ขอบคุณต้นฉบับ ของ พี่ขอบฟ้าบูรพา ด้วยนะครับ
http://www.bloggang.com/viewblog.php?id=longkiddoo&date=09-05-2010&group=5&gblog=31
อ้างอิงจาก คุณ noooon010
http://board.thaivi.org/viewtopic.php?t=41994
เนื้อหา อาจจะยาวไปสักหน่อย แต่อยากให้อ่านๆ กันกับ จะได้เก็บเอาไว้พิจารณากันด้วย
ถ้าเนื้อหา ซ้ำ ก็ขออภัยมา ณ ที่นี้ ด้วยนะครับ
"ถึงจะใช้ชื่อว่าสิบอย่า แต่จริงๆคงไม่ถึงกับห้ามกันโดยเด็ดขาดหรอกครับ แต่เป็นเรื่องที่ผมคิด(เองเออเอง)ว่าน่าจะมีประโยชน์กับทั้งผู้โพส ผู้ตอบ และผู้อ่าน โดยอาศัยประสบการณ์ในการเป็นทั้งสามสถานะที่ว่ามา กว่าผมจะตัดสินใจเขียนได้ก็นานพอดู เพราะว่าหากผมจะเขียนผมคงเขียนออกมาตามที่คิดจริงๆ แต่ในหลายๆครั้ง
ความจริงนั้นนำมาซึ่งความเจ็บปวด และผมก็ไม่รู้ว่าจะมีใครด่าป่ะป๊า หม่าม้าผมหลังจากได้อ่านบทความนี้หรือเปล่า แต่ในเมื่อเขียนแล้ว และในตอนเขียนทำไปด้วยความปราถนาดีต่อทุกคน ไม่ได้ต้องการที่จะต่อว่าใครเป็นการเฉพาะเจาะจง ดังนั้นผมหวังว่าเมื่อท่านเกิดความรู้สึกไม่พึงประสงค์ต่อบทความนี้ กรุณาปิดหน้าเว็บเถอะครับ และนึกถึงความหวังดีของผมแทนที่จะอารมณ์ไม่ดีเพราะสิ่งที่ผมเขียนเลยครับ"
เอาล่ะ ขอพลีชีพ ณ บัดนี้
1) อย่าถามว่ามีเงินเท่านี้จะไปทำอะไรดี
นี่เป็นคำถามที่เรามักจะพบเจออยู่เสมอ และผมคิดว่าเป็นคำถามที่มักง่ายที่สุด เพราะอะไรครับ เพราะคุณไม่คิดจะทำอะไรเลย ไม่หาข้อมูลทำการบ้านมาก่อน หลายคนพอได้คำแนะนำที่ผิดบ้างถูกบ้างไปก็เอาไปเดาต่อตามที่ตัวเองได้ยินมา ไม่มีการหาข้อมูลตามหลังเพื่อตรวจสอบเช่นกัน ในขณะที่ผมก็สงสัยมากว่าเซียนล่องจุ๊นทั้งหลายที่มาแนะนำนั้นทำไมถึงได้เก่งแบบนี้หนอ
เพราะว่าการที่นักวางแผนทางการเงิน (Certified Financial Planner CFP) นั้นกว่าจะวางแผนทางการเงินให้กับผู้มารับคำปรึกษาได้ ต้องมีข้อมูลลูกค้าหลายอย่างมาก เช่น ทำงานอะไร มีกระแสเงินสดเท่าไหร่ ต้องการใช้เงินในช่วงไหนบ้าง มีข้อจำกัดใด และรับความเสี่ยงได้แค่ไหน นั่นคือสิ่งที่นักวางแผนทางการเงินที่ได้สอบมาแล้วยังต้องการ ในขณะที่เซียนล่องจุ๊นทั้งหลายสามารถบอกได้เลยว่าควรเอาเงินทำนั่นทำนี่ โดยที่ไม่ต้องถามข้อมูลอื่นๆเลย ผมเข้าใจนะว่าหลายคนมีความปราถนาดีอยากแนะนำให้กับคนอื่นๆ แต่คำถามคือความปราถนาดีที่เรามีให้มันจะส่งผลดีกับคนที่รับเอาคำแนะนำของเราไปใช้หรือเปล่าล่ะ เซียนล่องจุ๊นหลายคนก็ยังทำงาน ยังขาดทุน ยังลงทุนไม่เป็นเลย แล้วทำไมเซียนล่องจุ๊นถึงกล้าแนะนำให้คนอื่นทำแบบเราหนอ
