สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 7
เคยมีครั้งหนึ่งค่ะ เป็นเคสที่สะเทือนใจลุกค้าหลายๆคนในร้านรวมถึงคนขาย
คือ บ้านหนึ่งพาลูกๆหลานๆไปเที่ยวกันวันหยุด พาเด็กเฮโลกันมาซื้อของ โดยไม่มีกติกาอะไรแต่แรก
เด็กก็นึกว่า เขาซื้อได้ตามใจชอบสิคะ เขาก็เลือกกันคนละหลายๆอย่าง
พอมาจ่ายตังค์ คุณแม่ก็บอกเด็กๆมาจ่ายเงินที่เคาน์เตอร์
แล้วคุณแม่ก็ดู เห็นมีหมากฝรั่ง ลุกอม ชอคโกแลตปนๆๆกันไป ของทุกๆคนมาวางรวมกันอะค่ะ
แล้วคุณแม่ก็หยิบของออก ไม่ซื้อนะเอง โดยไม่ถามเลยว่า ชิ้นไหนใครเลือก ชิ้นไหนของลูกหรือหลานคนไหน
ส่วนใหญ่ที่หยิบออกคือ หมากฝรั่ง กับลูกอม
คือ ถ้าจะไม่ให้ซื้อก็ควรบอกเด็กๆแต่แรกไปเลย เช่น วันนี้อนุญาตขนมกับน้ำต่างๆเต็มที่ เว้นลูกอม
ไม่ใช่ให้เลือกอิสระแล้วมาทำลายความรู้สึกของเด็กๆทีหลัง
คิดว่าเด็กไม่รู้สึกอะไรหรือเปล่าหว่า
ปรากฏว่า เจ้าของลูกอมกับหมากฝรั่งทั้งหมดที่คุณแม่หยิบออก ยืนมองเงียบๆและเสียใจมากกกกกกกกกกก
ยืนหน้าบึ้งแบบน้อยใจก่อนจะแผดเสียงลั่นร้าน ด้วยความน้อยใจมากก "ขนมก็ไม่ซื้อให้ อะไรก็ไม่ให้ใช่ไหมมมม"
เขาไม่สนใจหรอกว่าตัวเองหยิบลูกอม แต่เด็กๆน้องๆพี่ๆคนอื่นแม่ซื้อให้หมด ไม่พอ ไหนแม่บอกว่าซื้ออะไรก็ได้ไง?
มันไม่ตรงกับที่บอกเด็กไว้ เขาก็รับไม่ได้
แล้วเขาวิ่งออกจากร้านไปเลยค่ะ (ไปขึ้นรถ) เสียใจสุดขีด ลุกค้าคนอื่นๆมองกันอึ้งเลย คุณแม่ก็อึ้งเลย
(เข้าใจว่า คุณแม่ไม่ได้ตั้งใจแต่...ก็พลาดไปแล้วแหล่ะ)
ลองคิดถึงใจเด็กๆ พาเขาออกมาเที่ยว ให้เขาซื้ออะไรได้ฟรีสไตล์ในตอนแรกแล้วมาทำลายความรู้สึกเขาในตอนหลังแบบนี้
มันเจ็บใจวัยเยาว์เป็นบ้าเลย
คือ บ้านหนึ่งพาลูกๆหลานๆไปเที่ยวกันวันหยุด พาเด็กเฮโลกันมาซื้อของ โดยไม่มีกติกาอะไรแต่แรก
เด็กก็นึกว่า เขาซื้อได้ตามใจชอบสิคะ เขาก็เลือกกันคนละหลายๆอย่าง
พอมาจ่ายตังค์ คุณแม่ก็บอกเด็กๆมาจ่ายเงินที่เคาน์เตอร์
แล้วคุณแม่ก็ดู เห็นมีหมากฝรั่ง ลุกอม ชอคโกแลตปนๆๆกันไป ของทุกๆคนมาวางรวมกันอะค่ะ
แล้วคุณแม่ก็หยิบของออก ไม่ซื้อนะเอง โดยไม่ถามเลยว่า ชิ้นไหนใครเลือก ชิ้นไหนของลูกหรือหลานคนไหน
ส่วนใหญ่ที่หยิบออกคือ หมากฝรั่ง กับลูกอม
คือ ถ้าจะไม่ให้ซื้อก็ควรบอกเด็กๆแต่แรกไปเลย เช่น วันนี้อนุญาตขนมกับน้ำต่างๆเต็มที่ เว้นลูกอม
ไม่ใช่ให้เลือกอิสระแล้วมาทำลายความรู้สึกของเด็กๆทีหลัง
คิดว่าเด็กไม่รู้สึกอะไรหรือเปล่าหว่า
ปรากฏว่า เจ้าของลูกอมกับหมากฝรั่งทั้งหมดที่คุณแม่หยิบออก ยืนมองเงียบๆและเสียใจมากกกกกกกกกกก
ยืนหน้าบึ้งแบบน้อยใจก่อนจะแผดเสียงลั่นร้าน ด้วยความน้อยใจมากก "ขนมก็ไม่ซื้อให้ อะไรก็ไม่ให้ใช่ไหมมมม"
เขาไม่สนใจหรอกว่าตัวเองหยิบลูกอม แต่เด็กๆน้องๆพี่ๆคนอื่นแม่ซื้อให้หมด ไม่พอ ไหนแม่บอกว่าซื้ออะไรก็ได้ไง?
