[Review] - Summer Wars :: วันที่กลุ่มเมฆครองโลก

Summer Wars
วันที่กลุ่มเมฆครองโลก



ความจริงตอนที่คิดจะตั้งชื่อบทความนี้ ฮารุกิเกิดความลังเลขึ้นมาครับ ว่าจะเลือกตั้งชื่อบทความนี้ว่าอะไรดี ระหว่าง “Summer Wars: วันที่กลุ่มเมฆครองโลก” กับ “Summer Wars: ครอบครัวใหญ่หัวใจว้าวุ่น” ซึ่งท้ายสุดแล้ว ฮารุกิก็เลือกเอาชื่อแรก

อย่างไรก็ตาม ถ้าว่ากันตามโครงเรื่องหลักแล้ว ฮารุกิก็ไม่สงสัยเลยว่า ชื่อหลัง น่าจะเป็นชื่อที่เหมาะกับเรื่องนี้มากกว่าอย่างไม่ต้องสงสัย เพราะถ้าว่ากันตามเนื้อเรื่องหลักแล้ว Summer Wars เป็นเรื่องของเด็กหนุ่มมัธยมธรรมดาๆ คนหนึ่ง ที่ได้รับคำขอร้องจากรุ่นพี่สาวสวย ให้ไปค้างที่บ้านของครอบครัวเธอในระหว่างปิดเทอมฤดูร้อน เนื่องจากฝ่ายหญิง ดันไปสัญญากับคุณย่า ซึ่งเป็นหัวหน้าตระกูล ว่า ปิดเทอมคราวนี้ จะพาว่าที่หลานเขยมาให้ดูตัว ทั้งๆ ที่ตัวเธอนั้นไม่มียังแฟนเป็นตัวเป็นตัว

แต่แล้วพระเอกของเราก็พบว่า ครอบครัวของนางเองนั้น ไม่ใช่ครอบครัวธรรมดา แต่เป็นตระกูลใหญ่ที่มีอิทธิพลมากทีเดียว แถมนางเองยังแต่งประวัติให้เขาเสียเลิศหรู ว่าเป็นลูกผู้ดีครอบครัวดังและกำลังเรียนอยู่ในมหาวิทยาลัยโตเกียว โดยที่ไม่ยอมบอกล่วงหน้าก่อนอีกต่างหาก

และแล้วความก็ต้องแตก เมื่อพระเอกถูก แฮ็ก เอคเคาต์ตัวเองไปใช้ในการก่ออาชญากรรมคอมพิวเตอร์ จนต้องกลายเป็นผู้ต้องหา และถูกมองอย่างไม่ไว้ใจจากครอบครัวของนางเอก ที่เขาต้องติดอยู่ที่บ้านด้วย เนื่องจากผลสืบเนื่องจากเหตุการณ์โกลาหลที่เป็นผลพวงมาจากอาชญากรรมคอมพิวเตอร์ในครั้งนั้นนั่นเอง

ซึ่งก็ทำให้พระเอกจำเป็นต้องแก้ไขเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ไปพร้อมกับเรียกคืนความมั่นใจมาจากตระกูลของนางเอกให้ได้ ก่อนที่วินาศกรรมในครั้งนั้นจะลุกลามออกไป...

แต่เนื่องจาก สิ่งที่น่าสนใจที่สุด อย่างน้อยก็สำหรับฮารุกิ ใน Summer Wars นั้นไม่ใช่เนื้อเรื่องหลัก แต่เป็นเรื่องราวที่อยู่เบื้องหลัง และเรื่องราวเบื้อหลังนี่เอง เป็นสาเหตุที่ทำให้ฮารุกิได้รู้จักกับ Summer Wars จึงทำให้ฮารุกิเลือกที่จะตั้งชื่อบทความนี้ว่า “Summer Wars: วันที่กลุ่มเมฆครองโลก” ในที่สุดครับ

