สวัสดีครับ หลังจากที่ได้ห่างเหินการรีวิวไปนานประกอบกับพี่ Coffee Blended บอกว่า “ ซัมจั๋งมัวแต่เที่ยวแต่ไม่ยอมลงรีวิวสักที ” วันนี้เลยเป็นโอกาสดีที่ผมจะพาทุกๆท่านไปเที่ยว 8 ประเทศทในทวีปยุโรปครับ สำหรับในตอนแรก : Slow Introduction นี้ ผมจะพูดถึงสถานที่ท่องเที่ยวที่เป็น Highlight ในการเดินทางครั้งนี้ของผม เส้นทางการเดินทาง การเตรียมตัวการเดินทาง วีธีการเที่ยวรอบยุโรปแบบประหยัด ( ไบ้ให้คร่าวๆ ว่าทริปนี้ผมใช้จ่ายด้วยเงิน 5 หลัก สำหรับ 32 วันครับ ) การใช่บริการ Low-Cost Airline ของยุโรป ตลอดจนสิ่งที่ต้องระมัดระวังในแต่ละประเทศครับ
เส้นทางการเดินทาง
สำหรับเส้นทางในการเดินทางครั้งนี้ของผมอาจจะซับซ้อนนิดสักหน่อยครับ เพราะต้องกลับมาที่ปารีสหลายๆครั้งเนื่องจากมีญาติที่ปารีสและตั้งใจเก็บกระเป๋าใหญ่ไว้ที่ปารีสครับ เวลาที่ออกเดินทางกระเป๋าจะได้ไม่ใหญ่มากทำให้มีความคล่องตัวสูงครับ เรื่องการจัดกระเป๋าจะพูดในลำดับต่อๆไปครับ มาดูเส้นทางการเดินทางสำหรับทริปนี้กันก่อนเลยดีกว่าครับ
Paris 4 คืน
Barceelona 3 คืน
Berlin 4 คืน
Budapest 5 คืน
Paris 3 คืน
Brussel ไปกลับจาก Paris
Rome 4 คืน
Istanbul 4 คืน
Paris 3 คืน
การเดินทางครั้งนี้ใช้เวลาทั้งหมด 32 วันตั้งแต่เริ่มออกจากประเทศไทยและเดินทางถึงประเทศไทยครับ
37 Trip Highlights
1. Le Louvre
พิพิทธพันธ์ Louvre เป็น Trip Highlight อันดับแรกของผมครับ ถ้ามีโอกาสได้ไปเยี่ยมปารีสก็พลาดที่จะไปพิพิทธพันธ์แห่งนี้ไม่่ได้เด็ดขาดครับ เดิมที Le louvre เป็นพระราชวังเก่าของกษัตริย์ฝรั่งเศสครับ ภายหลังได้ถูกปรับเปลี่ยนให้เป็นพิพิทธพันธ์ซึ่งรวมผลงานทางศิลปะ และ โบราณวัตถุ ชั้นนำของโลกไว้มากมาย อาทิเช่น ภาพวาด Mona Lisa , Venus de Milo , รูปปั้น WingedVictory of Samothrace และ อื่นๆอีกมากมายครับ สำหรับคนที่ชื่นชอบผลงานศิลปะผมเชื่อว่า 1 วันเต็มใน Le Louvre คงไม่เพียงพอครับ
2. Budapest Parliament
รัฐสภาของ Budapest เป็นอะไรที่เซอไพรซ์ผมมากๆเลยครับ เนื่องจากคิดว่าพอเป็นรัฐสภาภายในก็ไม่น่ามีอะไรมาก ประกอบกับการเข้าก็ค่อนข้างยากมากครับเพราะจะต้องตื่นแต่เช้าเพื่อมาจองคิวเข้า ซึ่งแต่ละวันจะจำกัดนักท่องเที่ยวซึ่งต้องเข้าไปพร้อมๆกันเป็นกลุ่มซึ่งจะมีคนพานำเดิน และค่าเข้าก็ค่อนข้างแพงมากครับ แต่เพียงแค่ก้าวแรกที่เหยียบเข้าไปก็รู้สึกว่าเกือบจะพลาดแล้วเรา ภายในตกแต่งได้วิจิตรมากๆครับเน้นใช้สีทอง ในบางห้องจะใช้ทองคำแท้ั้งห้องครับ ส่วนตัวผมว่าที่นี้สวยกว่าพระราชวัง Versailles ของฝรั่งเศสครับ
