีกสิ่งที่ต้องเตรียมใจรับหลังจากลงเครื่องก็คือ
การต้องเดินตากแดดไกลๆจากรันเวย์ เข้าไปที่อาคารผู้โดยสาร
ซึ่งจะได้อารมณ์ ของการหลบหนีเข้าเมืองแบบท่าเรือ
แต่อยู่ในสนามบิน ไม่เหมือนใคร เจ๋งป่ะ
หลังจากผ่าน ตม.ของมาเลย์ เรียบร้อย ก็ ไปนั่งรอเพื่อต่อเครื่อง
(อ้อ ถ้าบิน แบบ AirAsiaX นี้ไม่ต้องไปผ่าน ตม.ก็ได้ เข้าช่องซ้าย ทรานซิสไฟล ได้เลย ซึ่ง

ก็จะให้ไปนั่งรอ ที่ผู้โดยสารขาออก เหมือนกัน
แต่ดีกว่าตรงที่ ไม่มีไรให้กินเลย มีก็แพงชิบ) เพราะฉะนั้น เช็คอินเสร็จ มุดเชือกออกมา ไปผ่าน ตม. ก่อนก็ได้ จะได้มีตัวเลือกให้กินเยอะ
หรือจะไปกินส่วนห้องอาหาร พนักงานก็ได้ ถูกกว่าในอาคารผู้โดยสาร

น้ำขวดนี้ ถูกที่สุด ในอาคารผู้โดยสารหลังนี้ละ 1.5 ริงกิต แต่ต้องเข้าไปซื้อในซุปเปอร์เล็กๆมุมในสุดเลยนะ พวกร้านแซนวิช แพง
และแล้วก็ได้มุ่งหน้าสู่ โตเกียวซะที
ก่อนถึง ญี่ปุ่น อยู่บนเครื่อง ผู้โดยสารก็ พากันสั่งอาหารกันใหญ่ แอร์ฯก็เสริฟ เพลินเลย
เราอุตส่าห์รีบหลับแล้วนะจะได้ไม่เสียตัง แต่แอร์ก็เดิน มาถามจัง
สุดท้ายทนไม่ไหว เลยจัดอาหารถูกสุดในเมนู มา คนละกระป๋อง
ให้อุ่นๆท้อง แล้วหลับสบายยยยยย เจอกัน ห้าทุ่ม แจแปนนะ
(ขอบคุณที่แวะมาอ่านนะครับ เดี๋ยว อ่านต่อ Part 3 ที่ ถึงญี่ปุ่นละจร้าาาาา…นะครับ )
[CR] Japan January Part 2 (กว่าจะถึงญี่ปุ่น)
หลังจากได้ วีซ่ามาเรียบร้อยแล้ว ก็ กาปฏิทิน นับวัน รอไปญี่ปุ่นกันได้แล้ว
2-3 วันก่อนออกบิน ทำไรบ้าง
แรกเลย คือ ผมลองวางแผนการเดินทาง คร่าวๆ สำหรับการเดินทางตลอด 7 วันนี้
(ไม่ต้องแปลกใจ ทำมันก่อนเดินทาง แค่ สอง – สามวันนี่ละ 55)
จริงๆแล้ว ญี่ปุ่นนี่ มีข้อมูลเยอะมากๆๆๆๆๆ เยอะจน งง อ่ะ
โดยเฉพาะ ในเว็บพันทิพย์ มีคนใจดีมารีวิวเยอะมาก ซึ่งข้อมูลส่วนใหญ่ ตลอดทริปของผมก็มาจาก
เว็บพันทิพย์ ห้อง บลูพลาเน็ต ล่ะครับ
เลยถือโอกาสเอา แผนการเดินทางที่ทำไว้ ในวันแรก มาให้ดูสักนิด ว่า ดูแล้วจะ งง รึเปล่า อิอิ
ก็ประมาณนี้นะครับ
เริ่มกันเลย ใน 2-3 วันก่อนการเดินทาง เมื่อเราวางแผนการเดินทางเรียบร้อยแล้ว สิ่งต่อไปที่ผมจะเตรียมก็คือ เสื้อผ้าที่จะเอาไปไว้ใส่
เพราะช่วงที่ไป ญี่ปุ่นหิมะกำลังตก ก็ต้องป้องกันตัวเองกันหน่อย
แต่ทริปนี้ดีอย่างที่ ไม่ต้องหาซื้อเสื้อผ้ากันหนาวใหม่ เพราะของเดิมจากที่ไปเกาหลีเมื่อ 2 ปีก่อน ขุดกลับขึ้นมาใช้ได้อยู่