ฮารุกิได้ยินชื่อเรื่อง Summer Wars เป็นครั้งแรกก็จากเพจเฟซบุ้คหน้าหนึ่งเกี่ยวกับวงการไอที ที่มีคนไปโพสไว้ว่า “ในวันที่ทุกอย่างก็เข้าสู่โลกออนไลน์ เข้าสู่กลุ่มเมฆ (Cloud Computing) ไปจนหมด ก็น่าคิดว่าถ้าทุกอย่างมันรวนไป จะเกิดอะไรขึ้น แล้วก็บอกว่า ให้ลองดูในเรื่อง Summer Wars ดู” ทำให้ฮารุกิสนใจและไปหาเรื่องนี้มาดูในที่สุดครับ

ฉากของเรื่อง Summer Wars นั้นอยู่ในอนาคตอันใกล้ ซึ่งเป็นโลกที่คนทุกคนเชื่อมต่อตัวเอง และทำงานต่างๆ ผ่านโลกออนไลน์โดยระบุตัวตนผ่านระบบโซเชียลเน็ตเวิร์คที่เรียกว่า 'ออซ' (Oz) ครับ

แน่นอนครับ ในมุมหนึ่ง มันก็เป็นโลกที่สะดวกสบายมากที่เดียว ในเมื่อเจ้าหน้าที่ของการประปา สามารถควบคุมการจัดการน้ำได้จากที่บ้านโดยล็อกอินผ่านระบบออซนี้ หรือแม้แต่หมอประจำตัวของย่าของนางเอกก็สามารถตรวจสอบผลเลือด ค่าผิดปกติต่างๆ โดยล็อกอินผ่านระบบออซ ที่จะแจ้งเตือนผ่านโทรศัพท์มือถือทันทีที่มีความผิดปกติเกิดขึ้นเช่นกัน

แต่ความสงบสุขก็ถึงแก่กาลล่มสลาย เมื่อระบบดังกล่าวถูกแฮ็ก  ไม่ใช่เพียงระบบน้ำที่ถูกก่อกวนให้รวน แต่ยังรวมถึงสัญญาณเตือนที่ไปไม่ถึงหมอ (อุ๊บส์! สปอยล์) จนกระทั่งย่าของนางเอกต้องเสียชีวิตไป

หันมามองโลกปัจจุบันกันบ้าน ความจริง Summer Wars เป็นภาพยนตร์อนิเมชั่นที่สร้างมาหลายปีแล้วครับ แต่ก็ปฏิเสธได้ยากว่าโลกของเราในปัจจุบันนี้ก็เข้าใกล้โลกของ Summers Wars เข้าไปทุกที

ฮารุกิมาตระหนักเรื่องนี้เอาก็เมื่อไม่กี่อาทิตย์ก่อนครับ ที่ระบบอินเทอร์เน็ตของมหาลัยที่ฮารุกิเรียนอยู่เกิดล่มไป เพราะมีมัลแวร์เข้าไปในเซเวอร์ ที่ตอนนั้น ฮารุกิถึงกับนั่งอยู่เฉยๆ หน้าจอโน้ตบุ้คที่เปิดอยู่พร้อมกับตระหนักถึงความจริงว่า ฮารุกิแทบจะทำงานอะไรไม่ได้เลย!

ดูเหมือนว่าอินเทอร์เน็ตที่เมื่อครั้งหนึ่งเป็นของที่จ่ายเงินซื้อเป็นชั่วโมง (ยังมีใครจำแพ็คเกจอินเทอร์เน็ตผ่านโมเด็มรายชั่วโมงของ CS Loxinfo ได้บ้างหรือเปล่าครับ) ที่จะใช้ก็ “ต่อ” (connect) เลิกใช้ก็ “ตัด” (disconnect) จะกลายเป็นบรอดแบนด์ ไวร์เลส ที่เชื่อมโยงเราเข้ากับอินเทอร์เน็ตแบบอัตโนมัติไม่จำกัดจำนวนชั่วโมงไปเสียแล้ว