3. Antoni Guadi Architecture
สถาปัตยกรรมของ Antoni Guadi เป็นสถาปัตยกรรมที่มีเอกลักษณ์มากครับ สถาปัตยกรรมของ Guadi จะอยู่ที่เมือง Barcelona ประเทศ Spain ครับ ลักษณะสำคัญของสถาปัตยกรรมแบบ Guadi คือจะไม่ใช้เส้นตรงในการออกแบบอาคาร และส่วนใหญ่ Guadi ได้รับอิทธิพลจากธรรมชาติมาผสมผสานในงานออกแบบของเขาครับ
4.Paris
เมืองที่ Romantic ที่สุดในทริปนี้ครับ ไม่ว่าคุณจะเดินไปที่ไหนในปารีสผมเชื่อว่าคุณจะสัมผัสถึงความ Romantic ของเมืองนี้ได้ครับ
5. St.Peter Basilica
โบสถ์ St.Peter ตั้งอยู่ที่นครวาติกันถูกตั้งชื่อตามพระสันตะปาปาองค์แรกของศาสนาคริสต์ ถึงแม้ว่าโบสถ์ St. Peterจะไม่ได้เป็นโบสถ์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก แต่คุณจะสามารถสัมผัสความอลังการ และ การแต่งแต่งอย่างวิจิตรทุกตารางนิ้วของโบสถ์แห่งนี้่ครับ และภายในก็ยังรวมศิลปะชั้นครูของโลกไว้มากมาย อาทิเช่น รูปปั้น Pieta ของ Michael Angelo ครับ
6. Anne Franck Museum
ถึงแม้ว่าพิพิทธพันธ์แห่งนี้จะเป็นเพียงพิพิทธพันธ์ขนาดเล็กที่ไม่ค่อยมีผู้มาเยี่ยมชมมากนัก แต่พิพิทธพันธ์แห่งนี้ก็ทำให้ผมประทับใจมากครับ และทำให้ผมเลือกที่นี้เป็น Highlight อันดับที่ 6 ในทรืปนี้ของผม ผมเชื่อว่าผู้ที่ได้มาเยือนพิพิธพันธ์แห่งนี้จะต้องรู้สึกสะเทือนใจถึงแม้จะไม่เคยรู้เรื่องราวของเธอมาก่อนเลยก็ตามครับ
7. Autumn in Europe
Autumn เป็นช่วงเวลาที่ผมชอบมากที่สุดในการไปเที่ยวต่างประเทศ ถึงแม้ว่าอากาศจะไม่ค่อยดี ฟ้าครึ้มฝนตก แต่บรรยากาศของใบไม้สีส้มที่กำลังร่วงลงมาทำให้ผมรักฤดูนี้มากที่สุดครับ
8. Budget Plan
หลายๆคนคงคิดว่าการไปเที่ยวยุโรปเป็นอะไรที่สิ้นเปลืองมาก อาจจะต้องหมดเงินไปหลายๆแสน แต่ถ้ารู้วิธี ยุโรปก็ไม่แพงอย่างที่คิดเลยครับ ในชุดรีวิวนี้ผมจะพูดถึงวิธีการใช้เงินในโรปอย่างประหยัดครับ
9. Dolmabahce Palace
พระราชวังแห่งนี้เคยเป็นที่พักอาศัยของสุลต่านแห่งออตโตมันครับ ภายในตกแต่งด้วยทองคำแท้จำนวนมากครับ ไกด์ของพระราชวังได้บอกกับผมว่า ทุกๆสิ่งที่คุณเห็นที่เป็นสีเหลืองเป็นทองคำแท้ทั้งหมด แต่ Highlight ของพระราชวังนี้คิอห้องโถงที่ประดับด้วย Chandelier คริสตัลที่ประกอบไปด้วยโคมเทียน 750 เล่ม มีน้ำหนักกว่า 4.5 ตันครับ
10. Sagrada Familia
