http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1360287849&grpid=03&catid=&subcatid=นายณัฐพล ณัฎฐสมบูรณ์ ผู้อำนวย
การสำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม (สศอ.) เปิดเผยว่า สศอ.อยู่ระหว่างศึกษาทิศทางอุตสาหกรรมยานยนต์และชิ้นส่วนยานยนต์ไทยภายหลังสิ้นสุดมาตรการนโยบายรถยนต์คันแรกว่า จะส่งผลกระทบต่อกำลังซื้อในประเทศในอีก 2-3 ปีอย่างไร ควรหามาตรการใดเพื่อรักษาระดับการผลิตรถยนต์เกิน 3 ล้านคันในปี 2560 ตามที่ตั้งเป้าไว้ โดยผลการศึกษาคาดว่า จะแล้วเสร็จในเดือนมีนาคมนี้ "นโยบายรถคันแรกได้ดึงความต้องการในอนาคตมาใช้ อาจทำให้ 2-3 ปีข้างหน้าความต้องการลดลงมาก" นายณัฐพลกล่าว
นายณัฐพลกล่าวว่า เบื้องต้น สศอ.หารือร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) เพื่อร่วมกำหนดความเป็นไปได้ในการออกนโยบายส่งเสริมรถยนต์ประหยัดพลังงานตามมาตรฐานสากลหรือ อีโคคาร์รอบ 2 เพื่อกระตุ้นให้เกิดการผลิตและจำหน่ายรถยนต์รุ่นใหม่
นายสุรพงษ์ ไพสิทฐพัฒนพงษ์ โฆษกกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวว่า การศึกษาอีโคคาร์ 2 ของภาครัฐนับเป็นสิ่งที่ดี แต่ยังไม่สามารถสรุปทิศทางยอดขายรถยนต์ของนโยบายคันแรกได้ โดยยอดจอง 1.25 ล้านคันในปีที่ผ่านมา มีการส่งมอบไปแล้วกว่า 5 แสนคัน และปีนี้คาดว่า จะทยอยส่งมอบได้ส่วนที่เหลือ หากเฉลี่ยส่งมอบเดือนละ 1 แสนคันน่าจะส่งได้หมดก่อนสิ้นปีนี้
.........................................................
นโยบาย"รถคันแรก"ได้ดึงเอาความต้องการใช้รถในอนาคตมาใช้ เหมือนกับการใช้เงินผ่านบัตรเครดิต
ในอนาคตอีก 2-3 ปีข้างหน้า ความต้องการซื้อรถในประเทศอาจจะลดลง ซึ่งจะส่งผลต่อธุรกิจผลิตรถยนต์อันเกี่ยวพันกับธุรกิจเอสเอ็มอีที่ทำหน้าที่ผลิตชิ้นส่วนส่งผู้ผลิตรถรายใหญ่
อีกทั้งในอนาคตการสร้างรถยนต์ประหยัดพลังงานมากขึ้น จะทำให้"รถคันแรก"อาจจะเป็นขยะ และ หนี้เน่าขึ้นมาได้
แบบนี้เอง ที่เรียกว่านโยบายประชานิยม ทุบอุตสาหกรรมยานยนต์
อนาคต.....สดใส หรือ มีดมัว รอดูกันไป
อนาคต....ประชาชนเกิด"หนี้เน่า" รัฐบาลจะช่วยเหลือยังไงได้บ้าง?
สศอ.ผุดไอเดียปั้นอีโคคาร์สอง กระตุ้นตลาดหลังจบรถคันแรก
การสำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม (สศอ.) เปิดเผยว่า สศอ.อยู่ระหว่างศึกษาทิศทางอุตสาหกรรมยานยนต์และชิ้นส่วนยานยนต์ไทยภายหลังสิ้นสุดมาตรการนโยบายรถยนต์คันแรกว่า จะส่งผลกระทบต่อกำลังซื้อในประเทศในอีก 2-3 ปีอย่างไร ควรหามาตรการใดเพื่อรักษาระดับการผลิตรถยนต์เกิน 3 ล้านคันในปี 2560 ตามที่ตั้งเป้าไว้ โดยผลการศึกษาคาดว่า จะแล้วเสร็จในเดือนมีนาคมนี้ "นโยบายรถคันแรกได้ดึงความต้องการในอนาคตมาใช้ อาจทำให้ 2-3 ปีข้างหน้าความต้องการลดลงมาก" นายณัฐพลกล่าว
นายณัฐพลกล่าวว่า เบื้องต้น สศอ.หารือร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) เพื่อร่วมกำหนดความเป็นไปได้ในการออกนโยบายส่งเสริมรถยนต์ประหยัดพลังงานตามมาตรฐานสากลหรือ อีโคคาร์รอบ 2 เพื่อกระตุ้นให้เกิดการผลิตและจำหน่ายรถยนต์รุ่นใหม่
นายสุรพงษ์ ไพสิทฐพัฒนพงษ์ โฆษกกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวว่า การศึกษาอีโคคาร์ 2 ของภาครัฐนับเป็นสิ่งที่ดี แต่ยังไม่สามารถสรุปทิศทางยอดขายรถยนต์ของนโยบายคันแรกได้ โดยยอดจอง 1.25 ล้านคันในปีที่ผ่านมา มีการส่งมอบไปแล้วกว่า 5 แสนคัน และปีนี้คาดว่า จะทยอยส่งมอบได้ส่วนที่เหลือ หากเฉลี่ยส่งมอบเดือนละ 1 แสนคันน่าจะส่งได้หมดก่อนสิ้นปีนี้
.........................................................
นโยบาย"รถคันแรก"ได้ดึงเอาความต้องการใช้รถในอนาคตมาใช้ เหมือนกับการใช้เงินผ่านบัตรเครดิต
ในอนาคตอีก 2-3 ปีข้างหน้า ความต้องการซื้อรถในประเทศอาจจะลดลง ซึ่งจะส่งผลต่อธุรกิจผลิตรถยนต์อันเกี่ยวพันกับธุรกิจเอสเอ็มอีที่ทำหน้าที่ผลิตชิ้นส่วนส่งผู้ผลิตรถรายใหญ่
อีกทั้งในอนาคตการสร้างรถยนต์ประหยัดพลังงานมากขึ้น จะทำให้"รถคันแรก"อาจจะเป็นขยะ และ หนี้เน่าขึ้นมาได้
แบบนี้เอง ที่เรียกว่านโยบายประชานิยม ทุบอุตสาหกรรมยานยนต์
อนาคต.....สดใส หรือ มีดมัว รอดูกันไป
อนาคต....ประชาชนเกิด"หนี้เน่า" รัฐบาลจะช่วยเหลือยังไงได้บ้าง?