กลศึกอันแยบยลนั้นต้องแปรเปลี่ยนไปตามสถานการณ์ พลิกแพลงไปตามความเหมาะสม แปรเปลี่ยนไปตามกาลเวลาและสภาพแวดล้อม จะยึดติดกับกลศึกเดิมๆไม่ได้ โดยเฉพาะต้องพลิกแพลงให้ทันคู่ต่อสู้ และต้องทันต่อยุคสมัยที่เปลี่ยนไป
แท็คติคฟุตบอลก็แปรเปลี่ยนไปตามยุคสมัยเช่นกัน
ระบบการเล่น 4-2-3-1 ถูกนำมาใช้อย่างแพร่หลายในวงการฟุตบอล ตั้งแต่ทีมชาติยันสโมสร ว่ากันว่าเมื่อแผนนี้ถูกนำมาใช้แรกๆ ประสิทธิภาพในแดนกลางของทีมที่ใช้รัดกุมขึ้นมาทันตาเห็น
โดยเฉพาะทีมเล็กๆแทบจะเลิกใช้แผน 4-4-2 ไปเลย เพราะกองกลาง 2 คน เมื่อเจอกับแผนที่มีผู้เล่นแดนกลางเยอะกว่า จะเสี่ยงต่อการถูกแย่งพื้นที่ในแดนกลางและเป็นสาเหตุของความพ่ายแพ้ในที่สุด
เมื่อทุกท่านดูการถ่ายทอดสดทางหน้าจอทีวี จะเห็นหลายๆทีมใช้แผนนี้กันจนเป็นแผนยอดฮิตเลยทีเดียว
ในลีกอังกฤษทีมที่มักใช้แผนนี้อาทิเช่น เชลซี, เอฟเวอร์ตัน, ควีนส์ปาร์ค เรนเจอร์ส, เซาแธมป์ตัน, สวอนซี, สเปอรส์ ซึ่งในลีกอื่นที่เห็นได้ชัดกับระบบนี้ ก็พวก เรอัล มาดริด, ดอร์ทมุนด์, บาเยิร์น มิวนิค และอีกมากมายที่ไม่ได้เอ่ยถึง
ในแผนนี้จะเล่นเกมสวนกลับหรือจะเล่นแบบต่อบอลสั้นๆ ก็สามารถทำได้ดี ที่สำคัญลดการเสี่ยงต่อการถูกชิงพื้นที่ในแดนกลางได้เป็นอย่างมากทีเดียว
และในวันนี้ผมจะมาพูดถึงประเด็นของผู้จัดการทีมอาวุโสที่ผ่านร้อนผ่านหนาวและมีประสบการณ์คุมทีมอย่างโชกโชน
คนๆนั้นก็คือ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ผู้จัดการทีม แมนยูฯ หรือที่เราเรียกกันสั้นๆว่า เฟอร์กี้
เฟอร์กี้นั้นคุมทีมแมนยูฯมาอย่างยาวนาน โดยแผนที่เขาถนัดและเปรียบเสมือนสัญลักษณ์ของทีมคือแผน 4-4-2
แผนนี้ทุกท่านคงเห็นกันมาอย่างยาวนานแล้วนะครับ อาวุธสำคัญของแผนนี้คือ ปีกทั้งสองข้าง ซึ่งทำเกมริมเส้นและพื้นที่ทางด้านข้างก็สามารถรุกได้รับได้ เมื่อประสานงานกับแบ็ค
แต่แผนนี้บ่อยครั้งมักถูกแผนอื่นที่มีผู้เล่นในแดนกลางเยอะกว่าชิงความได้เปรียบในแดนกลางไป ซึ่งทำให้เกิดการเสี่ยงต่อการถูกเจาะแนวรับอย่างช่วยไม่ได้
ในปัจจุบัน เฟอร์กี้จึงหันมาใช้แผนอื่นตามความเหมาะสมของสภาพทีมและแบบระบบการเล่นของคู่ต่อสู้ เพราะถ้าไม่ปรับเปลี่ยนไปตามความเหมาะสม แทคติคจะตามไม่ทันต่อคู่ต่อสู้เลย