ทำให้ทริปนี้ ประหยัดไปได้ อีกหลายพัน
เมื่อเตรียมชุดเรียบร้อยคราวนี้ ก็เป็นส่วนของพวกอุปกรณ์ทั้งหลาย ไม่ว่าจะเป็นปลักไฟ หัวแปลง ที่ชาร์ต ฯลฯ
เตรียมให้ครบ นึกไรได้ก็จับโยนใส่เป๋าไปก่อน กันลืม
จัดกระเป๋าเสร็จสรรพ สิ่งต่อไปที่เตรียมสำหรับทริปทุ่มสุดตัวนี้ ก็เพราะ ทุ่มจริงๆ ก็ขนาดยอมตัดใจขาย เจ้า Nikon D5100 ไปแบบถูกๆ
ทั้งที่สภาพมันยังใหม่เอี่ยมอ่องแล้วเอาเงินมาผสมกับ เงินรับจ๊อบ เพื่อไปถอย กล้องใหม่ แต่รุ่นเก่าที่คุ้นมืออย่าง Nikon D7000 มา
เรียกได้ว่า ซื้อที แทบสิ้นเนื้อประดาตัวเลยทีเดียว
เท่านั้นยังไม่พอ นอกจากกล้องแล้ว เม็มก็สำคัญนะ เลยจัดแจงไป ถอยเม็มแบบ คลาส 10 สปีด 30 MB ความจุ 32 GB มาแบบเบา 2 ตัว
รวมเป็น 64 GB โอ้วววว
จะเอาไปถ่ายอะไรนักหนาฟระเนี่ยตรู ….แต่ก็คิดเข้าข้างตัวเองว่า เอาน่า ยังไงเอาไว้ใช้ถ่ายงานได้ อิอิ
และเมื่อเตรียมอุปกรณ์หากินพร้อม สิ่งสุดท้ายที่สำคัญ ก็คือ เงิน ….ก็ได้ทำการขูดๆๆๆๆๆ ขูดแบบยิ่งหว่าขูดเลือดปูอีก
เพื่อเอาเงินที่เหลือ มาแลกเป็นเงินเยน
ปล.เงินเยนคือสกุลเงินของญี่ปุ่น ลักษณะสังเกตุงายๆของเงินสกุลนี้คือ เมื่อมันอยู่ในกระเป๋า ยิ่งลึกมันจะยิ่งเย็น
แต่เริ่มหยิบออกมาจากกระเป๋า มันจะรู้สึกวูบๆหวิวๆ ร้อนสันหลังวาบๆ
ถ้าเป็นอาการแบบนี้ แสดงว่านั่นแหละ เงินเยน 5555555
ทริปนี้ แลกได้ที่สุดความสามารถ แค่ 20,000 บาท หรือ ประมาณ 63,396 เยน วาบๆ เพื่อไว้ประทังชีวิต ในญี่ปุ่น
(บางคนอ่านแล้วอาจจะ นึกสังเวส ตามไป แล้วบอกว่า เมิงจะดันทุรังไปทำไมวะ 5555)
ก็แหม ใครบ้างละจะไม่อยากไปญี่ปุ่น ถึงมีก็คงน้อย
เพราะปกติชิวิตก็ลำบากอยู่แล้ว จะเป็นไรไปถ้าจะลำบากเพิ่มขึ้นเพื่อให้ได้ตามหวัง
ไม่มีอ็อปชั่นเป็นทุน นามสกุลก็แพ้ใคร จะแข่งบุญวาสนาก็แข่งไป แต่แข่งกันรักเธอน่ะผมไม่แพ้ชายใด (เกี่ยวกันป่ะวะ 555)
ในที่สุด วันเดินทางก็มาถึง (แท๊น…แทนนนนน) มาไม่ทันตั้งตัวเลยนะ ออกเดินทาง สู่ กัวลาฯ ต่อไป ญี่ปุ่นกันเล้ย
(ถึงแม้จะยังไม่พร้อมหลายอย่างก็เถอะ)
26 มกราคม 2556 ออกเดินทาง เครื่องออก 7 โมงกว่า แต่ตื่นมาตั้งแต่ ตี 4….ทำไม?
ก็เพราะพี่แท๊กน่ะสิ ก่อนนอนโทรไปจองรถ ว่าเดินทาง ตี 4:45 นะครับ แต่พอพี่เค้ามาจริง โอย ตี 4 ถึงแล้วทีนี้เค้ามาแล้วเราก็เกรงใจสิ
รีบ ล่กๆๆๆๆๆ สรุปได้ออกจากบ้าน
ตี 4:45 !!!!