แต่ทั้งหลายทั้งปวงผมก็ยังขอบคุณเขาเหล่านั้นในการมาให้คำแนะนำกับคนอื่น แต่สำหรับคนที่มาถามเรื่องพวกนี้ คุณครับการลงทุนหรือการวางแผนทางการเงินไม่ใช่มาม่านะครับ ที่จะได้เทน้ำร้อนแล้วรอสามนาทีได้มาม่าเลย เรื่องพวกนี้ต้องการการเอาใจใส่มากๆ แล้วใครล่ะจะรู้จักเราเท่าตัวของเราเอง ได้โปรดเถอะครับ ทำการบ้านมาบ้าง หรือถ้าไม่รู้อะไรจริงๆ หลังจากมีคนให้คำแนะนำแล้ว ไปหาข้อมูลต่อบ้างว่ามันดีหรือไม่ดีอย่างที่เค้าว่าจริงมั้ย อย่ามักง่ายเลยครับ
คำแนะนำ : ให้ข้อมูลเพิ่มเติมเพื่อความเหมาะสมของคำแนะนำ เช่น ผมมีเงินอยู่1แสนบาท เงินก้อนนี้เป็นเงินเก็บแยกจากเงินที่ใช้ชีวิตประจำวันแล้ว อีกสามปีจะใช้เงินก้อนนี้เพื่อไปเรียนต่อต่างประเทศครับ ผู้ให้คำแนะนำจะได้รู้ว่าเงินก้อนนี้ไม่จำเป็นต้องใช้ในสามปี และไม่ควรลงทุนในหหลักทรัพย์ที่มีความเสี่ยงสูง
2) อย่าถามว่าหุ้นตัวไหนดี
คำถามนี้ก็เป็นอีกหนึ่งคำถามที่พบเจอได้เป็นประจำนะครับ สำหรับผมแล้วถึงมันจะเป็นคำถามที่เฉพาะเจาะจงกว่าคำถามแรก แต่ก็ยังไม่วายแสดงออกถึงความมักง่ายอยู่ดี หุ้นดี จริงๆแล้วมันคืออะไรหรอครับ สำหรับนักลงทุนแนววีไอ อาจจะบอกว่าอ่อหุ้นที่มีผลประกอบการดี พีอีต่ำ แต่ต้องถือสักสามปีนะ ในขณะที่คนเล่นสั้นอาจจะบอกว่า ดี เพราะสโตห้านาทีตัดขึ้นมาแล้ว แต่อย่าถือเกินสามนาทีนะ ผมเลยยังสงสัยว่าเวลาเซียนล่องจุ๊นให้คำแนะนำว่าหุ้นตัวไหนดีๆ เค้าเอาอะไรมาวัดว่ามันดียังไง หุ้นหลายตัวที่ถูกแนะนำ นอกจากจะแย่ในเชิงพื้นฐานแล้ว ยังดูทุเรศในทางเทคนิคอีกด้วย เหตุผลหนึ่งเดียวที่คนแนะนำมีก็คือ เค้ามีหุ้นตัวนี้อยู่ และแน่นอนมันขาดทุน(และเป็นที่มาของคำว่า เซียนล่องจุ๊น) เค้าแค่อยากให้ใครสักคนมาร่วมหัวจมท้ายกับเค้า คำถามคือ คุณพร้อมแล้วใช่ไหมที่จะขาดทุนร่วมกับเค้า หรือคุณคิดว่ามันอาจจะเหมาะสมแล้วก็ได้ การถือหุ้นที่ทำกำไรอาจจะไม่ต้องลุ้นมากเท่ากับการถือหุ้นที่ขาดทุน ประเดี๋ยวมันจะไม่สนุกมั้ง
คำแนะนำ : ลองใช้คำถามที่เฉพาะเจาะจงมากขึ้นว่าหุ้นดีคืออะไร เช่น มีหุ้นตัวไหนบ้างที่ปันผลสูง มีหุ้นตัวไหนที่มีเงินสดต่อราคาสูง หรือถ้าอยากได้ความเห็นของคนอื่น ลองถามว่า คุณคิดว่าหุ้นตัวไหนน่าลงทุนบ้าง เพราะอะไร