จะเห็นได้ว่าแม้เฟอร์กี้จะประสบความสำเร็จกับแผนไหน แต่เขาไม่เคยยึดติดกับมันแม้แต่น้อย เขาสามารถทันต่อแท็คติคที่เปลี่ยนไปในวงการฟุตบอลอย่างต่อเนื่อง
แผน 4-4-2 คือแผนที่ถนัดและผู้เล่นก็เข้าใจในระบบแบบแผนนี้ที่สุด ซึ่งเขาก็ใช้แผนนี้บ่อย เพราะจุดเด่นของทีมอยู่ที่ริมเส้น ซึ่งหลายครั้งทีมเล่นกันไม่ไหลลื่น แต่เมื่อได้โอกาสไม่กี่ครั้ง ผู้เล่นก็ฉกฉวยโอกาสทำประตูไว้ได้ เพราะมันเป็นรูปแบบซึ่งลูกทีมเขาเคยชิน
ในอดีตที่ผ่านมาเฟอร์กี้เคยเปลี่ยนระบบการเล่นมาเป็น 4-5-1 มาแล้วในช่วงที่ คาร์ลอส เคยรอซ เป็นผู้ช่วยเขา เฟอร์กี้ดึงดันใช้จนล้มเหลวไม่เป็นท่า พลาดแชมป์ให้แก่อาร์เซน่อล ในฤดูกาล 2001-2002
แม้ในฤดูกาล 2002-2003 แมนยูฯจะทวงแชมป์จากอาร์เซน่อลได้สำเร็จ รุด ฟาน นิสเตรลอย ยิงในลีกอย่างถล่มทลายถึง 25 ประตูและเป็นดาวซัลโว โดยใช้ระบบ 4-5-1 ที่เฟอร์กี้ดึงดันใช้จนคว้าแชมป์ โดยไม่สนใจเสียงโห่จากแฟนบอลที่เร่งเร้าให้มาใช้ระบบ 4-4-2
แต่เฟอร์กี้ก็ตระหนักดีว่า ในระบบ 4-5-1 ที่เขาใช้นั้นเป็นแผนที่พึ่งผู้เล่นอย่าง รุด ฟาน นิสเตรลอย มากเกินไป นักเตะย่อมไม่สามารถอยู่กับสโมสรและมีช่วงเวลาดีๆได้ตลอดไป ระบบที่ลงตัวโดยไม่ต้องพึ่งนักเตะคนใดคนหนึ่งตลอดต่างหากหละที่ควรนำมาใช้
สุดท้ายเฟอร์กี้ เลือกใช้แผนเดิมของทีมที่ใช้มาตลอดคือ แผน 4-4-2
โดยที่ผ่านๆมา เฟอร์กี้ก็เปลี่ยนทีมไปตามความเหมาะสมทั้งในเกมลีกและเกมยุโรป 4-5-1, 4-1-3-2, 4-3-3 ก็ถูกนำมาใช้เป็นครั้งคราว
กระทั้งในปี 2013 นี้เฟอร์กี้เล็งเห็นว่า แท็คติคสมัยใหม่ที่หลายทีมนิยมมาใช้คือแผน 4-2-3-1 นั้น มีประสิทธิภาพที่น่าทดลองเอามาใช้เป็นอย่างยิ่ง เพราะทีมเฟอร์กี้ เจอทีมที่ศักยภาพด้อยกว่ามาใช้แผนนี้ กุมความได้เปรียบในแดนกลางชนิดที่เฟอร์กี้ยังทึ่งต่อระบบยอดฮิตนี่ทีเดียว
4-2-3-1 ที่เฟอร์กี้นำมาใช้นั้น ทำให้ทีมมีความรัดกุมในสถานการณ์ที่ต้องเจอทีมใหญ่และแมตช์ที่สำคัญๆ
เลข 2 ในแผนนี้ซึ่งเป็นตำแหน่งกองกลางยังส่งผลให้ ไมเคิ่ล คาร์ริค กลับมาโชวฟอร์มได้อย่างยอดเยี่ยมในฤดูกาลนี้อีกด้วย เพราะมีผู้เล่นอีกคนคอยช่วยแบ่งเบาภาระเขา ซึ่งคารริคเป็นนักเตะที่ยืนตำแหน่งดี จ่ายบอลสั้นได้อย่างแม่นยำให้เพื่อนร่วมทีมเล่นง่ายๆ
ระบบนี้สามารถปิดจุดอ่อนของคารริค ในการวิ่งไล่แย่งบอลได้เป็นอย่างดี เพราะเขาไม่ใช่สไตล์ที่วิ่งไล่ในแดนกลางอย่างรวดเร็วและดุดัน