โบสถ์แห่งนี้ถูกออกแบบโดย Antoni Guadi โดยการว่าจ้างของครอบครัว Sagrada ในขณะที่ได้เริ่มก่อสร้างไปส่วนหนึ่งแล้ว เมื่อ Picasso ได้เห็นโบสถ์แห่งนี้ก็ได้พูดไว้ว่า “ ส่ง Gaudi และ ครอบครัว Sagrada ไปลงนรก “ แต่การเวลาก็ได้พิสูจน์แล้วว่าความคิดของ Guadi นั้นได้ล้ำหน้าไปมากกว่า Picasso มาก ปัจจุบันโบสถ์แห่งได้ใช้เวลาสร้างมาแล้ว 130 ปี และยังคงสร้างไม่เสร็จ
11. Street Performance
Street Performance ทำให้เมืองในยุโรปดูมีชีวิตชีวามากๆครับ
12. Reichstag
รัฐสภาของประเทศเยอรมันนี ยอดโดมของตัวตึกจะเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชมสามารถมองไปรอบๆทั่วตัวเมือง Berlin ได้ครับ ถ้าใครไปเที่ยว Berlin ผมแนะนำให้มาที่นี้ที่แรกครับ ภายใต้โดมนี้จะเป็นที่ประชุมรัฐสภาครับ ถ้าโชคดีก็จะเห็นเหล่านักการเมืองเยอรมันนีกำลังประชุมกันครับ
13. Hagia Sofia
ความผสมผสานระหว่าง ตะวันตกกับตะวันออก คริสต์และมุสลิม ถูกผสมผสานอย่างกลมเกลือนไว้ที่ Hagia Sofia แห่งนี้ครับ
14. Trevi Fountain
ตำนานบอกว่าถ้าคุณโยนเหรียญลงในบ่อน้ำพุนี้ คุณจะได้กลับมาเยือน Roma อีกครั้งครับ
15. Island Museums
ถ้าใครชอบพิพิทธพันธ์หลาดที่นี้ไม่ได้เด็ดขาดครับ Island Museum เป็นเกาะเล็กๆในเมือง Berlin ที่ประกอบไปด้วยพิพิทธพันธ์ชั้นนำของโลก 5 แห่ง และ Highlight สำคัญที่สุดคือ Pergamon Museum ครับ
6. Vatican Museum
ถ้าต้องเลือกว่าจะเข้าพิพิทธพันธ์เพียงแห่งเดียวในยุโรป ผมขอเลือกที่นี้ครับ Highlight ของที่นี้คือ Rafael Room และ Sistine Chapel ครับ
17. Sultan Ahmet Mosque
18. Beaujolais Nouveau Wine
ถ้าพูดถึงฝรั่งเศสก็ต้องนึกถึงไวน์ แต่ไวน์ Beaujolais Nouveau นี้เป็นไวน์ที่พึ่งออกใหม่ของแต่ละปีครับ เขามีโอกาสได้ไปฝรั่งเศสช่วงเดือนพฤษจิกาลองหามาชิมดูครับไม่ผิดหวังแน่นอนครับ
19. Street Music Performance
หนึ่งในสาเหตุที่ผมหลังรักยุโรปก็เพราะไม่ว่าจะเดินไปที่ไหนก็แทบจะได้ยินเสียงดนตรีตลอดเวลาครับ และนักดนตรีเหล่านี้ก็ไม่ธรรมดากันด้วยครับ ฝีมืิอลำดับเทพๆกันทั้งนั้น ผมเคยเจอเด็ก้ชายเดินขึ้นมาพร้อมกับไวโอลินและเล่นเพลง Paganini Caprice No.24
20. Italian Food
ไม่ว่าจะไปทานร้านไหนใน Italy ก็อร่อยทุกร้านครับ
21. Jewish Museum
พิพิท์พันธ์ยิวแห่งนี้ถูกสร้างที่เมือง Berlin ภายในจัดแสดงประหวัดความเป็นมาของชาวยิว ตลอดจนการสังหารหมู่ของนาซี แต่ Highlight สำคัญของที่นี้คือ Holocaust Room ที่ทำให้ผมรู้สึกเข้าใจคนยิวที่จะถูกสังหารในห้องลมก้าซเลยครับ
22. Park Guell
23. Grand Bazaar