แน่นอนครับ มันมีข้อดีอยู่มากทีเดียว เพราะมันทำให้เราไม่จำเป็นต้องเสียเงินไปซื้อแผ่นซีดีเถื่อน Microsoft Office เพราะวันนี้เรามี Office Web Apps ให้ใช้ ด้วยความสามารถที่แทบจะไม่ต่างกันเลย และยังเปิดโอกาสให้เกิดบริการออนไลน์อย่างมากมาย ไม่นับจำพวกอีเมล์ หรือเว็บบอร์ด ที่จำเป็นต้องมีการเชื่อมต่ออยู่แล้ว แต่ยังมีบริการอื่นๆ ที่ในอดีตเราเคยใช้คอมพิวเตอร์ของตัวเองทำ อย่างงานนำเสนอ ที่วันนี้ เราไม่ได้จำกัดของฟรีอยู่แค่ LibreOffice/OpenOffice แต่ยังมีของฟรีที่เจ้าของยอมให้เราใช้ออนไลน์ไม่เสียเงิน (แต่ยังไม่ใจดีพอที่จะแจกฟรีให้ดาวน์โหลดมาใช้กับเครื่องของตัวเอง) อย่าง Prezi อีกด้วย

พร้อมกันนั้น บรรดาผู้ผลิต และบริษัทสื่อสารทั้งหลาย ก็พยายามที่จะบอกเราว่าให้เรา เชื่อมโยงกันให้มากขึ้น  ซึ่งฮารุกิก็ไม่ปฏิเสธว่ามันเป็นเรื่องดีครับ เพราะหากเราเป็นนักศึกษาในต่างประเทศ ก็คงจะดีไม่น้อย ที่จะได้เห็นหน้ากับคนทางบ้าน โดยที่ไม่ต้องเสียค่าโทรข้ามประเทศแพงๆ อีก เพียงแค่ใช้บริการ 3G ของประเทศนั้นๆ ร่วมกับบริการอย่าง Skype หรือ Facetime

แต่ในอีกด้านหนึ่งของเหรียญ มันก็มีเรื่องที่น่ากังวลอยู่ นอกเหลือไปจากการที่เราละเลยการเชื่อมโยงกับคนจริงๆ รอบตัวแล้ว ก็ยังต้องไม่ลืมว่า ในทุกวันนี้ เราพึ่งพาระบบของส่วนกลางมากขึ้นๆ

ในนิตยสารเล่มหนึ่งที่ฮารุกิเพิ่งซื้อมา แบ่งยุคของคอมพิวเตอร์เป็น 3 ยุค คือ 1) ยุคของคอมพิวเตอร์โดดๆ ซึ่งการพัฒนาทั้งหมดขึ้นอยู่กับการพัฒนาของระบบฮาร์ดแวร์ของเครื่องแต่ละเครื่อง 2) ยุคต้นของอินเทอร์เน็ต ที่มีเว็บไซต์ อีเมล์ และมีอินเทอร์เน็ตในฐานะของคลังข้อมูลและการสื่อสาร และ 3) ยุค post-pc ซึ่งระบบทุกอย่างถูกดึงเข้าไปใน cloud computing

ถ้าหากพูดกันตามนั้น คอมพิวเตอร์ในยุคแรก ก็สามารถที่จะทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพเพียงมีตัวเครื่องที่ไม่เสีย และมีไฟฟ้าให้ใช้ แต่ในขณะที่ในยุคที่สาม หากทุกอย่างจำเป็นต้องพึ่งพาระบบ cloud computing แล้ว ก็คงจะจำเป็นอย่างยิ่งที่เราจะต้องมีระบบ wifi ที่ต่อเนื่องและมีประสิทธิภาพ เพื่อ maintain ความศักยภาพของระบบให้เต็มประสิทธิภาพ

ซึ่งบางทีมันก็ทำให้ฮารุกินึกถึงสิ่งที่ ไอแซค อาซิมอฟ เขียนไว้ใน เรื่อง นครโลหะ ของนวนิยายชุดนักสืบหุ่นยนต์ครับ ที่อิลิจาห์ แบเลย์ พระเอกของเรื่อง วิพากษ์ระบบ “นคร” (ระบบสาธารณูปโภคของมนุษย์ในเรื่อง) ว่า ระบบที่ซับที่ซับซ้อนมากขึ้นเรื่อยๆ ก็จะทำให้มันยากมากขึ้นที่จะรักษาสภาพไว้ และต้องพึ่งพาการเชื่อมโยงมากมายที่ไม่อาจจะขาดลงได้แม้เพียงช่วงเวลาสั้นๆ

ปัญหาคือเราจะสามารถรักษาระบบแห่งการพึ่งพาและเชื่อมโยงที่ต่อกันแบบไม่มีที่สิ้นสุดนี้ได้อย่างไรครับ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่