ไทยเดินหน้าSeed Hub Center ตั้งศูนย์ขยายพันธุ์"ถั่วเหลือง-ถั่วเขียว"ที่พิษณุโลก

กระทู้ข่าว
......................นายดำรงค์ จิระสุทัศน์ อธิบดีกรมวิชาการเกษตร เปิดเผย "ประชาชาติธุรกิจ" ว่า ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้เสนอ 7 โครงการรองรับยุทธศาสตร์ประเทศ มี 1 โครงการที่อยู่ในความรับผิดชอบของกรมวิชาการเกษตรโดยตรง คือ โครงการพัฒนาศูนย์กลางการผลิตเมล็ดพันธุ์พืชรองรับประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน หรือเออีซี (Seed Hub Center) ความคืบหน้าล่าสุดกรมได้มอบหมายให้ศูนย์วิจัยและพัฒนาการเกษตรพิษณุโลก จัดตั้งศูนย์วิจัยและพัฒนาเมล็ดพันธุ์พืชพิษณุโลก เพื่อแก้ปัญหาการผลิตเมล็ดพืชคุณภาพดีมีไม่เพียงพอต่อความต้องการโดยนำร่องพืชที่มีปัญหาเมล็ดพันธุ์ไม่เพียงพอ 2 ชนิด คือ ถั่วเหลือง และถั่วเขียว

                      ศูนย์วิจัยและพัฒนาเมล็ดพันธุ์พืชฯมีหน้าที่วิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีเกี่ยวกับเมล็ดพันธุ์ทั้งระบบ โดยเฉพาะการผลิตเมล็ดพันธุ์ซึ่งมีชั้นของเมล็ดพันธุ์ที่ต้องเชื่อมโยงกัน 4 ชั้น คือ เมล็ดพันธุ์คัด เมล็ดพันธุ์หลัก เมล็ดพันธุ์ขยาย และเมล็ดพันธุ์จำหน่าย ซึ่งเมล็ดพันธุ์เหล่านี้จะต้องมีคุณลักษณะถูกต้องตรงตามมาตรฐานที่กำหนดไว้

                      ผลการดำเนินงานนับตั้งแต่ก่อตั้งศูนย์ วิจัยและพัฒนาเมล็ดพันธุ์พืชฯ ได้ผลิตและกระจายเมล็ดพันธุ์ชั้นพันธุ์ขยายไปยังเครือข่ายในแหล่งปลูกถั่วเหลืองและถั่วเขียว 46 กลุ่ม/สหกรณ์ ภายในพื้นที่ 22 จังหวัดในเขตภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคกลาง รวม 695 ตัน ซึ่งเมล็ดพันธุ์ชั้นพันธุ์จำหน่ายที่ผลิตได้ 6,435 ตัน สามารถนำไปใช้ในพื้นที่ปลูกได้ประมาณ 787,000 ไร่ หรือคิดเป็นร้อยละ 28 และ 70 ของพื้นที่ปลูกถั่วเหลืองและถั่วเขียวทั้งประเทศ

                      จากเดิมเมล็ดพันธุ์ที่ผลิตโดยภาครัฐสามารถรองรับพื้นที่ปลูกถั่วเหลืองและถั่วเขียวได้เพียงร้อยละ 5 และ 12 เท่านั้น
ซึ่งเมล็ดพันธุ์ดีในพื้นที่เหล่านี้ทำให้เกษตรกรได้ผลผลิตเพิ่มขึ้นคิดเป็นมูลค่า 2,100 ล้านบาท หากมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่องในอนาคตจนกระทั่งสามารถผลิตเมล็ดพันธุ์ได้เพียงพอกับความต้องการของเกษตรกร คาดว่าจะสามารถเพิ่มรายได้ให้เกษตรกรคิดเป็นมูลค่าไม่ต่ำกว่า 4,000 ล้านบาท

                      กรมวิชาการเกษตรใช้งบฯเกือบ 10 ล้านบาทปรับปรุงและพัฒนาศูนย์วิจัยและพัฒนาเมล็ดพันธุ์พืชฯ โดยสร้างอาคารถ่ายทอดเทคโนโลยีการผลิตเมล็ดพันธุ์และปรับปรุงสภาพเมล็ดพันธุ์ ปรับปรุงห้องปฏิบัติการตรวจสอบคุณภาพของเมล็ดพันธุ์และทดสอบความงอก ห้องปฏิบัติการตรวจสอบโรคพืช ห้องควบคุมอุณหภูมิเพื่อเก็บรักษาเมล็ดพันธุ์ความจุ 400-500 ตัน รวมทั้งเครื่องมือและอุปกรณ์ต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีเมล็ดพันธุ์ เพื่อให้มีศักยภาพและความพร้อมที่จะรองรับการผลิต และควบคุมเมล็ดพันธุ์คุณภาพมาตรฐานป้อนสู่ตลาด AEC รวมทั้งตลาดทั่วโลก

                      ในปี 2556 ศูนย์วิจัยและพัฒนาเมล็ดพันธุ์พืชฯมีเป้าหมายผลิตเมล็ดพันธุ์ถั่วเหลืองและถั่วเขียว 450 ตัน แยกเป็นถั่วเหลือง 300 ตัน และถั่วเขียว 150 ตัน เพื่อสนับสนุนโครงการจัดระบบการปลูกข้าวของรัฐบาล ลดปัญหาการแพร่ระบาดของเพลี้ยกระโดดสีน้ำตาลในนาข้าว ขณะเดียวกัน ยังมุ่งดำเนินงานตรวจสอบคุณภาพเมล็ดพันธุ์พืช เป้าหมายไม่น้อยกว่า 2,000 ตัวอย่าง/ปี พร้อมออกใบรับรองเมล็ดพันธุ์เพื่อกำกับสินค้าที่จะส่งออกไปต่างประเทศ ทั้งยังดำเนินการฝึกอบรมและถ่ายทอดเทคโนโลยีการผลิตเมล็ดพันธุ์คุณภาพให้กับเกษตรกรและผู้สนใจทั่วไป ถือเป็นศูนย์เมล็ดพันธุ์ที่มีศักยภาพอันดับหนึ่งของอาเซียน

                      นายดำรงค์กล่าวอีกว่า ขณะนี้มีนักลงทุนต่างชาติเข้ามาลงทุนผลิตเมล็ดพันธุ์พืชในไทยเพื่อส่งออกมากขึ้น โดยว่าจ้างเกษตรกรเป็นผู้ผลิต ทำให้ไทยเป็นฐานการผลิตเมล็ดพันธุ์ที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาคอาเซียน โดยเฉพาะเมล็ดพันธุ์ผัก เช่น พืชตระกูลแตง มะเขือเทศ พริก ข้าวโพด ถั่วฝักยาว ผักกาดกวางตุ้ง และผักบุ้งจีน

                      อย่างไรก็ตาม เพื่อเป็นการส่งเสริมและสนับสนุนการผลิตเมล็ดพันธุ์ของไทยให้มีคุณภาพได้มาตรฐาน และเป็นที่ต้องการของตลาดอาเซียนและตลาดโลก กรมจึงเร่งพัฒนาศูนย์วิจัยและพัฒนาเมล็ดพันธุ์พืชฯให้เป็นไปตามมาตรฐานของสมาคมทดสอบเมล็ดพันธุ์นานาชาติ (ISTA) เพื่อให้เป็นที่ยอมรับของสากล

ที่มา  http://www.prachachat.net/news_detail.php?newsid=1360228044&grpid=no&catid=19&subcatid=1900
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่