วันนี้( 11 ก.พ.) พล.ต.ต.ปิยะ อุทาโย โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้ชี้แจงความคืบหน้าเพิ่มเติมเกี่ยวกับข้อมูลการตรวจสอบการจัดสร้างสถานีตำรวจ 396 แห่ง ผ่านทางอีเมล์ดังนี้
ตามที่มีผู้ให้ข่าวปรากฏต่อสาธารณชนว่าสำนักงานตำรวจแห่งชาติและรัฐบาลไม่ดำเนินการให้เป็นไปตามเงื่อนไขสัญญาฯ มีการต่อเวลาหรือขยายให้กับบริษัทพีซีซีฯถึง 3 ครั้ง ครั้งละ 60 วัน รวมต่อสัญญา 180 วัน เป็นเหตุให้ราชการเสียหายไม่ได้ค่าปรับถึง 1,026 ล้านบาท กรณีดังกล่าวไม่เป็นความจริงแต่อย่างใด การบริหารโครงการและดำเนินการให้เป็นไปตามเงื่อนไขของสัญญานั้น มีคณะกรรมการตรวจการจ้างฯตรวจสอบอยู่ตามกฎหมาย การขอขยายสัญญานั้น สามารถดำเนินการได้ตามกฎหมาย เป็นไปตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีฯ ว่าด้วยการพัสดุและประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ฯ
ทั้งนี้ตามระเบียบและกฎหมายดังกล่าวได้ระบุเหตุผลการขยายสัญญามีหลักการใหญ่ๆคือ
1. เหตุที่เกิดจากข้อบกพร่องของผู้ว่าจ้าง เช่น ส่งมอบพื้นที่บางแห่งไม่ทันเวลาฯ
2. เหตุสุดวิสัยตามกฎหมายเช่น เหตุภัยธรรมชาติฯ ในกรณีนี้คือเหตุอุทกภัย เมื่อปลายปี 2554 ต่อต้นปี2555
3. เหตุที่ผู้รับจ้างไม่ต้องรับผิดชอบตามกฎหมาย เช่น การสั่งซื้อสินค้าจากต่างประเทศ แล้วผู้ผลิตไม่สามารถผลิตสินค้าได้ทัน เป็นต้น
ดังนั้น การขยายสัญญาการสร้างสถานีตำรวจฯครั้งนี้ จึงเป็นไปตามระเบียบและข้อกฎหมายข้างต้น ผู้อนุมัติให้ขยายสัญญาคือ ผู้บัญชาการสำนักงานส่งกำลังบำรุง (ผบช.สกบ.) ซึ่งเป็นผู้ลงนามในสัญญาจ้าง และไม่มีส่วนเกี่ยวข้องแต่อย่างใดกับรัฐบาลหรือผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติแต่อย่างใด ข้อความที่กล่าวหามานั้น จึงเป็นเท็จไม่ตรงกับความเป็นจริง
ส่วนกรณีที่มีผู้ให้ข่าวว่า พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ ซึ่งขณะดำรงตำแหน่ง ผู้ช่วย ผบ.ตร.เป็นประธานคณะกรรมการจัดทำขอบเขตการก่อสร้าง(TOR) ในการจัดสร้างสถานีตำรวจรวมสัญญาเดียวแบบบริษัทเดียวทั้ง 396 แห่ง รวมทั้งลงนามให้จ่ายเงินล่วงหน้าร้อยละ 15 ให้แก่บริษัทที่ชนะการประมูลไปก่อนนั้น ขอเรียนชี้แจงว่าไม่เป็นความจริงแต่อย่างใด เป็นการกล่าวหากันโดยไม่เป็นไปตามข้อเท็จจริง เพราะความจริงแล้ว พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ มิได้มีส่วนเกี่ยวข้องในการเป็นประธานหรือจัดทำขอบเขตการก่อสร้างสถานีตำรวจรวมสัญญาแบบบริษัทเดียวดังกล่าว ข้อเท็จจริงการจัดทำขอบเขตการก่อสร้างและมีเงื่อนไขจ่ายเงินล่วงหน้าร้อยละ 15 ให้กับบริษัทที่ชนะการประมูลนั้นมี พล.ต.ท.ธีรยุทธ กิตติวัฒน์ ผู้บัญชาการสำนักงานส่งกำลังบำรุง (ผบช.สกบ.)ขณะนั้น เป็นผู้ลงนาม พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ จึงไม่มีส่วนเกี่ยวข้องในเรื่องนี้ ตามเหตุผลข้างต้น สำนักงานตำรวจแห่งชาติ จีงขอนำเรียนข้อมูลที่เป็นข้อเท็จจริงให้กับประชาชนและสาธารณชนได้รับทราบ จะได้เข้าใจได้ถูกต้อง
ไม่รู้ว่า สลิ่ม แมงสาป จะเข้ามาอ่านหรือเปล่า ได้เพียงหวังว่าจะให้พวกเขาเข้าใจว่า พงศพัศ ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการรวมสัญญา หรือ เสนอ-สนอง ให้มีการจ่ายเงินล่วงหน้า 15%
วันก่อน นายธาริตก็ออกมาให้ข่าวว่าด้วยเรื่องความผิดของ นายสุเทพ แล้วว่า แม้จะเป็นคนอนุมัติ ตามคำเสนอของ พล.ต.อ. ประทีป คนอนุมัติ
