สวัสดีค่ะ กระทู้นี้เป็นกระทู้แก้บนของเราเองค่ะ (อ่ะแหนะ..ไม่มีรูปประกอบนะ>_<) เป็นกระทู้ที่ยาวมากและเวิ่นเว้อมาก ขออภัยล่วงหน้าหากตัวอักษรยาวเหยียดเหล่านี้จะทำให้ตาลายค่ะ
เนื่องจากก่อนหน้านี้ก่อนที่เราจะทำใจไปขอวีซ่าท่องเที่ยวญี่ปุ่น เราเครียดมากค่ะ เครียดจนต้องบนกับตัวเองว่า ถ้าชั้นผ่านนะ ชั้นจะมาตั้งกระทู้แชร์ประสบการณ์เครียดเว่อร์ๆของชั้น ให้ทุกคนรู้ว่าจริงๆแล้วการขอวีซ่ามันไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิดเลยจริงๆนะ
ที่เครียดมากก็เพราะว่า อยากไปเที่ยว แต่งานก็ไม่มี เงินก็ไม่มี อายุก็ไม่ใช่น้อยๆแล้ว ต่างประเทศก็ไม่เคยไป พาสปอร์ตก็เพิ่งจะมีกับเค้า
แถมที่เครียดหนักก็เพราะว่าไปกับแฟน (ยังไม่แต่งงาน แม้จะอายุเข้าเลขสามแล้ว) แฟนอยากไปญี่ปุ่นมากค่ะ เก็บเงินรอเป็นปีๆ แล้วถ้าเกิดวีซ่าเราไม่ผ่านเนี่ย...ก็เท่ากับว่าเราไปพาให้เค้าไม่ได้เที่ยวไปด้วยน่ะสิ...
คุณสมบัติเบื้องต้นของเรานะคะ
- เคยทำงานแต่ลาออกมาเป็นแล้ว ปัจจุบัน ว่างงานค่ะ
- เงินเก็บ 0 บาท book bank ครึ่งปีอัพทีนึง มีเงินเข้าหมุนเวียนเฉลี่ยที่ประมาณ 10,000-20,000 บาท (แฟนเอาเข้าบัญชีให้ค่ะ ไว้ให้สร้างภาพ แล้วก็ถอนออก) เงินใช้จ่ายจริงๆได้จากทางบ้านค่ะ ไม่มากมาย ใช้หมดเกลี้ยงทุกเดือนค่ะ
- มีสถานภาพเป็นนักศึกษาที่มหาวิทยาลัยเปิดแห่งหนึ่ง
- ไม่สามารถให้พ่อกับแม่เป็นผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่ายด้วย (เหตุผลส่วนตัว)
เราขอวีซ่าโดยระบุว่าตัวเองว่างงาน และให้คุณอารับรองค่าใช้จ่ายให้ค่ะ
ชื่อของเรากับคุณอาอยู่ในทะเบียนบ้านเล่มเดียวกัน นามสกุลเดียวกัน และคุณอาเป็นข้าราชการค่ะ
เอกสารที่ไปยื่นมีดังนี้ค่ะ
1.พาสปอร์ตตัวเอง (สำเนา 1ชุด)
2.ทะเบียนบ้าน (สำเนา 1ชุด) ของเราเอง กรณีมีผู้รับรองค่าใช้จ่ายก็ให้แนบสำเนาของผู้รับรองค่าใช้จ่ายไปด้วยนะคะ หรือว่ากรณีว่าผู้รับรองค่าใช้จ่ายไม่ใช่พ่อแม่ที่แท้จริงก็แนบสำเนาทะเบียนบ้านไปอีกค่ะ (พอไปถึงแล้วเจ้าหน้าที่จะตรวจเช็คให้แล้วก็โยงๆๆความสัมพันธ์ว่าเราเป็นอะไรกับผู้ออกค่าใช้จ่ายค่ะ)
3.สมุดบัญชีธนาคาร (สำเนา 1 ชุด ถ่ายทุกหน้า ทั้งเล่มค่ะ)
4.หนังสือรับรองการทำงานของผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่าย ภาษาอังกฤษ
