นักล่าแห่งรัตติกาล ภาค สัญลักษณ์เลือด บทที่ 8 เลือด

กระทู้สนทนา
นักล่าแห่งรัตติกาล ภาค สัญลักษณ์เลือด บทต้น
http://www.bloggang.com/mainblog.php?id=moonyforever&month=14-11-2012&group=25&gblog=1

บทที่ 8 เลือด

“ข่าวด่วนค่ะ เราได้รับรายงานว่าพบท่านส.ส.เฟดเดอริก เอียน ร็อคนีย์ เสียชีวิตภายในบ้านพักริมทะเลสาบ สภาพศพของท่านอยู่ในลักษณะนอนหงายคล้ายกำลังพักผ่อนอิริยาบถ ข้างตัวมีบรั่นดีและขวดยาบำรุงหัวใจ จากการชันสูตรเบื้องต้นคาดว่าท่านส.ส.อาจจะเกิดอาการหัวใจวายเฉียบพลัน ตอนนี้ศพของท่านถูกเคลื่อนย้ายไปที่...”

ผู้ประกาศสาวสวยรายงานข่าวด้วยใบหน้าสลด เทเลอร์นั่งฟังรายละเอียดเรื่องพิธีไว้อาลัยต่ออีกเล็กน้อยก่อนจะปิดโทรทัศน์ เขาหันไปมองวลาร์ดที่ละสายตาจากภาพข่าวและหันไปสนใจรายงานคดีฆาตกรรมในแฟ้ม

“คิดอยู่แล้วใช่ไหมว่ามันจะออกมาในรูปนี้”

“ครับ”ลูกครึ่งแวมไพร์ตอบโดยไม่มองหน้า เทเลอร์มองเขาครู่หนึ่งพลางถอนใจ

“ไม่มีร็อคนีย์เราคงตามเบาะแสพวกอิลูมิเนติคได้ยาก เพราะการตายของเขาก็เหมือนกับการเชือดไก่ให้ลิงดู นักการเมืองคนอื่นคงเพิ่มความระมัดระวังในการเคลื่อนไหวมากขึ้นกว่าเดิม”

“ผมไม่คิดจะใช้คนเหล่านั้นอยู่แล้ว”วลาร์ดพูดพลางวางแฟ้มคดีกลับที่เดิม หัวหน้าของเขาเลิกคิ้วด้วยความแปลกใจ

“หรือเธอมีเบาะแสอื่น”

“จะบอกว่าเป็นเบาะแสก็ไม่เชิงแต่มีเหตุการณ์บางอย่างที่ผมคิดว่าสามารถสาวไปถึงตัวไรซินได้”

“เรื่องอะไร” เทเลอร์ถามด้วยความสงสัย วลาร์ดจึงเลื่อนแฟ้มไปไว้ตรงหน้าเขา

“คดีฆาตกรรมที่เกิดขึ้นในช่วงนี้ แม้จะไม่ถี่เหมือนที่เมืองร็อคทาวน์แต่ลักษณะบางอย่างบ่งบอกว่าเป็นฝีมือของกีพาร์ด”

“อะไรทำให้เธอคิดแบบนั้น”

“รูปแบบการฆ่า หลังก่อคดีฆาตกรไม่แตะต้องทรัพย์สินของผู้ตายเลยแม้แต่รายเดียว ที่สำคัญบาดแผลของพวกเขารูปแบบเกิดจากมีดชนิดเดียวกันกับที่กีพาร์ดใช้”

ลูกครึ่งแวมไพร์อธิบาย เทเลอร์มองภาพถ่ายในแฟ้มแล้วขมวดคิ้ว

“เธอรู้ได้ยังไง”

“เขากับผมเหมือนกันตรงที่มีเอกลักษณ์ในการฆ่า แต่นั่นไม่สำคัญเท่ากับเหตุการณ์บางอย่างที่เกิดขึ้นพร้อมกับคดีฆาตกรรม ผมสังเกตเห็นว่าในช่วงที่ผ่านมาทุกครั้งที่มีมนุษย์กลายพันธุ์ออกอาละวาด จะเป็นเวลาเดียวกันกับที่กีพาร์ดก่อคดี”

“แล้วเธอเชื่อมโยงเขากับพวกอิลูมิเนติคได้ยังไง”

เทเลอร์ถาม วลาร์ดตอบด้วยท่าทางที่มั่นใจ

“ผมคิดว่ากีพาร์ดเป็นหมากตัวหนึ่งของไรซิน และตอนนี้เขากำลังวางแผนการบางอย่างที่ผมกำลังพยายามคิดให้ออกว่า มันคืออะไร”

เทเลอร์ถึงกับอึ้งเพราะไม่คิดว่าทุกอย่างที่เกิดขึ้นจะเป็นแผนร้ายของนักวิทยาศาสตร์คนสำคัญของอิลูมิเนติค  

“เขาต้องการอะไรกันแน่”

“เล่นเกมส์ไล่จับโดยใช้ชีวิตของคนเป็นเป้าล่อ”เขาชะงักเล็กน้อยและบดกรามด้วยความโกรธก่อนพูด “ไม่ใช่แค่มนุษย์ธรรมดา ยังรวมถึงพวกเลือดผสมที่อยู่ในหน่วยนักล่านี้ด้วย”

เทเลอร์มองเด็กหนุ่มอย่างเห็นใจเพราะเลือดผสมที่พูดถึงก็คือตัวเขากับวูล์ฟ นับตั้งแต่วันที่เขาทั้งสองรับเชื้อจนถึงบัดนี้ก็ผ่านไปได้สี่วัน ยังไม่มีวี่แววว่าวลาร์ดจะหายารักษาได้เลย