ก็มีความผิดเช่นกัน
[กระทู้เกินสามบรรทัด] คำอธิบายว่าด้วยทำไม พงศพัศ ไม่ได้เกี่ยวข้องกับการรวมสัญญา และ จ่ายเงินล่วงหน้า 15%
ตามที่มีผู้ให้ข่าวปรากฏต่อสาธารณชนว่าสำนักงานตำรวจแห่งชาติและรัฐบาลไม่ดำเนินการให้เป็นไปตามเงื่อนไขสัญญาฯ มีการต่อเวลาหรือขยายให้กับบริษัทพีซีซีฯถึง 3 ครั้ง ครั้งละ 60 วัน รวมต่อสัญญา 180 วัน เป็นเหตุให้ราชการเสียหายไม่ได้ค่าปรับถึง 1,026 ล้านบาท กรณีดังกล่าวไม่เป็นความจริงแต่อย่างใด การบริหารโครงการและดำเนินการให้เป็นไปตามเงื่อนไขของสัญญานั้น มีคณะกรรมการตรวจการจ้างฯตรวจสอบอยู่ตามกฎหมาย การขอขยายสัญญานั้น สามารถดำเนินการได้ตามกฎหมาย เป็นไปตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีฯ ว่าด้วยการพัสดุและประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ฯ
ทั้งนี้ตามระเบียบและกฎหมายดังกล่าวได้ระบุเหตุผลการขยายสัญญามีหลักการใหญ่ๆคือ
1. เหตุที่เกิดจากข้อบกพร่องของผู้ว่าจ้าง เช่น ส่งมอบพื้นที่บางแห่งไม่ทันเวลาฯ
2. เหตุสุดวิสัยตามกฎหมายเช่น เหตุภัยธรรมชาติฯ ในกรณีนี้คือเหตุอุทกภัย เมื่อปลายปี 2554 ต่อต้นปี2555
3. เหตุที่ผู้รับจ้างไม่ต้องรับผิดชอบตามกฎหมาย เช่น การสั่งซื้อสินค้าจากต่างประเทศ แล้วผู้ผลิตไม่สามารถผลิตสินค้าได้ทัน เป็นต้น
ดังนั้น การขยายสัญญาการสร้างสถานีตำรวจฯครั้งนี้ จึงเป็นไปตามระเบียบและข้อกฎหมายข้างต้น ผู้อนุมัติให้ขยายสัญญาคือ ผู้บัญชาการสำนักงานส่งกำลังบำรุง (ผบช.สกบ.) ซึ่งเป็นผู้ลงนามในสัญญาจ้าง และไม่มีส่วนเกี่ยวข้องแต่อย่างใดกับรัฐบาลหรือผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติแต่อย่างใด ข้อความที่กล่าวหามานั้น จึงเป็นเท็จไม่ตรงกับความเป็นจริง
ส่วนกรณีที่มีผู้ให้ข่าวว่า พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ ซึ่งขณะดำรงตำแหน่ง ผู้ช่วย ผบ.ตร.เป็นประธานคณะกรรมการจัดทำขอบเขตการก่อสร้าง(TOR) ในการจัดสร้างสถานีตำรวจรวมสัญญาเดียวแบบบริษัทเดียวทั้ง 396 แห่ง รวมทั้งลงนามให้จ่ายเงินล่วงหน้าร้อยละ 15 ให้แก่บริษัทที่ชนะการประมูลไปก่อนนั้น ขอเรียนชี้แจงว่าไม่เป็นความจริงแต่อย่างใด เป็นการกล่าวหากันโดยไม่เป็นไปตามข้อเท็จจริง เพราะความจริงแล้ว พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ มิได้มีส่วนเกี่ยวข้องในการเป็นประธานหรือจัดทำขอบเขตการก่อสร้างสถานีตำรวจรวมสัญญาแบบบริษัทเดียวดังกล่าว ข้อเท็จจริงการจัดทำขอบเขตการก่อสร้างและมีเงื่อนไขจ่ายเงินล่วงหน้าร้อยละ 15 ให้กับบริษัทที่ชนะการประมูลนั้นมี พล.ต.ท.ธีรยุทธ กิตติวัฒน์ ผู้บัญชาการสำนักงานส่งกำลังบำรุง (ผบช.สกบ.)ขณะนั้น เป็นผู้ลงนาม พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ จึงไม่มีส่วนเกี่ยวข้องในเรื่องนี้ ตามเหตุผลข้างต้น สำนักงานตำรวจแห่งชาติ จีงขอนำเรียนข้อมูลที่เป็นข้อเท็จจริงให้กับประชาชนและสาธารณชนได้รับทราบ จะได้เข้าใจได้ถูกต้อง
ไม่รู้ว่า สลิ่ม แมงสาป จะเข้ามาอ่านหรือเปล่า ได้เพียงหวังว่าจะให้พวกเขาเข้าใจว่า พงศพัศ ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการรวมสัญญา หรือ เสนอ-สนอง ให้มีการจ่ายเงินล่วงหน้า 15%
วันก่อน นายธาริตก็ออกมาให้ข่าวว่าด้วยเรื่องความผิดของ นายสุเทพ แล้วว่า แม้จะเป็นคนอนุมัติ ตามคำเสนอของ พล.ต.อ. ประทีป คนอนุมัติ
ก็มีความผิดเช่นกัน