พอมาถึงดอนเมือง ภาพที่เห็นก็คือ คนเยอะมว๊ากกกกกกกกกกก
อาจเป็นเพราะช่วงเช้า มีเครื่องออกหลายเที่ยวบิน คนเลยมหาศาลมาก มากจนกลัวว่าจะ เช็คอินไม่ทัน กลัวตกเครื่อง ต่างๆนาๆ(กลัวอีกแล้ว ตอนทำวีซ่า ก็วิตกจริตไปทีละ)
แต่ทั้งขอบคุณพี่แท๊กเลยนะ ที่มาเร็ว เพราะถ้ามาช้า คงได้มีวิ่ง อีกแน่ๆ
บ๊ายบาย นะเป๋า เจอกันอีกที ฮาเนดะ แจแปนเลยนะ
(ผมจอง AirAsiaX แบบโปรที่ต้องไปต่อเครื่องที่กัวลาฯ อ่ะครับ เลยต้องเสียเวลาไป ประมาณ 3-4 ชม. แต่ประหยัดไปได้ หลายพันอยู่นะ)
หลังจากเช็คอิน – ผ่าน ตม. มาเรียบร้อย ก็จะได้เจอกับ Dutyfree Shop ทั้งหลาย
ซึ่งตอนนี้ เป็นจังหวะเดียวกับที่ แฟนได้หายไปแล้ว หายไปในช็อปทั้งหลายเหล่านั้น
ผมเลยมีโอกาสเดินดูโน่น นี่ นั่น เพราะไม่สามารถตามเข้าไปได้จริง
เพราะกลิ่นน้ำหอมในนั้นแรงมากทำลายโสตประสาท รับรู้กลิ่นอันไวของไอ่ตัวที่อยู่ในปากผม สงสารมัน
ซุ้มนี้มันคือซุ้มอะไรไม่รู้ รู้แต่พวกที่นอนอยู่นั่น เพลินอ่ะ
แล้วก็ บินกันเล้ยยยยยยยยยยยย
ว้าวววว เห็นแล้ว ๆๆ เห็นแผ่นดินมาเลเซียแล้ว
แต่อีกสิ่งที่ต้องเตรียมใจรับหลังจากลงเครื่องก็คือ
การต้องเดินตากแดดไกลๆจากรันเวย์ เข้าไปที่อาคารผู้โดยสาร
ซึ่งจะได้อารมณ์ ของการหลบหนีเข้าเมืองแบบท่าเรือ
แต่อยู่ในสนามบิน ไม่เหมือนใคร เจ๋งป่ะ
หลังจากผ่าน ตม.ของมาเลย์ เรียบร้อย ก็ ไปนั่งรอเพื่อต่อเครื่อง
(อ้อ ถ้าบิน แบบ AirAsiaX นี้ไม่ต้องไปผ่าน ตม.ก็ได้ เข้าช่องซ้าย ทรานซิสไฟล ได้เลย ซึ่ง
แต่ดีกว่าตรงที่ ไม่มีไรให้กินเลย มีก็แพงชิบ) เพราะฉะนั้น เช็คอินเสร็จ มุดเชือกออกมา ไปผ่าน ตม. ก่อนก็ได้ จะได้มีตัวเลือกให้กินเยอะ
หรือจะไปกินส่วนห้องอาหาร พนักงานก็ได้ ถูกกว่าในอาคารผู้โดยสาร
น้ำขวดนี้ ถูกที่สุด ในอาคารผู้โดยสารหลังนี้ละ 1.5 ริงกิต แต่ต้องเข้าไปซื้อในซุปเปอร์เล็กๆมุมในสุดเลยนะ พวกร้านแซนวิช แพง
และแล้วก็ได้มุ่งหน้าสู่ โตเกียวซะที
ก่อนถึง ญี่ปุ่น อยู่บนเครื่อง ผู้โดยสารก็ พากันสั่งอาหารกันใหญ่ แอร์ฯก็เสริฟ เพลินเลย
เราอุตส่าห์รีบหลับแล้วนะจะได้ไม่เสียตัง แต่แอร์ก็เดิน มาถามจัง
สุดท้ายทนไม่ไหว เลยจัดอาหารถูกสุดในเมนู มา คนละกระป๋อง
ให้อุ่นๆท้อง แล้วหลับสบายยยยยย เจอกัน ห้าทุ่ม แจแปนนะ
(ขอบคุณที่แวะมาอ่านนะครับ เดี๋ยว อ่านต่อ Part 3 ที่ ถึงญี่ปุ่นละจร้าาาาา…นะครับ )