มันไม่ตรงกับที่บอกเด็กไว้ เขาก็รับไม่ได้
แล้วเขาวิ่งออกจากร้านไปเลยค่ะ (ไปขึ้นรถ) เสียใจสุดขีด ลุกค้าคนอื่นๆมองกันอึ้งเลย คุณแม่ก็อึ้งเลย
(เข้าใจว่า คุณแม่ไม่ได้ตั้งใจแต่...ก็พลาดไปแล้วแหล่ะ)
ลองคิดถึงใจเด็กๆ พาเขาออกมาเที่ยว ให้เขาซื้ออะไรได้ฟรีสไตล์ในตอนแรกแล้วมาทำลายความรู้สึกเขาในตอนหลังแบบนี้
มันเจ็บใจวัยเยาว์เป็นบ้าเลย
ความคิดเห็นที่ 19
พ่อแม่บางคนเค้าไม่รู้หรอกครับว่า ในร้านคุณมีของอะไรบ้าง บางทีเด็กเลือกสิ่งที่เค้าไม่อยากให้ซื้อไป เค้าก็ต้องหยิบออก ผมว่าไม่ได้ผิดอะไรนะ แต่ต้องอธิบายเหตุผลเท่านั้นแหล่ะ มุมมองที่คุณมองบางทีเป็นมุมของคุณ อาจจะไม่ถูกต้องบ้างก็ได้นะครับ และเมื่อคุณขายของเล่นเด็ก คุณจะเจอเป็นร้อย ๆ เป็นพันรายแน่ครับ พ่อแม่บางคนลากเด็กไม่ให้เข้าร้านเลย คุณเองก็เคยเห็น บางรายให้เข้าไปเดินทั่วแล้วไม่ได้ซื้อให้ก็มีใช่ไหม ต้องเห็นใจเค้าบางคนเงินเค้ามีน้อยครับ
ส่วนเรื่องที่เดี๋ยวคนขายฆ่า ฮ่า ๆ มันแรงไปจริงๆ พ่อแม่แบบนี้อันตรายจัง เด็กจะจิตหลุดไปถึงไหนแล้วหน่ะ
การเลี้ยงเด็กยุคก่อน ยุคไดโนเสาร์ ฮ่า ๆ เพื่อความง่ายของผู้เลี้ยงเด็ก มักจะใช้วิธีโกหก เพื่อให้ได้สิ่งที่ผู้ใหญ่ต้องการให้เด็กทำ เหมือนที่ทุกท่านบอกนั่นแหล่ะครับ เช่น ตุ๊กแกมากินตับ จิ๊งจกกัด ตำรวจจับ ฯลฯ เพื่อง่ายประหยัดพลังงานในการพูด พูดสั้น ๆ เด็กกลัวและำทำตามเรา ก็จบง่าย ๆ แต่หารู้ไม่ว่ามีผลกระทบต่อเด็กยันแก่ตายเลยทีเดียว บางคนโตมาด้วยความเกลีัยดกลัว จิ๊งจก ตุ๊กแก เดินผ่านตำรวจไม่ได้กลัวโดนจับ ..... เพราะผู้ใหญ่ที่หัวโบราณ พูดซ้ำๆ พูดบ่อย ๆ พูดทุกวัน จนมันเข้าไปในหัวเด็ก ไปฟังเข้าไปในจิตใต้สำนึก ซึ่งดูเหมือนว่าจะมีผลเสียต่อลูกหลานคุณมากมายเลยครับ