คุณสามารถหาทุกอย่างได้บน Grand Bazaar แห่งนี้ครับ
24. Versailles
25. Danube River
26. Grand Place
27. Colosseum
28. Belgian Waffle
ถ้าใครมีโอกาสได้ไปเยี่ยม Belgium แล้วอย่าลืมทาน Waffle นะครับ
29. Champs-Élysées
ถนน Shopping ใจกลางเมืองที่ใครไป Paris ก็ต้องแวะไปถนน Champs-Elysées สายนี้ ตลอดถนนสายนี้เต็มไปด้วยแบรนด์แฟชั่นชั้นนำของโลก รวมถึง Louis Vuitton สาขาที่ใหญ่ที่สุดในโลกก็ตั้งอยู่บนถนนสายนี้ครับ ใครมีโอกาสได้ไป Paris ก็อย่าลืมไปเดินถนนสายนี้ยามเย็นตอนพระอาทิตย์กำลังลับขอบฟ้ากันนะครับ Romantic มากๆครับ
30. Travel Budget with Europe Low-Cost Airline
31. Apple Store , Barcelona
Apple store สาขานี้เป็นสาขาที่ใหญ่ที่สุดในโลกตรับ
32.Bosphorus Cruise
ช่องแคบ Bosphorus เป็นช่องแคบที่แคบที่สุดในโลกครับเชื่อมต่อระหว่างทวีปเอเชียและยุโรป การล่องเรือชมทวีปสองทวีปในเวลาพร้อมกันเป็นอะไรที่น่าตื่นตาตื่นใจมากครับ
33. Get Lost in Barcelona
บางทีถ้าอยากจะเจออะไรแปลกๆไม่ได้อยู่ในเส้นทางการเดินทางก็ลองปิด GPS แล้วเดินไปเรื่อยๆครับ บางทีอาจะพบอะไรดีๆแบบที่ผมเจอก็ได้ครับ
[CR] [ KOSMO ] Series Review - The 32 Days of Unexpected Journey in Europe : Part 1 Europe Slow Introduction ....
สวัสดีครับ หลังจากที่ได้ห่างเหินการรีวิวไปนานประกอบกับพี่ Coffee Blended บอกว่า “ ซัมจั๋งมัวแต่เที่ยวแต่ไม่ยอมลงรีวิวสักที ” วันนี้เลยเป็นโอกาสดีที่ผมจะพาทุกๆท่านไปเที่ยว 8 ประเทศทในทวีปยุโรปครับ สำหรับในตอนแรก : Slow Introduction นี้ ผมจะพูดถึงสถานที่ท่องเที่ยวที่เป็น Highlight ในการเดินทางครั้งนี้ของผม เส้นทางการเดินทาง การเตรียมตัวการเดินทาง วีธีการเที่ยวรอบยุโรปแบบประหยัด ( ไบ้ให้คร่าวๆ ว่าทริปนี้ผมใช้จ่ายด้วยเงิน 5 หลัก สำหรับ 32 วันครับ ) การใช่บริการ Low-Cost Airline ของยุโรป ตลอดจนสิ่งที่ต้องระมัดระวังในแต่ละประเทศครับ
เส้นทางการเดินทาง
สำหรับเส้นทางในการเดินทางครั้งนี้ของผมอาจจะซับซ้อนนิดสักหน่อยครับ เพราะต้องกลับมาที่ปารีสหลายๆครั้งเนื่องจากมีญาติที่ปารีสและตั้งใจเก็บกระเป๋าใหญ่ไว้ที่ปารีสครับ เวลาที่ออกเดินทางกระเป๋าจะได้ไม่ใหญ่มากทำให้มีความคล่องตัวสูงครับ เรื่องการจัดกระเป๋าจะพูดในลำดับต่อๆไปครับ มาดูเส้นทางการเดินทางสำหรับทริปนี้กันก่อนเลยดีกว่าครับ
Paris 4 คืน
Barceelona 3 คืน
Berlin 4 คืน
Budapest 5 คืน
Paris 3 คืน
Brussel ไปกลับจาก Paris