5.หนังสือรับรองค่าใช้จ่าย ให้ผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่ายเซ็นต์ (Guarantee Letter) ภาษาอังกฤษ
6.bookbank ของผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่าย (กรณีผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่ายเป็นข้าราชการเงินเดือน 20,000+ ไม่ต้องใช้ค่ะ ตรงนี้เราไม่ได้ยื่นไป)
7.จดหมายแนะนำตัวเอง ภาษาอังกฤษ เนื้อหาหลักๆระบุว่าเราเป็นใคร ปัจจุบันทำงานอะไร (หรือไม่ได้ทำงาน) มีรายได้มาจากไหน (กรณีของเราคือใส่ว่าอาเป็นผู้ส่งเงินให้ทุกเดือนค่ะ) จะขอเข้าประเทศไปทำอะไร (ไปเที่ยว ไปช็อปปิ้ง อะไรก็ว่าไป) ที่เหลือก็เวิ่นเว้อค่ะ เราใส่ว่าเราชอบญี่ปุ่น มีความใฝ่ฝันว่าอยากไปเที่ยวนะ อะไรประมาณนี้ ตบท้ายด้วยอธิบายเค้าว่าครอบครัวเราอยู่เมืองไทยค่ะ มีภาระต้องทำอะไรบ้าง ยืนยันว่าเราจะกลับแน่นอน ^-^
8.แผนการท่องเที่ยว ดูจากในห้องนี้ก็ได้ค่ะ ลอกๆเค้าไป จะไปด้วยไฟลท์ไหน (นี่ก็โม้ไป) นอนโรงแรมอะไร (ก็โม้อีก เพราะตอนนั้นยังไม่ได้จองเลย ---ดันไปโม้โรงแรมแพงด้วยสิ เพิ่งจะเช็คราคา)
9.รูปถ่ายสองนิ้ว
10.สำเนาบัตรนักศึกษา + ใบเสร็จค่าเทอมเทอมล่าสุด (เรามีสถานภาพเป็นนักศึกษา แต่การออกหนังสือรับรองจากมหาวิทยาลัยยุ่งยากและนานมากค่ะ เลยมั่วนิ่มใช้อันนี้แทน)
เท่านี้ค่ะ ที่เหลือเป็นใบ Visa Applicant ไปกรอกที่โน่นก็ได้ค่ะ เราตื่นเต้นจัดกรอกผิดไปสี่ชุดถ้วน
แล้วก็ไปยื่นค่ะ เค้าถามอะไรก็ตอบไปค่ะ ยิ้มๆสวยๆ ในใบ Visa Applicant ส่วนไหนที่ไม่เข้าใจก็ว่างไว้ค่ะ แล้วค่อยไปถามเจ้าหน้าที่เอา บางเคสมีขอเอกสารเพิ่ม ที่นั่นมีบริการถ่ายเอกสารนะคะ อ้อ เจ้าหน้าที่น่ารักมากนะคะขอบอก เรายื่นกับช่อง 9 ค่ะ ได้ยินเค้าเรียกกันว่าคุณโมโมะ (เป็นหนุ่มน้อย)แอร๊ยยย ไอ้ที่เครียดๆมานี่มองเจ้าหน้าที่แถวนี้เพลินๆก็ลืมเครียดไปครึ่งนึงละค่ะ
************************************
ที่เหลือก็ทำใจร่มๆรอไปซักสามสี่วัน ระหว่างนั้นทำอะไรเพลินๆไปก่อน จะได้ไม่ฟุ้งซ่าน ช่วงนี้สำคัญมากนะคะ ต่อสภาพจิตใจ มันลุ้นอ่ะค่ะ เรากับแฟนเรานี่กัดกันทุกวันเลยค่ะ ว่างไม่ได้ เพราะฉะนั้นอย่าว่างนะคะ ให้หากิจกรรมสมานฉันท์ทำ เอ๊ย....
อย่าไปคิดมากค่ะ คิดว่าเราเต็มที่แล้ว ไม่ผ่านก็ไม่เป็นร๊ายยยย เดี๋ยวก็ไปขอใหม่ ดีซะอีกได้เงินคืนค่าขอวีซ่าตั้งพันนึง เอาไปกินชาบูหมูกระทะ...