สิบอย่าในบอร์ดหุ้น(กระทู้พลีชีพ)
http://www.bloggang.com/viewblog.php?id=longkiddoo&date=09-05-2010&group=5&gblog=31
อ้างอิงจาก คุณ noooon010
http://board.thaivi.org/viewtopic.php?t=41994
เนื้อหา อาจจะยาวไปสักหน่อย แต่อยากให้อ่านๆ กันกับ จะได้เก็บเอาไว้พิจารณากันด้วย
ถ้าเนื้อหา ซ้ำ ก็ขออภัยมา ณ ที่นี้ ด้วยนะครับ
"ถึงจะใช้ชื่อว่าสิบอย่า แต่จริงๆคงไม่ถึงกับห้ามกันโดยเด็ดขาดหรอกครับ แต่เป็นเรื่องที่ผมคิด(เองเออเอง)ว่าน่าจะมีประโยชน์กับทั้งผู้โพส ผู้ตอบ และผู้อ่าน โดยอาศัยประสบการณ์ในการเป็นทั้งสามสถานะที่ว่ามา กว่าผมจะตัดสินใจเขียนได้ก็นานพอดู เพราะว่าหากผมจะเขียนผมคงเขียนออกมาตามที่คิดจริงๆ แต่ในหลายๆครั้ง ความจริงนั้นนำมาซึ่งความเจ็บปวด และผมก็ไม่รู้ว่าจะมีใครด่าป่ะป๊า หม่าม้าผมหลังจากได้อ่านบทความนี้หรือเปล่า แต่ในเมื่อเขียนแล้ว และในตอนเขียนทำไปด้วยความปราถนาดีต่อทุกคน ไม่ได้ต้องการที่จะต่อว่าใครเป็นการเฉพาะเจาะจง ดังนั้นผมหวังว่าเมื่อท่านเกิดความรู้สึกไม่พึงประสงค์ต่อบทความนี้ กรุณาปิดหน้าเว็บเถอะครับ และนึกถึงความหวังดีของผมแทนที่จะอารมณ์ไม่ดีเพราะสิ่งที่ผมเขียนเลยครับ"
เอาล่ะ ขอพลีชีพ ณ บัดนี้
1) อย่าถามว่ามีเงินเท่านี้จะไปทำอะไรดี
นี่เป็นคำถามที่เรามักจะพบเจออยู่เสมอ และผมคิดว่าเป็นคำถามที่มักง่ายที่สุด เพราะอะไรครับ เพราะคุณไม่คิดจะทำอะไรเลย ไม่หาข้อมูลทำการบ้านมาก่อน หลายคนพอได้คำแนะนำที่ผิดบ้างถูกบ้างไปก็เอาไปเดาต่อตามที่ตัวเองได้ยินมา ไม่มีการหาข้อมูลตามหลังเพื่อตรวจสอบเช่นกัน ในขณะที่ผมก็สงสัยมากว่าเซียนล่องจุ๊นทั้งหลายที่มาแนะนำนั้นทำไมถึงได้เก่งแบบนี้หนอ
เพราะว่าการที่นักวางแผนทางการเงิน (Certified Financial Planner CFP) นั้นกว่าจะวางแผนทางการเงินให้กับผู้มารับคำปรึกษาได้ ต้องมีข้อมูลลูกค้าหลายอย่างมาก เช่น ทำงานอะไร มีกระแสเงินสดเท่าไหร่ ต้องการใช้เงินในช่วงไหนบ้าง มีข้อจำกัดใด และรับความเสี่ยงได้แค่ไหน นั่นคือสิ่งที่นักวางแผนทางการเงินที่ได้สอบมาแล้วยังต้องการ ในขณะที่เซียนล่องจุ๊นทั้งหลายสามารถบอกได้เลยว่าควรเอาเงินทำนั่นทำนี่ โดยที่ไม่ต้องถามข้อมูลอื่นๆเลย ผมเข้าใจนะว่าหลายคนมีความปราถนาดีอยากแนะนำให้กับคนอื่นๆ แต่คำถามคือความปราถนาดีที่เรามีให้มันจะส่งผลดีกับคนที่รับเอาคำแนะนำของเราไปใช้หรือเปล่าล่ะ เซียนล่องจุ๊นหลายคนก็ยังทำงาน ยังขาดทุน ยังลงทุนไม่เป็นเลย แล้วทำไมเซียนล่องจุ๊นถึงกล้าแนะนำให้คนอื่นทำแบบเราหนอ