Rome 4 คืน
Istanbul 4 คืน
Paris 3 คืน
การเดินทางครั้งนี้ใช้เวลาทั้งหมด 32 วันตั้งแต่เริ่มออกจากประเทศไทยและเดินทางถึงประเทศไทยครับ
37 Trip Highlights
1. Le Louvre
พิพิทธพันธ์ Louvre เป็น Trip Highlight อันดับแรกของผมครับ ถ้ามีโอกาสได้ไปเยี่ยมปารีสก็พลาดที่จะไปพิพิทธพันธ์แห่งนี้ไม่่ได้เด็ดขาดครับ เดิมที Le louvre เป็นพระราชวังเก่าของกษัตริย์ฝรั่งเศสครับ ภายหลังได้ถูกปรับเปลี่ยนให้เป็นพิพิทธพันธ์ซึ่งรวมผลงานทางศิลปะ และ โบราณวัตถุ ชั้นนำของโลกไว้มากมาย อาทิเช่น ภาพวาด Mona Lisa , Venus de Milo , รูปปั้น WingedVictory of Samothrace และ อื่นๆอีกมากมายครับ สำหรับคนที่ชื่นชอบผลงานศิลปะผมเชื่อว่า 1 วันเต็มใน Le Louvre คงไม่เพียงพอครับ
2. Budapest Parliament
รัฐสภาของ Budapest เป็นอะไรที่เซอไพรซ์ผมมากๆเลยครับ เนื่องจากคิดว่าพอเป็นรัฐสภาภายในก็ไม่น่ามีอะไรมาก ประกอบกับการเข้าก็ค่อนข้างยากมากครับเพราะจะต้องตื่นแต่เช้าเพื่อมาจองคิวเข้า ซึ่งแต่ละวันจะจำกัดนักท่องเที่ยวซึ่งต้องเข้าไปพร้อมๆกันเป็นกลุ่มซึ่งจะมีคนพานำเดิน และค่าเข้าก็ค่อนข้างแพงมากครับ แต่เพียงแค่ก้าวแรกที่เหยียบเข้าไปก็รู้สึกว่าเกือบจะพลาดแล้วเรา ภายในตกแต่งได้วิจิตรมากๆครับเน้นใช้สีทอง ในบางห้องจะใช้ทองคำแท้ั้งห้องครับ ส่วนตัวผมว่าที่นี้สวยกว่าพระราชวัง Versailles ของฝรั่งเศสครับ
3. Antoni Guadi Architecture
สถาปัตยกรรมของ Antoni Guadi เป็นสถาปัตยกรรมที่มีเอกลักษณ์มากครับ สถาปัตยกรรมของ Guadi จะอยู่ที่เมือง Barcelona ประเทศ Spain ครับ ลักษณะสำคัญของสถาปัตยกรรมแบบ Guadi คือจะไม่ใช้เส้นตรงในการออกแบบอาคาร และส่วนใหญ่ Guadi ได้รับอิทธิพลจากธรรมชาติมาผสมผสานในงานออกแบบของเขาครับ
4.Paris
เมืองที่ Romantic ที่สุดในทริปนี้ครับ ไม่ว่าคุณจะเดินไปที่ไหนในปารีสผมเชื่อว่าคุณจะสัมผัสถึงความ Romantic ของเมืองนี้ได้ครับ
5. St.Peter Basilica
โบสถ์ St.Peter ตั้งอยู่ที่นครวาติกันถูกตั้งชื่อตามพระสันตะปาปาองค์แรกของศาสนาคริสต์ ถึงแม้ว่าโบสถ์ St. Peterจะไม่ได้เป็นโบสถ์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก แต่คุณจะสามารถสัมผัสความอลังการ และ การแต่งแต่งอย่างวิจิตรทุกตารางนิ้วของโบสถ์แห่งนี้่ครับ และภายในก็ยังรวมศิลปะชั้นครูของโลกไว้มากมาย อาทิเช่น รูปปั้น Pieta ของ Michael Angelo ครับ
6. Anne Franck Museum