วิธีที่ถูก คือ พูดยาว ๆ อธิบายตามเหตุผลจริง ๆ เอาเรื่องจริงมาพูดให้เด็กฟัง ควักเงินให้ลูกดูว่ามีเงินเท่านี้ ซื้อได้แค่นี้ แพงกว่านี้ซื้อไม่ได้ เดี๋ยวไม่มีเงินไปซื้อข้าวกิน เด็กยุคนี้มันฉลาดมากแล้วครับ ยุคก่อนถ้าเด็กเถียงกลับโดนตบปากเอาง่าย ๆ เหมือนเผด็จการดี ๆ นี่เอง ยุคนี้ควรลองให้เด็กพูด แสดงความคิดเห็นได้ แล้วเราก็ต้องขยัน และอดทนในการตอบคำถามเด็ก สมองจะพัฒนากันตรงนี้เยอะนะครับ เด็กถาม เราตอบ เด็กพูดเราสอน ให้ตายสิ ถ้าพ่อแม่ฉลาด เรื่องแค่เรื่องเีดียว สอนกันได้หลายวิชาเลยแหล่ะ เชื่อได้เลยว่า ถ้าใช้เหตุผลอธิบายเด็กบ่อย ๆ เด็กจะฉลาด มีเหตุผล กล้าพูด กล้าทำ กล้าคิด กล้าถาม
เรื่องกล้าถามเด็กยุคก่อน ไม่กล้าถาม กลัวเป็นแกะดำ กลัวโดนผู้ใหญ่ว่า โลกมันเปลี่ยนแล้ว ผู้ใหญ่โลกล้านปีก็ควรเปลี่ยนได้แล้ว เปลี่ยนจากโกหก เป็นพูดความจริง ด้วยเหตุผล
ผู้ใหญ่หลายคนพูดตามความจริง เช่น ซื้อลูกอมไม่ได้เพราะฟันผุ จบ....... เด็กงงต่อ อารายหว่า ฟันผุคืออะไร หน้าตายังไง มึนต่อไป เพราะไร้คำอธิบาย อย่าลืมอธิบายเด็กด้วยละกันครับ ไม่งั้นเด็กก็จะมึนและสับสนในชีวิตได้ครับ
ส่วนเรื่องที่เดี๋ยวคนขายฆ่า ฮ่า ๆ มันแรงไปจริงๆ พ่อแม่แบบนี้อันตรายจัง เด็กจะจิตหลุดไปถึงไหนแล้วหน่ะ
การเลี้ยงเด็กยุคก่อน ยุคไดโนเสาร์ ฮ่า ๆ เพื่อความง่ายของผู้เลี้ยงเด็ก มักจะใช้วิธีโกหก เพื่อให้ได้สิ่งที่ผู้ใหญ่ต้องการให้เด็กทำ เหมือนที่ทุกท่านบอกนั่นแหล่ะครับ เช่น ตุ๊กแกมากินตับ จิ๊งจกกัด ตำรวจจับ ฯลฯ เพื่อง่ายประหยัดพลังงานในการพูด พูดสั้น ๆ เด็กกลัวและำทำตามเรา ก็จบง่าย ๆ แต่หารู้ไม่ว่ามีผลกระทบต่อเด็กยันแก่ตายเลยทีเดียว บางคนโตมาด้วยความเกลีัยดกลัว จิ๊งจก ตุ๊กแก เดินผ่านตำรวจไม่ได้กลัวโดนจับ ..... เพราะผู้ใหญ่ที่หัวโบราณ พูดซ้ำๆ พูดบ่อย ๆ พูดทุกวัน จนมันเข้าไปในหัวเด็ก ไปฟังเข้าไปในจิตใต้สำนึก ซึ่งดูเหมือนว่าจะมีผลเสียต่อลูกหลานคุณมากมายเลยครับ