จากที่เราเห็นเขาฟอร์มย่ำแย่ในระบบ 4-4-2 ซึ่งมีแดนกลางตรงกึ่งกลางสนามคู่ 2 คน ปัจจุบันด้วยแผนใหม่นี้เราจึงเห็นเขากลับมาฟอร์มที่ดีอีกครั้งหนึ่ง
แผน 4-2-3-1 ที่เฟอร์กี้นำมาใช้ตรงเลข 3 ริมเส้นทั้งสองข้าง ยังหุบมาช่วนแดนกลางได้อีกด้วย
ส่วนตรงกลางของเลข 3 ที่มักใช้รูนี่ย์ยืนเป็นมิดฟิลด์ตัวรุก ก็ช่วยเชื่อมเกมได้อย่างดี สามารถช่วยเกมรับได้และยังขึ้นสูงไปเป็นหน้าต่ำได้อีกด้วย
ยังไม่รวมถึงการสลับเปลี่ยนตำแหน่งระหว่างการแข่งขันของระบบนี้ ซึ่งค่อนข้างมีความยืดหยุ่นทีเดียว
ส่วน อันแดร์สัน ก็สามารถเล่นบอลจ่ายเรียดได้อย่างลงตัว เพราะมีมิดฟิลด์หลายคนช่วยกันทำเกม ภาระหนักไม่ได้อยู่ที่เขาในการจ่ายบอลไปข้างหน้าและต้องจ่ายขวางสนามในหลายรูปแบบอีกต่อไป แต่ทดแทนด้วยจุดเด่นการไปกับบอลได้ดีและจ่ายเรียดได้ดีแทน
ในทีมยังมี คากาวะ ที่สามารถเล่นแทนรูนี่ย์ได้ในตำแหน่งนี้ ซึ่งถือเป็นความหลากหลายในตัวผู้เล่นอันเหมาะกับระบบของทีม
ในเกมเอฟเอ คัพ รอบ 4 กับ ฟูแล่ม ทีมก็เล่นกันได้อย่างลงตัวจนนำมาสู่ชัยชนะอย่างสวยงาม
ฟูแล่มนั้นก็ใช้แผน 4-2-3-1 เช่นเดียวกัน แต่เกมรุกของแมนยูประสานงานกันได้อย่างลงตัวกว่ามาก เมื่อแผนนี้เจอกันเอง มักจะวัดว่าทีมไหนสร้างระบบนี้ได้ดีกว่ากันและนำความสามารถของนักเตะมาใช้กับแผนนี้ได้ดีกว่ากัน ซึ่ง เราคงเห็นกันแล้วว่าแมนยูมีศักยภาพทีมที่เหนือกว่าอย่าชัดเจน
อย่างไรก็ตามแผนทุกแผนล้วนมีจุดอ่อน แผนนี้จุดอ่อนที่เห็นได้ชัดคือเกมรับตรงริมเส้น ในกรณีริมเส้นทั้ง 2 ข้างหุบเข้ากลางมามากเกินไป จนเปิดโอกาสให้คู่ต่อสู้โจมตีกดดันทางกราบมาถึงแบ็คได้อย่างรวดเร็ว
แต่กระนั้นก็ตามถ้าเพรซซิ่งไล่บอลเร็วและเป็นระบบ ก็สามารถปิดจุดอ่อนนี้ได้ดีเลยทีเดียว และนี่คือเหตุผลที่หลายๆทีมหันมาใช้แผนนี้กันอย่างแพร่หลาย
ประเด็นหลักที่ผมนำมาเสนอก็คือ มีผู้จัดการทีมหลายต่อหลายคนยึดติดแต่กับแผนการเล่นและระบบของตัวเองที่คุ้นเคยและใช้ได้ผล จนไม่สามารถตามทันแทคติคใหม่ๆของคู่ต่อสู้
ยึดติดบ้าง ไม่กล้าเปลี่ยนบ้าง ตามแทตติคไม่ทันบ้าง ส่งผลให้ทีมไม่สามารถเอาชนะคุ่ต่อสู้ได้แบบเดิม เพราะคู่ต่อสู้ก็มีการเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีขึ้นตลอดเวลา
แต่เฟอร์กี้นั้น แม้ผ่านประสบการณ์การเป็นแชมป์อย่างโชกโชน เขาก็ไม่ยึดติดกับแผนการเล่นใดแผนการเล่นหนึ่ง