ช่วงพิจารณาวีซ่านี่ประมาณ 4-5 วัน ซักประมาณวันที่ 4 หรือก่อนกำหนดรับให้เช็คในเว็บอีกที ว่ามาถึงรึยัง ลุ้นๆตึ้กตั้กๆ ถ้าวีซ่าคืนมาแล้วก็ไปรับโลดค่ะ
(เค้าปิด 5 โมงครึ่งนะคะ เราเช็คตอนบ่าย ตื่นเต้นมากไปรับเลยค่ะ แต่ไปไม่ทัน เจอคุณโมโมะยืนหล่อหน้าลิฟท์ เค้าเลิกงานแล้วค่ะ แป่ว)
ไปถึงกดบัตรคิวรอแป๊บนึง แล้วเค้าจะเรียกค่ะ ตรงนี้ลุ้นที่สุด เราคิดอย่างเดียวเลยค่ะว่า "ถ้าคืนเงินมาคือจบ....จบไม่ได้ไป ขอใหม่รอบหน้า"
แต่เจ้าหน้าที่ไม่ได้คืนเงินค่ะ ยื่นพาสปอร์ตสองเล่ม (ของแฟนด้วย) แล้วก็บอกว่า "ตรวจสอบก่อนนะครับ" อารมณ์มึนงงค่ะ ยิ้มให้เค้าแล้วก็เดินออกมาเลย
มาเปิดดูในลิฟท์...เงินก็ไม่คืน ไหนล่ะวีซ่า
พอเปิดๆดูไปเรื่อยๆก็เจอค่ะ ของเราเค้าแปะไว้หน้า 9 (หน้าแรกมันคงยับ 5555) ดีใจค่ะ โทรไปอำแฟนว่าเค้าไม่เห็นคืนเงินเราเลยอ่ะ แฟนไม่เข้าใจมุขค่ะ สรุปว่าแป้ก
หลังจากนั้นก็เตรียมไปเครียดกับตั๋วต่อค่ะ เอิ๊กกกกส์
****************************************8
หวังว่ากระทู้แก้บนอันนี้คงจะมีประโยชน์ต่อเพื่อนๆที่อยากไปเที่ยวญี่ปุ่น แต่กลัวมีปัญหากับวีซ่าแบบเรานะคะ ไม่ต้องเครียดค่ะ เตรียมเอกสารให้พร้อม สำคัญคือทำยังไงก็ได้ให้เค้ามั่นใจว่าเราจะกลับประเทศแน่นอนค่ะ
** แบบฟอร์มจดหมายต่างๆเรามีตัวอย่างเก็บไว้นะคะ หากใครสนใจแจ้งได้นะคะ จะหลังไมค์ไปให้ ไม่กล้าลงค่ะ ภาษาอังกฤษกากๆ กลัวครูมาริบคะแนนคืน >_<
ปล.บางคนอาจจะงงว่าไม่มีเงินแล้วไปเที่ยวได้ยังไง ---คุณแฟนอุปภัมถ์ค่ะ--- เค้าเล่นห้องนี้ด้วย พนมมือไว้ที่อกงามๆค่ะ
ประสบการณ์ขอวีซ่าญี่ปุ่น ครั้่งแรก : งานก็ไม่มี เงินก็ไม่มี ไปขอวีซ่าได้ยังไง
เนื่องจากก่อนหน้านี้ก่อนที่เราจะทำใจไปขอวีซ่าท่องเที่ยวญี่ปุ่น เราเครียดมากค่ะ เครียดจนต้องบนกับตัวเองว่า ถ้าชั้นผ่านนะ ชั้นจะมาตั้งกระทู้แชร์ประสบการณ์เครียดเว่อร์ๆของชั้น ให้ทุกคนรู้ว่าจริงๆแล้วการขอวีซ่ามันไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิดเลยจริงๆนะ
ที่เครียดมากก็เพราะว่า อยากไปเที่ยว แต่งานก็ไม่มี เงินก็ไม่มี อายุก็ไม่ใช่น้อยๆแล้ว ต่างประเทศก็ไม่เคยไป พาสปอร์ตก็เพิ่งจะมีกับเค้า
แถมที่เครียดหนักก็เพราะว่าไปกับแฟน (ยังไม่แต่งงาน แม้จะอายุเข้าเลขสามแล้ว) แฟนอยากไปญี่ปุ่นมากค่ะ เก็บเงินรอเป็นปีๆ แล้วถ้าเกิดวีซ่าเราไม่ผ่านเนี่ย...ก็เท่ากับว่าเราไปพาให้เค้าไม่ได้เที่ยวไปด้วยน่ะสิ...