“ตอนนี้เธอเป็นยังไงบ้าง”เทเลอร์ถามด้วยความเป็นห่วง วลาร์ดขมวดคิ้วใช้ความคิด

“วูล์ฟมีอาการแย่ลง แต่ผมกลับไม่แสดงอาการอะไรออกมาเลย”

“อาจจะเป็นเพราะเธอไม่ได้รับเชื้อเหล่านั้นมา” เทเลอร์ตั้งข้อสังเกตแต่ลูกครึ่งแวมไพร์กลับสั่นศีรษะ

“ผมสัมผัสมนุษย์หมาป่าคนนั้นมากกว่าวูล์ฟเสียอีก”เขาลุกขึ้น “จบเรื่องร็อคนีย์แล้วผมขอตัวไปดูวูล์ฟนะครับ”

เขาทำความเคารพเทเลอร์ก่อนจะเดินออกไป ระหว่างทางเด็กหนุ่มพยายามคิดทบทวนถึงวิธีต่างๆที่เขาค้นคว้ามาทั้งหมด แต่ไม่มีสารเคมีหรือยาตัวใดทำลายแบคทีเรียชนิดนี้ได้เลย โชคดีก็คือผลการตรวจเลือดครั้งล่าสุด จำนวนแบคทีเรียในเลือดของวูล์ฟมีค่าคงที่ นั่นก็หมายความว่ามันหยุดการเพิ่มจำนวน ปัญหาก็คือเจ้าแบคทีเรียเหล่านั้นจะยุติการแตกเซลล์ไว้เพียงแค่นั้นหรือหยุดเพื่อรอเวลาที่เหมาะสมจากนั้นจึงแพร่ขยายต่อไป

ความคิดสุดท้ายสร้างความหวั่นใจต่อวลาร์ดเพราะการเพิ่มจำนวนครั้งนี้หมายถึงชีวิตของวูล์ฟ เด็กหนุ่มกำหมัดแน่นและเดินเร็วขึ้นจนแทบจะกลายเป็นวิ่ง เมื่อถึงตึกพยาบาลเขาจึงแหงนหน้ามองไปยังห้องของเพื่อนที่อยู่ชั้นสามและคงกระโดดขึ้นไปอย่างร้อนใจหากดร.วินเซ็นต์ไม่เรียกเอาไว้เสียก่อน

“ไงวลาร์ด”

ลูกครึ่งแวมไพร์หันไปมอง อีกฝ่ายหยุดชะงักและผงะเล็กน้อยเพราะใบหน้าของเด็กหนุ่มในยามนี้ทั้งเคร่งเครียดและดุดันจนบรรยากาศรอบตัวมืดทะมึนชวนให้ขวัญผวา เมื่อเห็นดร.วินเซ็นต์มีสีหน้าหวาดกลัววลาร์ดจึงข่มใจสะกดกลั้นความโกรธทั้งหมดและเอ่ยปากทักด้วยน้ำเสียงราบเรียบเหมือนอย่างเคย

“ดร.วินเซ็นต์”

“มาเยี่ยมวูล์ฟเหรอ” แพทย์ประจำหน่วยนักล่าถามอย่างกล้าๆกลัวๆ วลาร์ดผงกศีรษะ

“เขาเป็นยังไงบ้าง”

“ไข้ลดลงจนเกือบจะเป็นปรกติ กินอาหารได้มากเหมือนทุกครั้ง โดยรวมแล้วดูเหมือนอาการของเขาจะทุเลาลงแต่ผมยังไม่กล้าปล่อยให้กลับห้องเพราะในกระแสเลือดเขายังมีแบคทีเรีย”

วลาร์ดขมวดคิ้ว

“ค่าของมันเปลี่ยนแปลงไปบ้างหรือเปล่า”

ดร.วินเซ็นต์สั่นศีรษะและตอบระหว่างรอลิฟท์

“นั่นคือสิ่งที่ผมกังวล เพราะถ้าจำนวนของแบคทีเรียมีการเปลี่ยนแปลงบ้างอาจจะพอเดาได้ว่ามันได้รับผลจากยาที่เราให้ไป”

เขาระบายลมหายใจออกมาอย่างกลัดกลุ้มพลางพูดด้วยสีหน้าที่ไม่ค่อยดีนัก

“ผมเป็นหมอมานาน รักษาโรคมาก็มาก ไม่เคยเจอแบคทีเรียประหลาดอะไรแบบนี้ ถึงจะหยุดการเจริญเติบโตแต่มันให้ความรู้สึกเหมือนระเบิดเวลา พอได้จังหวะก็ตูม”

ทั้งคู่หยุดยืนหน้าห้องพักของวูล์ฟ ดร.วินเซ็นต์ทำท่าจะเปิดประตูแต่หยุดชะงักเหมือนนึกอะไรขึ้นมาได้

“จะเข้าไปด้วยกันไหม”

“ครับ”ลูกครึ่งแวมไพร์ตอบ แพทย์ประจำหน่วยมองเขาอย่างเห็นใจก่อนจะเปิดประตุ เมื่อเข้าไปด้านในดร.วินเซ็นต์เอ่ยทักทายวูล์ฟด้วยน้ำเสียงที่เป็นปรกติ อีกฝ่ายขานตอบพร้อมกับเลื่อนสายตาผ่านนายแพทย์มายังด้านหลัง

“ไงเจ้าผีดิบ”
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่