พร้อมที่จะปรับเปลี่ยนตามสถานการณ์ตามยุคสมัยได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ดั่งตำราพิชัยสงคราม แม้แม่ทัพหรือกุนซือคนใดจะอ่านตำราพิชัยสงครามจนหมดและท่องได้อย่างแม่นยำ แต่ถ้าคร่ำครึ ไม่รู้จักดัดแปลงตามสถารการณ์ ยึดติดแต่ในตำรา ก็จะเป็นผู้นำทัพที่เก่งกาจมิได้เลย
เฟอร์กี้เป็นสุดยอดผู้จัดการทีมมิเพียงเก่งกาจ แต่เป็นผู้จัดการทีมที่ไม่หลงยุค ไม่ลืมตัวกับความสำเร็จ
ชนะก็มิลำพองผยองตนจนไม่เห็นสถานการณ์เบื้องหน้า พ่ายแพ้ก็มิได้ตระหนกตกใจจนลนลาน
แทคติคใหม่ๆ แรงบันดาลใจใหม่ๆ เขานำมาใช้อย่างลงตัวเสมอ
แม้ตัวเขาจะอายุมากแล้วประสบความสำเร็จมาแล้วอย่างยิ่งใหญ่ก็ตาม
ด้วยความทุ่มเทของเฟอร์กี้ และสิ่งที่เขาได้ทำนับว่าเขาเป็นต้นแบบของบุคคลที่น่าเอาเป็นเยี่ยงอย่าง
แฟนบอลแมนยูฯทั้งหลายจงภูมิใจเถิด ที่ได้ทันดูสุดยอดผู้จัดการทีมในยุคนี้
เฟอร์กี้คือหนึ่งในสิ่งมหัศจรรย์ของโลก และพวกคุณที่เป็นแฟนบอลทุกคนก็คือส่วนหนึ่งในความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ของเขา
เพราะภารกิจที่เฟอร์กี้ได้ทำมิใช่แต่สร้างความสำเร็จให้แก่ทีมเท่านั้น แต่ยังเป็นการสร้างทีมให้พวกคุณหลงรักในแมนยูฯอย่างมีความสุข เปรียบเสมือนครอบครัวอันอบอุ่นนั่นเอง ..... เพราะพวกเราทุกคนคือ จิตวิญญาณแห่งยูไนเต็ด
ปล.บทความนี้อาจเป็นบทความสุดท้ายแล้วใน hikicker เนื่้องจากผมต้องใช้ความพยายามอย่างมาก ในการแต่งนวนิยายจนจบเพื่อส่งสำนักพิมพ์ให้ได้ ด้วยความที่เป็นมือใหม่ในการเขียนนวนิยาย ส่งผลให้ผมต้องทุ่มเทความสามารถที่มีทั้งหมดให้แก่งานด้านนั้นโดยตรง
ผมไม่อาจสร้างผลงานที่ดีได้เลยถ้าไม่เขียนนวนิยายอย่างเดียว จึงขอประทานโทษท่านผู้อ่านที่ติดตามผลงานของผมมาตลอดด้วย โดยหวังเป็นอย่างยิ่งว่าในอนาคตข้างหน้าผมจะมีโอกาสได้เขียนบทความให้ท่านผู้อ่านได้อ่านอีกครั้ง
อย่างไรก็ตามผมก็ยังติดตามความเป็นมาของวงการฟุตบอลเสมอ เสมือนต้องทานอาหารทุกวัน ท่านผู้อ่านทุกท่านสามารถพูดคุยเพื่อแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับผมได้อย่างเต็มที่และยินดีที่ได้รู้จักกับท่านผู้อ่านทุกๆคน ทุกท่านสามารถแอดผมเป็นเพื่อนได้ทาง
https://www.facebook.com/atikhom8art ขอขอบคุณท่านผู้อ่านและทีมงาน hikicker อีกครั้งที่ให้โอกาส
เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน สุดยอดกุนซือผู้ไม่มีทางตกยุค BY จ้าวแห่งพิชัยยุทธลูกหนัง
แท็คติคฟุตบอลก็แปรเปลี่ยนไปตามยุคสมัยเช่นกัน
ระบบการเล่น 4-2-3-1 ถูกนำมาใช้อย่างแพร่หลายในวงการฟุตบอล ตั้งแต่ทีมชาติยันสโมสร ว่ากันว่าเมื่อแผนนี้ถูกนำมาใช้แรกๆ ประสิทธิภาพในแดนกลางของทีมที่ใช้รัดกุมขึ้นมาทันตาเห็น
โดยเฉพาะทีมเล็กๆแทบจะเลิกใช้แผน 4-4-2 ไปเลย เพราะกองกลาง 2 คน เมื่อเจอกับแผนที่มีผู้เล่นแดนกลางเยอะกว่า จะเสี่ยงต่อการถูกแย่งพื้นที่ในแดนกลางและเป็นสาเหตุของความพ่ายแพ้ในที่สุด
เมื่อทุกท่านดูการถ่ายทอดสดทางหน้าจอทีวี จะเห็นหลายๆทีมใช้แผนนี้กันจนเป็นแผนยอดฮิตเลยทีเดียว
ในลีกอังกฤษทีมที่มักใช้แผนนี้อาทิเช่น เชลซี, เอฟเวอร์ตัน, ควีนส์ปาร์ค เรนเจอร์ส, เซาแธมป์ตัน, สวอนซี, สเปอรส์ ซึ่งในลีกอื่นที่เห็นได้ชัดกับระบบนี้ ก็พวก เรอัล มาดริด, ดอร์ทมุนด์, บาเยิร์น มิวนิค และอีกมากมายที่ไม่ได้เอ่ยถึง
ในแผนนี้จะเล่นเกมสวนกลับหรือจะเล่นแบบต่อบอลสั้นๆ ก็สามารถทำได้ดี ที่สำคัญลดการเสี่ยงต่อการถูกชิงพื้นที่ในแดนกลางได้เป็นอย่างมากทีเดียว
และในวันนี้ผมจะมาพูดถึงประเด็นของผู้จัดการทีมอาวุโสที่ผ่านร้อนผ่านหนาวและมีประสบการณ์คุมทีมอย่างโชกโชน
คนๆนั้นก็คือ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ผู้จัดการทีม แมนยูฯ หรือที่เราเรียกกันสั้นๆว่า เฟอร์กี้
เฟอร์กี้นั้นคุมทีมแมนยูฯมาอย่างยาวนาน โดยแผนที่เขาถนัดและเปรียบเสมือนสัญลักษณ์ของทีมคือแผน 4-4-2
แผนนี้ทุกท่านคงเห็นกันมาอย่างยาวนานแล้วนะครับ อาวุธสำคัญของแผนนี้คือ ปีกทั้งสองข้าง ซึ่งทำเกมริมเส้นและพื้นที่ทางด้านข้างก็สามารถรุกได้รับได้ เมื่อประสานงานกับแบ็ค
แต่แผนนี้บ่อยครั้งมักถูกแผนอื่นที่มีผู้เล่นในแดนกลางเยอะกว่าชิงความได้เปรียบในแดนกลางไป ซึ่งทำให้เกิดการเสี่ยงต่อการถูกเจาะแนวรับอย่างช่วยไม่ได้
ในปัจจุบัน เฟอร์กี้จึงหันมาใช้แผนอื่นตามความเหมาะสมของสภาพทีมและแบบระบบการเล่นของคู่ต่อสู้ เพราะถ้าไม่ปรับเปลี่ยนไปตามความเหมาะสม แทคติคจะตามไม่ทันต่อคู่ต่อสู้เลย
จะเห็นได้ว่าแม้เฟอร์กี้จะประสบความสำเร็จกับแผนไหน แต่เขาไม่เคยยึดติดกับมันแม้แต่น้อย เขาสามารถทันต่อแท็คติคที่เปลี่ยนไปในวงการฟุตบอลอย่างต่อเนื่อง