วิธีที่ถูก คือ พูดยาว ๆ อธิบายตามเหตุผลจริง ๆ เอาเรื่องจริงมาพูดให้เด็กฟัง ควักเงินให้ลูกดูว่ามีเงินเท่านี้ ซื้อได้แค่นี้ แพงกว่านี้ซื้อไม่ได้ เดี๋ยวไม่มีเงินไปซื้อข้าวกิน เด็กยุคนี้มันฉลาดมากแล้วครับ ยุคก่อนถ้าเด็กเถียงกลับโดนตบปากเอาง่าย ๆ เหมือนเผด็จการดี ๆ นี่เอง ยุคนี้ควรลองให้เด็กพูด แสดงความคิดเห็นได้ แล้วเราก็ต้องขยัน และอดทนในการตอบคำถามเด็ก สมองจะพัฒนากันตรงนี้เยอะนะครับ เด็กถาม เราตอบ เด็กพูดเราสอน ให้ตายสิ ถ้าพ่อแม่ฉลาด เรื่องแค่เรื่องเีดียว สอนกันได้หลายวิชาเลยแหล่ะ เชื่อได้เลยว่า ถ้าใช้เหตุผลอธิบายเด็กบ่อย ๆ เด็กจะฉลาด มีเหตุผล กล้าพูด กล้าทำ กล้าคิด กล้าถาม
เรื่องกล้าถามเด็กยุคก่อน ไม่กล้าถาม กลัวเป็นแกะดำ กลัวโดนผู้ใหญ่ว่า โลกมันเปลี่ยนแล้ว ผู้ใหญ่โลกล้านปีก็ควรเปลี่ยนได้แล้ว เปลี่ยนจากโกหก เป็นพูดความจริง ด้วยเหตุผล
ผู้ใหญ่หลายคนพูดตามความจริง เช่น ซื้อลูกอมไม่ได้เพราะฟันผุ จบ....... เด็กงงต่อ อารายหว่า ฟันผุคืออะไร หน้าตายังไง มึนต่อไป เพราะไร้คำอธิบาย อย่าลืมอธิบายเด็กด้วยละกันครับ ไม่งั้นเด็กก็จะมึนและสับสนในชีวิตได้ครับ
ความคิดเห็นที่ 25
ชอบนะ เจ้าของกระทู้ช่างสังเกตุ สิ่งเล็กๆนี่แหละคือสิ่งสะท้อนให้เห็นสิ่งที่ยิ่งใหญ่แอบซ่อนอยู่
มันเป็นความผิดพลาดมาหลายชั่วอายุคนในประเทศโลกที่3 กับการเลี้ยงดูแบบเผด็จการบวกไร้การศึกษา
ใช้ความกลัวในการควบคุมลูกหลาน จนกลายเป็นคนไม่มั่นใจในตัวเอง เลี้ยงไม่โต ไม่กล้าตัดสินใจ ไม่รู้จักตนเอง
เป็นความอ่อนแอที่สังคมเพิกเฉยเพราะเคยชิน ใช้กันมานานเน เอะอะก็ขู่ให้กลัว ยังไม่หยุดก็ตบตี
พ่อแม่น้อยคนที่จะหยิบหนังสือจิตวิทยาเด็กมาอ่าน เพื่อนำใช้กับลูก บางคนอ่านแต่ไม่เคยนำมาใช้เพราะโทสะบังตา
หยุดใช้ความกลัว เป็นวิธีควบคุมลูก เปลี่ยนเป็นความรักความเข้าใจ มีเวลาให้เขามากๆหน่อย
ถ้าไม่พร้อมจะมีเวลา อย่าเพิ่งมีลูกกันเลย เป็นบาปกรรมกับเด็กๆเปล่าๆ
เด็กเหมือนต้นกล้าที่ต้องการดูแล ไม่ใช่หมาแมวที่จะเลี้ยงเพื่อชื่นชม เบื่อแล้วทิ้ง
ทำเขาเกิดมาเพื่อเป็นภาระ ไปฝากคนอื่นเลี้ยงอย่าให้เขาเกิดดีกว่า
เงินพร้อมภรรยาอยู่บ้านเลี้ยงลูกได้ มีไปเลย..
