นายยูซบ โต๊ะวัง ประธานคณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ กล่าวถึงกรณีที่มีข่าวว่าชาวโรฮิงญา จำนวน 120 คน
ที่ทางสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองประจวบคีรีขันธ์ รับตัวจากจังหวัดพังงา มาควบคุมดูแลที่ห้องกักบริเวณแรงงานต่างด้าวที่ด่านสิงขร
เตรียมร้องคณะกรรรมการสิทธิมนุษยชนเพราะไม่ได้รับอาหารอย่างเพียงพอว่า เป็นไปตามหลักสิทธิมนุษยชนที่ชาวโรฮิงญาสามารถทำได้
หากไม่ได้รับความสะดวกในเรื่องความเป็นอยู่ แต่เชื่อว่าเรื่องดังกล่าวคงจะเป็นปัญหาในช่วงแรกที่เข้ามา เพราะขณะนี้ทุกคนมีสภาพ
ความเป็นอยู่ที่ดี โดยมีการจัดแยกสถานที่ควบคุมเป็น 2 ห้อง ห้องละ 60 คน ซึ่งสถานที่กว้างขวางเพียงพอ
นอกจากนี้ สำนักงานคณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ มีนโยบายให้หน่วยงานในสังกัดคือ คณะกรรมการอิสลาม
ประจำมัสยิดทั้ง 12 แห่งในจังหวัด ร่วมกันดูแลชาวโรฮิงญากลุ่มนี้ โดยผลัดเปลี่ยนกันนำอาหารมาให้รับประทานวันละ 3 มื้อ พร้อมอาหารว่าง
น้ำดื่ม และยังมีประชาชนทั้งในจังหวัดประจวบคีรีขันธ์และจังหวัดอื่น ช่วยกันบริจาคเงิน และสิ่งของผ่านทางสำนักงานคณะกรรมการอิสลาม
ประจำจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ด้วย ส่วนแนวทางดำเนินการหลังจากนี้ คงต้องรอฟังคำสั่งจากรัฐบาล ซึ่งคาดว่าชาวโรฮิงญาคงจะต้องถูกผลักดัน
กลับประเทศต้นทาง หรือประเทศที่สาม
แต่ส่วนตัวอยากให้รัฐบาลช่วยหาแนวทางที่จะทำให้ชาวโรฮิงญาสามารถอยู่ในไทยได้อย่างถูกกฎหมาย
ปล. หากใครเบื่อข่าวแบบนี้แล้วก็ต้องขออภัยนะครับ แต่ผมยังติดตามข่าวนี้อย่างใกล้ชิด และเอาความเคลื่อนไหวต่าง ๆ มารายงานให้ทราบเสมอ
http://www.manager.co.th/Home/ViewNews.aspx?NewsID=9560000010874
คณะกรรมการอิสลามเสนอให้รับโรฮิงญาเป็นคนในประเทศแบบถูกกฏหมาย
ที่ทางสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองประจวบคีรีขันธ์ รับตัวจากจังหวัดพังงา มาควบคุมดูแลที่ห้องกักบริเวณแรงงานต่างด้าวที่ด่านสิงขร
เตรียมร้องคณะกรรรมการสิทธิมนุษยชนเพราะไม่ได้รับอาหารอย่างเพียงพอว่า เป็นไปตามหลักสิทธิมนุษยชนที่ชาวโรฮิงญาสามารถทำได้
หากไม่ได้รับความสะดวกในเรื่องความเป็นอยู่ แต่เชื่อว่าเรื่องดังกล่าวคงจะเป็นปัญหาในช่วงแรกที่เข้ามา เพราะขณะนี้ทุกคนมีสภาพ
ความเป็นอยู่ที่ดี โดยมีการจัดแยกสถานที่ควบคุมเป็น 2 ห้อง ห้องละ 60 คน ซึ่งสถานที่กว้างขวางเพียงพอ
นอกจากนี้ สำนักงานคณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ มีนโยบายให้หน่วยงานในสังกัดคือ คณะกรรมการอิสลาม
ประจำมัสยิดทั้ง 12 แห่งในจังหวัด ร่วมกันดูแลชาวโรฮิงญากลุ่มนี้ โดยผลัดเปลี่ยนกันนำอาหารมาให้รับประทานวันละ 3 มื้อ พร้อมอาหารว่าง
น้ำดื่ม และยังมีประชาชนทั้งในจังหวัดประจวบคีรีขันธ์และจังหวัดอื่น ช่วยกันบริจาคเงิน และสิ่งของผ่านทางสำนักงานคณะกรรมการอิสลาม
ประจำจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ด้วย ส่วนแนวทางดำเนินการหลังจากนี้ คงต้องรอฟังคำสั่งจากรัฐบาล ซึ่งคาดว่าชาวโรฮิงญาคงจะต้องถูกผลักดัน
กลับประเทศต้นทาง หรือประเทศที่สาม แต่ส่วนตัวอยากให้รัฐบาลช่วยหาแนวทางที่จะทำให้ชาวโรฮิงญาสามารถอยู่ในไทยได้อย่างถูกกฎหมาย
ปล. หากใครเบื่อข่าวแบบนี้แล้วก็ต้องขออภัยนะครับ แต่ผมยังติดตามข่าวนี้อย่างใกล้ชิด และเอาความเคลื่อนไหวต่าง ๆ มารายงานให้ทราบเสมอ
http://www.manager.co.th/Home/ViewNews.aspx?NewsID=9560000010874