ทำงานมาร่วม 2 ปีครับ ซึ่งเข้าใจว่าตนเองก็เป็นพวกเด็กเจนวาย ซึ่งมันก็ไม่ค่อยทำอะไรทนๆนานๆได้ แต่ก้สู้ทนมา 2 ปี ซึ่งส่วนตัว ทำงานร่วมกับผู้หญิงส่วนใหญ่แล้วที่สำคัญไฮโซซะด้วย ดังนั้นผมจึงไม่ค่อยจะพูดคุยในวงสนทนาเหล่านั้นเท่าใดนัก ซึ่งก็ทำให้เมื่อผิดพลาดในงานใดใดบ้างก็จะทำตำนิเป็นการใหญ่ ในขนาดที่กลุ่มๆก็หยวนๆกันไป ตรงนั้นก็เป็นประเด็นหนึ่งที่ทำให้ผมรู้สึกอึดอัดมากๆ สำหรับการทำงานในที่นี้ แต่ก็กัดฟันทนทำมา 2 ปี แจ้งลาออกไป
ในตอนนี้คิดเพียงว่าออกเพื่อพักผ่อนไปอยากทำงาน อยากอยู่เฉยๆสักพัก ก็เลยลาออกไปในเหตุผลที่ว่าช่วยงานที่บ้าน
พอๆใกล้ถึงวันสุดท้ายของการทำงาน เบื้องบนทั้งหลายก็เรียกพบเพื่อสอบถาม เพื่อให้เราชี้แจงเหตุผลสำหรับการลาออกนี้ ก็พูดไปตามนั้นว่าช่วยงานบ้าน ซึ่งก็ถูกเข้าใจว่าไม่มีงานทำ ทางบอสใหญ่ก็พรรณนาถึงภาวะเศรษฐกิจที่จะถึงในกลางปีนี้ ซึ่งจะตกต่ำมากๆ จึงทำให้บริษัทไม่จ้างคนใหม่ ดังนั้นถ้าจะให้ทำต่อจะสะดวกมั้ย เอ่อ.. ใจแรกคือเอาไงดีวะ -*- อยากออกแท้ๆ แต่นี่ผู้หลักผุ้ใหญ่มาขนาดนี้ ก็เลยต้องตอบโอเคทำงานต่อก็ได้ครับ แต่ก้ถามต่อเรื่องเงินเดือน เพราะที่ทำอยู่ก็ยังไม่ถึงขั้นต่ำทั้งๆที่ก้ 2 ปีละ ท่านๆตอบว่า ก้ขึ้นให้ตามสมควร แต่สวัสดิการ + เงินเดือนแล้วถือว่าสูสีกับที่อื่นๆ ตอบผมมาเช่นนี้ พร้อมกับสั่งให้ยกเลิกใบลาออกของผมไป
ในตอนนั้นก็รู้สึกยินดี เพราะคืดว่าเขาคงอยากให้ทำจริงๆ ก็เลยโล่งใจ หลังจากนั้นไม่นานหัวหน้าฝ่าย ก็ออกมาพร้อมกับกรรมการที่เรียกคุย เราๆก็ลาท่านๆไปปกติ แต่หัวหน้าฝ่ายกลับหันมาแล้วชี้หน้าเรา พรอ้มกับแสดงปฏิกิริยา แบบไม่พอใจ เหมือนกับเราไปสร้างเรื่องอะไรให้เขาแบบนั้นซะอีก ซึ่งทำให้เราจิตตกซะ เพราะนั้นหัวหน้าฝ่ายเลยนะนั่น เราก็งง พร้อมกับพิจารณาตัวเองว่ากุผิดอะไร แต่ก็คิดไม่ออก เพราะก็ได้แค่งง
ต่อมาอีกวันหัวหน้าแผนกโทรถามเป็นยังไง พร้อมกับบอกกล่าวว่า ดีแล้ว ยังไงก็เริ่มต้นใหม่ ทีหลังจะทำอะไรให้ปรึกษาที่บ้าน ที่เขาก่อนจะทำอะไรไป ในที่นี้คือลาออก และรวมถึงกระตือรือร้นในการทำงานด้วย ตั้งใจทำงานหน่อย เอาใหม่ๆ เราก็ได้แค่รับฟังเพราะงงว่า ตุไม่กระตือรือร้นหรือ
หรือว่านี่คือ การสงสารจากบริษัท ที่รับเราอีกครั้ง.