มันเป็นความผิดพลาดมาหลายชั่วอายุคนในประเทศโลกที่3 กับการเลี้ยงดูแบบเผด็จการบวกไร้การศึกษา
ใช้ความกลัวในการควบคุมลูกหลาน จนกลายเป็นคนไม่มั่นใจในตัวเอง เลี้ยงไม่โต ไม่กล้าตัดสินใจ ไม่รู้จักตนเอง
เป็นความอ่อนแอที่สังคมเพิกเฉยเพราะเคยชิน ใช้กันมานานเน เอะอะก็ขู่ให้กลัว ยังไม่หยุดก็ตบตี
พ่อแม่น้อยคนที่จะหยิบหนังสือจิตวิทยาเด็กมาอ่าน เพื่อนำใช้กับลูก บางคนอ่านแต่ไม่เคยนำมาใช้เพราะโทสะบังตา
หยุดใช้ความกลัว เป็นวิธีควบคุมลูก เปลี่ยนเป็นความรักความเข้าใจ มีเวลาให้เขามากๆหน่อย
ถ้าไม่พร้อมจะมีเวลา อย่าเพิ่งมีลูกกันเลย เป็นบาปกรรมกับเด็กๆเปล่าๆ
เด็กเหมือนต้นกล้าที่ต้องการดูแล ไม่ใช่หมาแมวที่จะเลี้ยงเพื่อชื่นชม เบื่อแล้วทิ้ง
ทำเขาเกิดมาเพื่อเป็นภาระ ไปฝากคนอื่นเลี้ยงอย่าให้เขาเกิดดีกว่า
เงินพร้อมภรรยาอยู่บ้านเลี้ยงลูกได้ มีไปเลย..
ความคิดเห็นที่ 5
ป้าเราเปิดร้านขายของชำ ตอนสมัยเรียนที่ต่างจังหวัด เราก็ไปช่วยขาย
มีคุณพ่อพาลูกสาว 2 คนอายุประมาณ 6 ขวบ กับ 4 ขวบ มาซื้อขนม
ลูกๆ อยากซื้อน้ำอัดลม แต่พ่อไม่อนุญาต เด็กๆ ต่อรองคุณพ่ออยู่พักนึง
สรุปพ่อให้ซื้อได้แค่ขวดเดียวแล้วแบ่งกัน เงินที่เหลือให้ซื้อขนมอย่างอื่น
(สังเกต...เค้าไม่เคยโกหกลูกเลยนะ ไม่เคยพูดแม่ค้าไม่ขาย แต่ออกแนวหยวนๆ จากคนละขวดให้แค่คนละครึ่ง)
คนน้องเลือกก่อนเลย "หนูจะเอาน้ำแดง" คนพี่สะกิดพ่อ ทำตาละห้อย "แต่หนูอยากได้น้ำเขียว"
พ่อให้พี่น้องตกลงกันเอง พี่หันไปถามน้องว่า "เอาน้ำเขียวได้มั้ย"
น้องส่ายหน้าดิกๆ "ไม่เอา..หนูมีน้ำแดงแล้ว ขวดเดียวพอ"
เราอดขำไม่ได้ เด็กหนอเด็ก 555
เค้าคงเข้าใจว่า พี่สาวจะซื้อน้ำเขียวอีกขวด แต่หนูน้อยทำตามคำสั่งพ่อ(ซื้อได้ขวดเดียว)
เป็นอันว่า 2 สาวตัวน้อยได้น้ำแดงกลับบ้าน คุณพ่อปลอบลูกสาวคนโตว่า "คราวหน้าพ่อให้หนูเป็นคนเลือกก่อน"
แหะ แหะ ไม่ค่อยเกี่ยวกับกระทู้นี้เลยเนอะ แต่เรานึกถึงเรื่องนี้ทีไรยิ้มได้ทุกที
มีคุณพ่อพาลูกสาว 2 คนอายุประมาณ 6 ขวบ กับ 4 ขวบ มาซื้อขนม
ลูกๆ อยากซื้อน้ำอัดลม แต่พ่อไม่อนุญาต เด็กๆ ต่อรองคุณพ่ออยู่พักนึง