แต่ทั้งหลายทั้งปวงผมก็ยังขอบคุณเขาเหล่านั้นในการมาให้คำแนะนำกับคนอื่น แต่สำหรับคนที่มาถามเรื่องพวกนี้ คุณครับการลงทุนหรือการวางแผนทางการเงินไม่ใช่มาม่านะครับ ที่จะได้เทน้ำร้อนแล้วรอสามนาทีได้มาม่าเลย เรื่องพวกนี้ต้องการการเอาใจใส่มากๆ แล้วใครล่ะจะรู้จักเราเท่าตัวของเราเอง ได้โปรดเถอะครับ ทำการบ้านมาบ้าง หรือถ้าไม่รู้อะไรจริงๆ หลังจากมีคนให้คำแนะนำแล้ว ไปหาข้อมูลต่อบ้างว่ามันดีหรือไม่ดีอย่างที่เค้าว่าจริงมั้ย อย่ามักง่ายเลยครับ
คำแนะนำ : ให้ข้อมูลเพิ่มเติมเพื่อความเหมาะสมของคำแนะนำ เช่น ผมมีเงินอยู่1แสนบาท เงินก้อนนี้เป็นเงินเก็บแยกจากเงินที่ใช้ชีวิตประจำวันแล้ว อีกสามปีจะใช้เงินก้อนนี้เพื่อไปเรียนต่อต่างประเทศครับ ผู้ให้คำแนะนำจะได้รู้ว่าเงินก้อนนี้ไม่จำเป็นต้องใช้ในสามปี และไม่ควรลงทุนในหหลักทรัพย์ที่มีความเสี่ยงสูง
2) อย่าถามว่าหุ้นตัวไหนดี
คำถามนี้ก็เป็นอีกหนึ่งคำถามที่พบเจอได้เป็นประจำนะครับ สำหรับผมแล้วถึงมันจะเป็นคำถามที่เฉพาะเจาะจงกว่าคำถามแรก แต่ก็ยังไม่วายแสดงออกถึงความมักง่ายอยู่ดี หุ้นดี จริงๆแล้วมันคืออะไรหรอครับ สำหรับนักลงทุนแนววีไอ อาจจะบอกว่าอ่อหุ้นที่มีผลประกอบการดี พีอีต่ำ แต่ต้องถือสักสามปีนะ ในขณะที่คนเล่นสั้นอาจจะบอกว่า ดี เพราะสโตห้านาทีตัดขึ้นมาแล้ว แต่อย่าถือเกินสามนาทีนะ ผมเลยยังสงสัยว่าเวลาเซียนล่องจุ๊นให้คำแนะนำว่าหุ้นตัวไหนดีๆ เค้าเอาอะไรมาวัดว่ามันดียังไง หุ้นหลายตัวที่ถูกแนะนำ นอกจากจะแย่ในเชิงพื้นฐานแล้ว ยังดูทุเรศในทางเทคนิคอีกด้วย เหตุผลหนึ่งเดียวที่คนแนะนำมีก็คือ เค้ามีหุ้นตัวนี้อยู่ และแน่นอนมันขาดทุน(และเป็นที่มาของคำว่า เซียนล่องจุ๊น) เค้าแค่อยากให้ใครสักคนมาร่วมหัวจมท้ายกับเค้า คำถามคือ คุณพร้อมแล้วใช่ไหมที่จะขาดทุนร่วมกับเค้า หรือคุณคิดว่ามันอาจจะเหมาะสมแล้วก็ได้ การถือหุ้นที่ทำกำไรอาจจะไม่ต้องลุ้นมากเท่ากับการถือหุ้นที่ขาดทุน ประเดี๋ยวมันจะไม่สนุกมั้ง
คำแนะนำ : ลองใช้คำถามที่เฉพาะเจาะจงมากขึ้นว่าหุ้นดีคืออะไร เช่น มีหุ้นตัวไหนบ้างที่ปันผลสูง มีหุ้นตัวไหนที่มีเงินสดต่อราคาสูง หรือถ้าอยากได้ความเห็นของคนอื่น ลองถามว่า คุณคิดว่าหุ้นตัวไหนน่าลงทุนบ้าง เพราะอะไร