พอมานั้งคิด คือระหว่างที่แจ้งออกไป ก็มีเรียกสัมภาษณ์ จากที่ต่างๆเช่นกัน ซึ่งแต่ละที่ ก็เริ่มต้นที่ขั้นต่ำด้วยทั้งนั้น ร่วมถึงธนาคารต่างๆ ก็รับเรทนี้เช่นกัน แถมยังเพิ่มให้สำหรับผุ้ที่มีประสบการณ์แล้วอีกด้วย เราเห็นเราก็มานั้งคิดว่า เราตอบตกลงไปแล้วนิ เราจะออกได้มั้ยล่ะเนี่ย
พอมาคิดดีดี ที่เขารับเราเขาได้ประโยชน์มากๆ เพราะว่า หากรับคนใหม่ก็ต้องขั้นต่ำแล้ว ซึ่งจ่ายมากกว่าจ่ายเรา รวมถึงต้องสอนงานใหม่อีก ทำให้เกิดความล่าช้า แต่ถ้าเรายังคงทำงานอยู่ ทุกอย่างจบ แถมไม่ต้องมาสอนงาน ซึ่งบริษัท win ไป แต่เราไม่ win เพราะภาพรวมหากเราย้ายจริงๆ ก็จะได้มากกว่าที่ทำอยู่ 3-4 พัน ปรึกษาเพื่อนๆที่ทำงานที่ต่างๆ ก็๋แนะนำให้หาต่อ ซึ่งเมื่อได้ก็แจ้งออกอีกรอบเลย แต่คราวนี้คือได้ที่ใหม่แล้วด้วย ทำให้บริษัทไม่สามารถต่อรองกับเราได้ แต่ด้วยตอนนี้เรารุ้สึกแย่มากถ้าทำเช่นนั้น เพราะเหมือนเรายินยอมข้อเสนอนั้นแล้ว แต่เมื่อทำแบบนี้ก็เหมือนฉีกหน้าผุ้ใหญ่ของบริษัทเลยทีเดียว รวมถึงถูกเน้นย้ำว่านี่คือเคสพิเศษของบริษัทเลยทีเดียวจากหัวหน้าแผนก ก็เลยคิดไม่ตกว่าในสถานการณ์นี้ไปทางไหนดี เงินก็แย่ สิ่งแวดล้อมก็แย่อีก ตัวเองก็ถูกเพื่อนร่วมงานมองว่าแย่อีกเนื่องจากบอกออกแล้ว แต่กลับคำมาทำต่อซะได้
ไม่รู้ว่าควรจะอยู่จุดไหน หรือไม่สนใจอะไรทำต่อไปหาใหม่ปีหน้า หรือหาเลยในตอนนี้ เพราะส่วนที่เราพึงจะได้มันมากกว่าที่ทำอยู่
กระทู้บ่นๆๆ เชิงปรึกษาครับ
ในตอนนี้คิดเพียงว่าออกเพื่อพักผ่อนไปอยากทำงาน อยากอยู่เฉยๆสักพัก ก็เลยลาออกไปในเหตุผลที่ว่าช่วยงานที่บ้าน
พอๆใกล้ถึงวันสุดท้ายของการทำงาน เบื้องบนทั้งหลายก็เรียกพบเพื่อสอบถาม เพื่อให้เราชี้แจงเหตุผลสำหรับการลาออกนี้ ก็พูดไปตามนั้นว่าช่วยงานบ้าน ซึ่งก็ถูกเข้าใจว่าไม่มีงานทำ ทางบอสใหญ่ก็พรรณนาถึงภาวะเศรษฐกิจที่จะถึงในกลางปีนี้ ซึ่งจะตกต่ำมากๆ จึงทำให้บริษัทไม่จ้างคนใหม่ ดังนั้นถ้าจะให้ทำต่อจะสะดวกมั้ย เอ่อ.. ใจแรกคือเอาไงดีวะ -*- อยากออกแท้ๆ แต่นี่ผู้หลักผุ้ใหญ่มาขนาดนี้ ก็เลยต้องตอบโอเคทำงานต่อก็ได้ครับ แต่ก้ถามต่อเรื่องเงินเดือน เพราะที่ทำอยู่ก็ยังไม่ถึงขั้นต่ำทั้งๆที่ก้ 2 ปีละ ท่านๆตอบว่า ก้ขึ้นให้ตามสมควร แต่สวัสดิการ + เงินเดือนแล้วถือว่าสูสีกับที่อื่นๆ ตอบผมมาเช่นนี้ พร้อมกับสั่งให้ยกเลิกใบลาออกของผมไป