คุณสมบัติเบื้องต้นของเรานะคะ
- เคยทำงานแต่ลาออกมาเป็นแล้ว ปัจจุบัน ว่างงานค่ะ
- เงินเก็บ 0 บาท book bank ครึ่งปีอัพทีนึง มีเงินเข้าหมุนเวียนเฉลี่ยที่ประมาณ 10,000-20,000 บาท (แฟนเอาเข้าบัญชีให้ค่ะ ไว้ให้สร้างภาพ แล้วก็ถอนออก) เงินใช้จ่ายจริงๆได้จากทางบ้านค่ะ ไม่มากมาย ใช้หมดเกลี้ยงทุกเดือนค่ะ
- มีสถานภาพเป็นนักศึกษาที่มหาวิทยาลัยเปิดแห่งหนึ่ง
- ไม่สามารถให้พ่อกับแม่เป็นผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่ายด้วย (เหตุผลส่วนตัว)
เราขอวีซ่าโดยระบุว่าตัวเองว่างงาน และให้คุณอารับรองค่าใช้จ่ายให้ค่ะ
ชื่อของเรากับคุณอาอยู่ในทะเบียนบ้านเล่มเดียวกัน นามสกุลเดียวกัน และคุณอาเป็นข้าราชการค่ะ
เอกสารที่ไปยื่นมีดังนี้ค่ะ
1.พาสปอร์ตตัวเอง (สำเนา 1ชุด)
2.ทะเบียนบ้าน (สำเนา 1ชุด) ของเราเอง กรณีมีผู้รับรองค่าใช้จ่ายก็ให้แนบสำเนาของผู้รับรองค่าใช้จ่ายไปด้วยนะคะ หรือว่ากรณีว่าผู้รับรองค่าใช้จ่ายไม่ใช่พ่อแม่ที่แท้จริงก็แนบสำเนาทะเบียนบ้านไปอีกค่ะ (พอไปถึงแล้วเจ้าหน้าที่จะตรวจเช็คให้แล้วก็โยงๆๆความสัมพันธ์ว่าเราเป็นอะไรกับผู้ออกค่าใช้จ่ายค่ะ)
3.สมุดบัญชีธนาคาร (สำเนา 1 ชุด ถ่ายทุกหน้า ทั้งเล่มค่ะ)
4.หนังสือรับรองการทำงานของผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่าย ภาษาอังกฤษ
5.หนังสือรับรองค่าใช้จ่าย ให้ผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่ายเซ็นต์ (Guarantee Letter) ภาษาอังกฤษ
6.bookbank ของผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่าย (กรณีผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่ายเป็นข้าราชการเงินเดือน 20,000+ ไม่ต้องใช้ค่ะ ตรงนี้เราไม่ได้ยื่นไป)
7.จดหมายแนะนำตัวเอง ภาษาอังกฤษ เนื้อหาหลักๆระบุว่าเราเป็นใคร ปัจจุบันทำงานอะไร (หรือไม่ได้ทำงาน) มีรายได้มาจากไหน (กรณีของเราคือใส่ว่าอาเป็นผู้ส่งเงินให้ทุกเดือนค่ะ) จะขอเข้าประเทศไปทำอะไร (ไปเที่ยว ไปช็อปปิ้ง อะไรก็ว่าไป) ที่เหลือก็เวิ่นเว้อค่ะ เราใส่ว่าเราชอบญี่ปุ่น มีความใฝ่ฝันว่าอยากไปเที่ยวนะ อะไรประมาณนี้ ตบท้ายด้วยอธิบายเค้าว่าครอบครัวเราอยู่เมืองไทยค่ะ มีภาระต้องทำอะไรบ้าง ยืนยันว่าเราจะกลับแน่นอน ^-^
8.แผนการท่องเที่ยว ดูจากในห้องนี้ก็ได้ค่ะ ลอกๆเค้าไป จะไปด้วยไฟลท์ไหน (นี่ก็โม้ไป) นอนโรงแรมอะไร (ก็โม้อีก เพราะตอนนั้นยังไม่ได้จองเลย ---ดันไปโม้โรงแรมแพงด้วยสิ เพิ่งจะเช็คราคา)
9.รูปถ่ายสองนิ้ว
10.สำเนาบัตรนักศึกษา + ใบเสร็จค่าเทอมเทอมล่าสุด (เรามีสถานภาพเป็นนักศึกษา แต่การออกหนังสือรับรองจากมหาวิทยาลัยยุ่งยากและนานมากค่ะ เลยมั่วนิ่มใช้อันนี้แทน)
เท่านี้ค่ะ ที่เหลือเป็นใบ Visa Applicant ไปกรอกที่โน่นก็ได้ค่ะ เราตื่นเต้นจัดกรอกผิดไปสี่ชุดถ้วน
แล้วก็ไปยื่นค่ะ เค้าถามอะไรก็ตอบไปค่ะ ยิ้มๆสวยๆ ในใบ Visa Applicant ส่วนไหนที่ไม่เข้าใจก็ว่างไว้ค่ะ แล้วค่อยไปถามเจ้าหน้าที่เอา บางเคสมีขอเอกสารเพิ่ม ที่นั่นมีบริการถ่ายเอกสารนะคะ อ้อ เจ้าหน้าที่น่ารักมากนะคะขอบอก เรายื่นกับช่อง 9 ค่ะ ได้ยินเค้าเรียกกันว่าคุณโมโมะ (เป็นหนุ่มน้อย)แอร๊ยยย ไอ้ที่เครียดๆมานี่มองเจ้าหน้าที่แถวนี้เพลินๆก็ลืมเครียดไปครึ่งนึงละค่ะ
************************************
ที่เหลือก็ทำใจร่มๆรอไปซักสามสี่วัน ระหว่างนั้นทำอะไรเพลินๆไปก่อน จะได้ไม่ฟุ้งซ่าน ช่วงนี้สำคัญมากนะคะ ต่อสภาพจิตใจ มันลุ้นอ่ะค่ะ เรากับแฟนเรานี่กัดกันทุกวันเลยค่ะ ว่างไม่ได้ เพราะฉะนั้นอย่าว่างนะคะ ให้หากิจกรรมสมานฉันท์ทำ เอ๊ย....