สรุปพ่อให้ซื้อได้แค่ขวดเดียวแล้วแบ่งกัน เงินที่เหลือให้ซื้อขนมอย่างอื่น
(สังเกต...เค้าไม่เคยโกหกลูกเลยนะ ไม่เคยพูดแม่ค้าไม่ขาย แต่ออกแนวหยวนๆ จากคนละขวดให้แค่คนละครึ่ง)
คนน้องเลือกก่อนเลย "หนูจะเอาน้ำแดง" คนพี่สะกิดพ่อ ทำตาละห้อย "แต่หนูอยากได้น้ำเขียว"
พ่อให้พี่น้องตกลงกันเอง พี่หันไปถามน้องว่า "เอาน้ำเขียวได้มั้ย"
น้องส่ายหน้าดิกๆ "ไม่เอา..หนูมีน้ำแดงแล้ว ขวดเดียวพอ"
เราอดขำไม่ได้ เด็กหนอเด็ก 555
เค้าคงเข้าใจว่า พี่สาวจะซื้อน้ำเขียวอีกขวด แต่หนูน้อยทำตามคำสั่งพ่อ(ซื้อได้ขวดเดียว)
เป็นอันว่า 2 สาวตัวน้อยได้น้ำแดงกลับบ้าน คุณพ่อปลอบลูกสาวคนโตว่า "คราวหน้าพ่อให้หนูเป็นคนเลือกก่อน"
แหะ แหะ ไม่ค่อยเกี่ยวกับกระทู้นี้เลยเนอะ แต่เรานึกถึงเรื่องนี้ทีไรยิ้มได้ทุกที
แสดงความคิดเห็น
ทำไมพาเด็กๆมาซื้อของ พอไม่อยากให้ซื้อจึงชอบขู่ลูกด้วยการโกหกเด็กคะ
แต่ตลอดชีวิตที่ขายมาเนี่ย เจอแบบนี้ทุกวัน และวันละหลายๆหน
และเป็นลูกค้าคนไทยที่มาจากทุกภาค กระจัดกระจายกันไป (ไม่ใช่วัฒนธรรมท้องถิ่นเราแน่ๆ)
เราสงสัยว่ามันเป็นสไตล์ของพ่อแม่จำนวนไม่น้อยของไทยเรา ไม่ได้สรุปว่าส่วนใหญ่นะคะ แค่ว่า ส่วนมากเท่านั้น
พาเด็กๆมาเดินซื้อของ ถ้าเด็กเลือกของถูกใจผู้ใหญ่ก็แล้วไป
แต่ถ้าเด็กไปหยิบของที่ตัวเองจะไม่ซื้อหรือเด็กไม่ควรกินก็บอกเด็กๆว่า
-เอาไปวางที่เดิม แม่ค้าเขาไม่ขาย (มุขนี้เจอบ่อยสุด เราก็คิดในใจว่า ของในร้านทุกชิ้นเราขายนะ ๕๕๕)
-บางคนพาลูกมาซื้อตอนเย็น ก็บอกลูกว่า ตอนเย็นแม่ค้าไม่ขาย แม่ค้าขายตอนเช้า
(ถ้าไม่ขาย เราก็ปิดประตูร้านอยู่แล้ว ที่เปิดร้านก็เพราะขาย ๕๕๕๕ )
-หลอกว่า อันนี้ของผู้ใหญ่ เขาไม่ขายเด็ก (ก็ขนมทั่วไป เด็กบางคนเถียงด้วยว่า ก็หนูเคยกินนนน ๕๕๕)
-หลายๆคนชอบขู่ลูก "แม่ค้าจะตีนะถ้าแม่พูดไม่ฟังเนี่ย" (ดื้อแม่ก็แม่ตีเองสิคะั ทำไมแม่ค้าจะไปตีด้วย? ๕๕๕)
-เคยเจอเคสที่โคม่าที่สุดในชีวิต คือ คุณแม่ขู่คุณลูกว่า "อย่าซนในร้านพี่เค้านะ (หมายถึงเรา) เดี๋ยวพี่เค้าฆ่าเอานะ"
อันนี้เราช็อคมากกกกกกกก แบบ เราไม่ได้หน้าตาเหมือนฆาตกรนะ (ถึงจะหน้าเหี้ยมไปบ้าง)