ในตอนนั้นก็รู้สึกยินดี เพราะคืดว่าเขาคงอยากให้ทำจริงๆ ก็เลยโล่งใจ หลังจากนั้นไม่นานหัวหน้าฝ่าย ก็ออกมาพร้อมกับกรรมการที่เรียกคุย เราๆก็ลาท่านๆไปปกติ แต่หัวหน้าฝ่ายกลับหันมาแล้วชี้หน้าเรา พรอ้มกับแสดงปฏิกิริยา แบบไม่พอใจ เหมือนกับเราไปสร้างเรื่องอะไรให้เขาแบบนั้นซะอีก ซึ่งทำให้เราจิตตกซะ เพราะนั้นหัวหน้าฝ่ายเลยนะนั่น เราก็งง พร้อมกับพิจารณาตัวเองว่ากุผิดอะไร แต่ก็คิดไม่ออก เพราะก็ได้แค่งง
ต่อมาอีกวันหัวหน้าแผนกโทรถามเป็นยังไง พร้อมกับบอกกล่าวว่า ดีแล้ว ยังไงก็เริ่มต้นใหม่ ทีหลังจะทำอะไรให้ปรึกษาที่บ้าน ที่เขาก่อนจะทำอะไรไป ในที่นี้คือลาออก และรวมถึงกระตือรือร้นในการทำงานด้วย ตั้งใจทำงานหน่อย เอาใหม่ๆ เราก็ได้แค่รับฟังเพราะงงว่า ตุไม่กระตือรือร้นหรือ
หรือว่านี่คือ การสงสารจากบริษัท ที่รับเราอีกครั้ง.
พอมานั้งคิด คือระหว่างที่แจ้งออกไป ก็มีเรียกสัมภาษณ์ จากที่ต่างๆเช่นกัน ซึ่งแต่ละที่ ก็เริ่มต้นที่ขั้นต่ำด้วยทั้งนั้น ร่วมถึงธนาคารต่างๆ ก็รับเรทนี้เช่นกัน แถมยังเพิ่มให้สำหรับผุ้ที่มีประสบการณ์แล้วอีกด้วย เราเห็นเราก็มานั้งคิดว่า เราตอบตกลงไปแล้วนิ เราจะออกได้มั้ยล่ะเนี่ย
พอมาคิดดีดี ที่เขารับเราเขาได้ประโยชน์มากๆ เพราะว่า หากรับคนใหม่ก็ต้องขั้นต่ำแล้ว ซึ่งจ่ายมากกว่าจ่ายเรา รวมถึงต้องสอนงานใหม่อีก ทำให้เกิดความล่าช้า แต่ถ้าเรายังคงทำงานอยู่ ทุกอย่างจบ แถมไม่ต้องมาสอนงาน ซึ่งบริษัท win ไป แต่เราไม่ win เพราะภาพรวมหากเราย้ายจริงๆ ก็จะได้มากกว่าที่ทำอยู่ 3-4 พัน ปรึกษาเพื่อนๆที่ทำงานที่ต่างๆ ก็๋แนะนำให้หาต่อ ซึ่งเมื่อได้ก็แจ้งออกอีกรอบเลย แต่คราวนี้คือได้ที่ใหม่แล้วด้วย ทำให้บริษัทไม่สามารถต่อรองกับเราได้ แต่ด้วยตอนนี้เรารุ้สึกแย่มากถ้าทำเช่นนั้น เพราะเหมือนเรายินยอมข้อเสนอนั้นแล้ว แต่เมื่อทำแบบนี้ก็เหมือนฉีกหน้าผุ้ใหญ่ของบริษัทเลยทีเดียว รวมถึงถูกเน้นย้ำว่านี่คือเคสพิเศษของบริษัทเลยทีเดียวจากหัวหน้าแผนก ก็เลยคิดไม่ตกว่าในสถานการณ์นี้ไปทางไหนดี เงินก็แย่ สิ่งแวดล้อมก็แย่อีก ตัวเองก็ถูกเพื่อนร่วมงานมองว่าแย่อีกเนื่องจากบอกออกแล้ว แต่กลับคำมาทำต่อซะได้
ไม่รู้ว่าควรจะอยู่จุดไหน หรือไม่สนใจอะไรทำต่อไปหาใหม่ปีหน้า หรือหาเลยในตอนนี้ เพราะส่วนที่เราพึงจะได้มันมากกว่าที่ทำอยู่