ถึงแม้ว่าพิพิทธพันธ์แห่งนี้จะเป็นเพียงพิพิทธพันธ์ขนาดเล็กที่ไม่ค่อยมีผู้มาเยี่ยมชมมากนัก แต่พิพิทธพันธ์แห่งนี้ก็ทำให้ผมประทับใจมากครับ และทำให้ผมเลือกที่นี้เป็น Highlight อันดับที่ 6 ในทรืปนี้ของผม ผมเชื่อว่าผู้ที่ได้มาเยือนพิพิธพันธ์แห่งนี้จะต้องรู้สึกสะเทือนใจถึงแม้จะไม่เคยรู้เรื่องราวของเธอมาก่อนเลยก็ตามครับ
7. Autumn in Europe
Autumn เป็นช่วงเวลาที่ผมชอบมากที่สุดในการไปเที่ยวต่างประเทศ ถึงแม้ว่าอากาศจะไม่ค่อยดี ฟ้าครึ้มฝนตก แต่บรรยากาศของใบไม้สีส้มที่กำลังร่วงลงมาทำให้ผมรักฤดูนี้มากที่สุดครับ
8. Budget Plan
หลายๆคนคงคิดว่าการไปเที่ยวยุโรปเป็นอะไรที่สิ้นเปลืองมาก อาจจะต้องหมดเงินไปหลายๆแสน แต่ถ้ารู้วิธี ยุโรปก็ไม่แพงอย่างที่คิดเลยครับ ในชุดรีวิวนี้ผมจะพูดถึงวิธีการใช้เงินในโรปอย่างประหยัดครับ
9. Dolmabahce Palace
พระราชวังแห่งนี้เคยเป็นที่พักอาศัยของสุลต่านแห่งออตโตมันครับ ภายในตกแต่งด้วยทองคำแท้จำนวนมากครับ ไกด์ของพระราชวังได้บอกกับผมว่า ทุกๆสิ่งที่คุณเห็นที่เป็นสีเหลืองเป็นทองคำแท้ทั้งหมด แต่ Highlight ของพระราชวังนี้คิอห้องโถงที่ประดับด้วย Chandelier คริสตัลที่ประกอบไปด้วยโคมเทียน 750 เล่ม มีน้ำหนักกว่า 4.5 ตันครับ
10. Sagrada Familia
โบสถ์แห่งนี้ถูกออกแบบโดย Antoni Guadi โดยการว่าจ้างของครอบครัว Sagrada ในขณะที่ได้เริ่มก่อสร้างไปส่วนหนึ่งแล้ว เมื่อ Picasso ได้เห็นโบสถ์แห่งนี้ก็ได้พูดไว้ว่า “ ส่ง Gaudi และ ครอบครัว Sagrada ไปลงนรก “ แต่การเวลาก็ได้พิสูจน์แล้วว่าความคิดของ Guadi นั้นได้ล้ำหน้าไปมากกว่า Picasso มาก ปัจจุบันโบสถ์แห่งได้ใช้เวลาสร้างมาแล้ว 130 ปี และยังคงสร้างไม่เสร็จ
11. Street Performance
Street Performance ทำให้เมืองในยุโรปดูมีชีวิตชีวามากๆครับ
12. Reichstag
รัฐสภาของประเทศเยอรมันนี ยอดโดมของตัวตึกจะเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชมสามารถมองไปรอบๆทั่วตัวเมือง Berlin ได้ครับ ถ้าใครไปเที่ยว Berlin ผมแนะนำให้มาที่นี้ที่แรกครับ ภายใต้โดมนี้จะเป็นที่ประชุมรัฐสภาครับ ถ้าโชคดีก็จะเห็นเหล่านักการเมืองเยอรมันนีกำลังประชุมกันครับ
13. Hagia Sofia
ความผสมผสานระหว่าง ตะวันตกกับตะวันออก คริสต์และมุสลิม ถูกผสมผสานอย่างกลมเกลือนไว้ที่ Hagia Sofia แห่งนี้ครับ
14. Trevi Fountain
ตำนานบอกว่าถ้าคุณโยนเหรียญลงในบ่อน้ำพุนี้ คุณจะได้กลับมาเยือน Roma อีกครั้งครับ
15. Island Museums