อย่าไปคิดมากค่ะ คิดว่าเราเต็มที่แล้ว ไม่ผ่านก็ไม่เป็นร๊ายยยย เดี๋ยวก็ไปขอใหม่ ดีซะอีกได้เงินคืนค่าขอวีซ่าตั้งพันนึง เอาไปกินชาบูหมูกระทะ...
ช่วงพิจารณาวีซ่านี่ประมาณ 4-5 วัน ซักประมาณวันที่ 4 หรือก่อนกำหนดรับให้เช็คในเว็บอีกที ว่ามาถึงรึยัง ลุ้นๆตึ้กตั้กๆ ถ้าวีซ่าคืนมาแล้วก็ไปรับโลดค่ะ
(เค้าปิด 5 โมงครึ่งนะคะ เราเช็คตอนบ่าย ตื่นเต้นมากไปรับเลยค่ะ แต่ไปไม่ทัน เจอคุณโมโมะยืนหล่อหน้าลิฟท์ เค้าเลิกงานแล้วค่ะ แป่ว)
ไปถึงกดบัตรคิวรอแป๊บนึง แล้วเค้าจะเรียกค่ะ ตรงนี้ลุ้นที่สุด เราคิดอย่างเดียวเลยค่ะว่า "ถ้าคืนเงินมาคือจบ....จบไม่ได้ไป ขอใหม่รอบหน้า"
แต่เจ้าหน้าที่ไม่ได้คืนเงินค่ะ ยื่นพาสปอร์ตสองเล่ม (ของแฟนด้วย) แล้วก็บอกว่า "ตรวจสอบก่อนนะครับ" อารมณ์มึนงงค่ะ ยิ้มให้เค้าแล้วก็เดินออกมาเลย
มาเปิดดูในลิฟท์...เงินก็ไม่คืน ไหนล่ะวีซ่า
พอเปิดๆดูไปเรื่อยๆก็เจอค่ะ ของเราเค้าแปะไว้หน้า 9 (หน้าแรกมันคงยับ 5555) ดีใจค่ะ โทรไปอำแฟนว่าเค้าไม่เห็นคืนเงินเราเลยอ่ะ แฟนไม่เข้าใจมุขค่ะ สรุปว่าแป้ก
หลังจากนั้นก็เตรียมไปเครียดกับตั๋วต่อค่ะ เอิ๊กกกกส์
****************************************8
หวังว่ากระทู้แก้บนอันนี้คงจะมีประโยชน์ต่อเพื่อนๆที่อยากไปเที่ยวญี่ปุ่น แต่กลัวมีปัญหากับวีซ่าแบบเรานะคะ ไม่ต้องเครียดค่ะ เตรียมเอกสารให้พร้อม สำคัญคือทำยังไงก็ได้ให้เค้ามั่นใจว่าเราจะกลับประเทศแน่นอนค่ะ
** แบบฟอร์มจดหมายต่างๆเรามีตัวอย่างเก็บไว้นะคะ หากใครสนใจแจ้งได้นะคะ จะหลังไมค์ไปให้ ไม่กล้าลงค่ะ ภาษาอังกฤษกากๆ กลัวครูมาริบคะแนนคืน >_<
ปล.บางคนอาจจะงงว่าไม่มีเงินแล้วไปเที่ยวได้ยังไง ---คุณแฟนอุปภัมถ์ค่ะ--- เค้าเล่นห้องนี้ด้วย พนมมือไว้ที่อกงามๆค่ะ