แล้วการฆ่าแกงกันนี่มันง่ายดายขนาดแค่มาซื้อของในร้านแล้วคนขายฆ่าเนี่ยนะ
คือ....เราไม่เข้าใจระบบการปลูกฝังความคิดให้เด็กของเขามาก
มีครอบครัวหนึ่งเราประทับใจพ่อเขามาก
เขาบริหารจัดการลูกสาวเล็กๆ ๓ คนวัยไล่ๆกัน คือ
พ่อเขาอยู่นอกร้าน ไม่เข้ามาควบคุมการซื้อเลย
เขาแจกตังค์คนละ ๒๐ บ. แล้วบอกลูกว่า
๑. ห้ามซื้อหมากฝรั่ง
๒. ห้ามซื้อน้ำอัดลม
แล้วลูกจะหยิบอะไรเขาก็ไม่ก้าวก่าย
-เด็กมีอิสระในกรอบที่คุณพ่อเองก็พอใจอะ
-เด็กยังได้ฝึกตัดสินใจด้วยตัวเอง ไม่อายคนขาย (เด็กบางคนก็ประหม่าเมื่อต้องทำอะไรด้วยตัวเอง)
-ไม่ถูกพ่อแม่ดุด่าต่อหน้าคนอื่นให้เสียเซลฟ์ด้วย
---
สรุปง่ายๆเราไม่เข้าใจว่า ทำไมต้องใช้วิธีโกหก หลอกเด็กๆ ?
ที่สำคัญ.....หลอกเด็กๆประหนึ่งว่า คนอื่นเนี่ยน่ากลัวมาก เลวร้ายมาก เหมือนปิศาจในเทพนิยาย
ทั้งที่จริงๆแล้ว มันควรเป็นสิ่งที่มีเหตุผล อาจเป็นเหตุผลแบบเด็กๆก็ได้ แต่มันตอ้งไม่ใช่การโกหกแบบนี้
แล้วสังเกตกิริยาของเด็กๆหลังจากถูกพ่อแม่พูดแบบนั้น เด็กมันก็มองหน้าแม่ค้า ทำตาโตๆ
-คนที่ถูกหลอกว่าเรา จะทุบจะตีจะฆ่าจะแกงเนี่ย ตาก็โตมากหน่อย
-ส่วนพวกที่ถูกหลอกว่า เราไม่ขายเนี่ย ตาก็จะโตแบบมีคำถามในแววตาว่า "พี่ไม่ขายจริงๆหรอคะ-ครับ? "
เด็กมันถามเราด้วยแววตา เรารู้สึกเลยอะ
มันเป็นการทำลายระบบเหตุผลในสมองของเยาวชนหรือเปล่าเนี่ยการใช้วิธีหลอกเด็กแบบนี้ (-"
วันนี้ความอดทนของเราก็หมดลง
คุณป้าพาหลานชายมาซื้อของแล้วก็มุขเดิม
เดินตามขู่หลานในร้าน เดี๋ยวแม่ค้าตี เดี๋ยวแม่ค้าทุบ ฯลฯ
พอคุณป้ามาจ่ายเงิน เราเลยถามไปว่า "ทำไมคะ?....เด็กเคยโดนแม่ค้าตีจริงๆหรือไงคะ?...ถามเฉยๆค่ะว่า เคยโดนแม่ค้าตีหรือคะ?"
ป้าก็มองหน้าเรามึนๆ แล้วก็ไม่ตอบ...(และคาดว่าป้าคงไม่มาซื้อแล้วด้วยแหร่ะ )
เราก็ไม่มีลูกนะ (ไม่คิดจะมี) แต่เคยเลี้ยงเด็กเล็กหลายคน
ยอมรับว่า ต้องเสียเวลาในการพูดเป็นบางครั้ง เพื่อจะไม่ต้องโกหกเด็กๆ
ถ้าโกหกให้เด็กกลัว..มันง่าย(มักง่าย)ไปในการเลี้ยงเด็กที่จะโตเป็นผู้ใหญ่ในวันข้างหน้า
หรือเพราะมันง่ายดีจึงเป็นวิธีที่คนใช้กันเยอะคะ ?
ขอบคุณค่ะ