ถ้าใครชอบพิพิทธพันธ์หลาดที่นี้ไม่ได้เด็ดขาดครับ Island Museum เป็นเกาะเล็กๆในเมือง Berlin ที่ประกอบไปด้วยพิพิทธพันธ์ชั้นนำของโลก 5 แห่ง และ Highlight สำคัญที่สุดคือ Pergamon Museum ครับ
6. Vatican Museum
ถ้าต้องเลือกว่าจะเข้าพิพิทธพันธ์เพียงแห่งเดียวในยุโรป ผมขอเลือกที่นี้ครับ Highlight ของที่นี้คือ Rafael Room และ Sistine Chapel ครับ
17. Sultan Ahmet Mosque
18. Beaujolais Nouveau Wine
ถ้าพูดถึงฝรั่งเศสก็ต้องนึกถึงไวน์ แต่ไวน์ Beaujolais Nouveau นี้เป็นไวน์ที่พึ่งออกใหม่ของแต่ละปีครับ เขามีโอกาสได้ไปฝรั่งเศสช่วงเดือนพฤษจิกาลองหามาชิมดูครับไม่ผิดหวังแน่นอนครับ
19. Street Music Performance
หนึ่งในสาเหตุที่ผมหลังรักยุโรปก็เพราะไม่ว่าจะเดินไปที่ไหนก็แทบจะได้ยินเสียงดนตรีตลอดเวลาครับ และนักดนตรีเหล่านี้ก็ไม่ธรรมดากันด้วยครับ ฝีมืิอลำดับเทพๆกันทั้งนั้น ผมเคยเจอเด็ก้ชายเดินขึ้นมาพร้อมกับไวโอลินและเล่นเพลง Paganini Caprice No.24
20. Italian Food
ไม่ว่าจะไปทานร้านไหนใน Italy ก็อร่อยทุกร้านครับ
21. Jewish Museum
พิพิท์พันธ์ยิวแห่งนี้ถูกสร้างที่เมือง Berlin ภายในจัดแสดงประหวัดความเป็นมาของชาวยิว ตลอดจนการสังหารหมู่ของนาซี แต่ Highlight สำคัญของที่นี้คือ Holocaust Room ที่ทำให้ผมรู้สึกเข้าใจคนยิวที่จะถูกสังหารในห้องลมก้าซเลยครับ
22. Park Guell
23. Grand Bazaar
คุณสามารถหาทุกอย่างได้บน Grand Bazaar แห่งนี้ครับ
24. Versailles
25. Danube River
26. Grand Place
27. Colosseum
28. Belgian Waffle
ถ้าใครมีโอกาสได้ไปเยี่ยม Belgium แล้วอย่าลืมทาน Waffle นะครับ
29. Champs-Élysées
ถนน Shopping ใจกลางเมืองที่ใครไป Paris ก็ต้องแวะไปถนน Champs-Elysées สายนี้ ตลอดถนนสายนี้เต็มไปด้วยแบรนด์แฟชั่นชั้นนำของโลก รวมถึง Louis Vuitton สาขาที่ใหญ่ที่สุดในโลกก็ตั้งอยู่บนถนนสายนี้ครับ ใครมีโอกาสได้ไป Paris ก็อย่าลืมไปเดินถนนสายนี้ยามเย็นตอนพระอาทิตย์กำลังลับขอบฟ้ากันนะครับ Romantic มากๆครับ
30. Travel Budget with Europe Low-Cost Airline
31. Apple Store , Barcelona
Apple store สาขานี้เป็นสาขาที่ใหญ่ที่สุดในโลกตรับ
32.Bosphorus Cruise
ช่องแคบ Bosphorus เป็นช่องแคบที่แคบที่สุดในโลกครับเชื่อมต่อระหว่างทวีปเอเชียและยุโรป การล่องเรือชมทวีปสองทวีปในเวลาพร้อมกันเป็นอะไรที่น่าตื่นตาตื่นใจมากครับ
33. Get Lost in Barcelona
บางทีถ้าอยากจะเจออะไรแปลกๆไม่ได้อยู่ในเส้นทางการเดินทางก็ลองปิด GPS แล้วเดินไปเรื่อยๆครับ บางทีอาจะพบอะไรดีๆแบบที่ผมเจอก็ได้ครับ