แผน 4-4-2 คือแผนที่ถนัดและผู้เล่นก็เข้าใจในระบบแบบแผนนี้ที่สุด ซึ่งเขาก็ใช้แผนนี้บ่อย เพราะจุดเด่นของทีมอยู่ที่ริมเส้น ซึ่งหลายครั้งทีมเล่นกันไม่ไหลลื่น แต่เมื่อได้โอกาสไม่กี่ครั้ง ผู้เล่นก็ฉกฉวยโอกาสทำประตูไว้ได้ เพราะมันเป็นรูปแบบซึ่งลูกทีมเขาเคยชิน
ในอดีตที่ผ่านมาเฟอร์กี้เคยเปลี่ยนระบบการเล่นมาเป็น 4-5-1 มาแล้วในช่วงที่ คาร์ลอส เคยรอซ เป็นผู้ช่วยเขา เฟอร์กี้ดึงดันใช้จนล้มเหลวไม่เป็นท่า พลาดแชมป์ให้แก่อาร์เซน่อล ในฤดูกาล 2001-2002
แม้ในฤดูกาล 2002-2003 แมนยูฯจะทวงแชมป์จากอาร์เซน่อลได้สำเร็จ รุด ฟาน นิสเตรลอย ยิงในลีกอย่างถล่มทลายถึง 25 ประตูและเป็นดาวซัลโว โดยใช้ระบบ 4-5-1 ที่เฟอร์กี้ดึงดันใช้จนคว้าแชมป์ โดยไม่สนใจเสียงโห่จากแฟนบอลที่เร่งเร้าให้มาใช้ระบบ 4-4-2
แต่เฟอร์กี้ก็ตระหนักดีว่า ในระบบ 4-5-1 ที่เขาใช้นั้นเป็นแผนที่พึ่งผู้เล่นอย่าง รุด ฟาน นิสเตรลอย มากเกินไป นักเตะย่อมไม่สามารถอยู่กับสโมสรและมีช่วงเวลาดีๆได้ตลอดไป ระบบที่ลงตัวโดยไม่ต้องพึ่งนักเตะคนใดคนหนึ่งตลอดต่างหากหละที่ควรนำมาใช้
สุดท้ายเฟอร์กี้ เลือกใช้แผนเดิมของทีมที่ใช้มาตลอดคือ แผน 4-4-2
โดยที่ผ่านๆมา เฟอร์กี้ก็เปลี่ยนทีมไปตามความเหมาะสมทั้งในเกมลีกและเกมยุโรป 4-5-1, 4-1-3-2, 4-3-3 ก็ถูกนำมาใช้เป็นครั้งคราว
กระทั้งในปี 2013 นี้เฟอร์กี้เล็งเห็นว่า แท็คติคสมัยใหม่ที่หลายทีมนิยมมาใช้คือแผน 4-2-3-1 นั้น มีประสิทธิภาพที่น่าทดลองเอามาใช้เป็นอย่างยิ่ง เพราะทีมเฟอร์กี้ เจอทีมที่ศักยภาพด้อยกว่ามาใช้แผนนี้ กุมความได้เปรียบในแดนกลางชนิดที่เฟอร์กี้ยังทึ่งต่อระบบยอดฮิตนี่ทีเดียว
4-2-3-1 ที่เฟอร์กี้นำมาใช้นั้น ทำให้ทีมมีความรัดกุมในสถานการณ์ที่ต้องเจอทีมใหญ่และแมตช์ที่สำคัญๆ
เลข 2 ในแผนนี้ซึ่งเป็นตำแหน่งกองกลางยังส่งผลให้ ไมเคิ่ล คาร์ริค กลับมาโชวฟอร์มได้อย่างยอดเยี่ยมในฤดูกาลนี้อีกด้วย เพราะมีผู้เล่นอีกคนคอยช่วยแบ่งเบาภาระเขา ซึ่งคารริคเป็นนักเตะที่ยืนตำแหน่งดี จ่ายบอลสั้นได้อย่างแม่นยำให้เพื่อนร่วมทีมเล่นง่ายๆ
ระบบนี้สามารถปิดจุดอ่อนของคารริค ในการวิ่งไล่แย่งบอลได้เป็นอย่างดี เพราะเขาไม่ใช่สไตล์ที่วิ่งไล่ในแดนกลางอย่างรวดเร็วและดุดัน
จากที่เราเห็นเขาฟอร์มย่ำแย่ในระบบ 4-4-2 ซึ่งมีแดนกลางตรงกึ่งกลางสนามคู่ 2 คน ปัจจุบันด้วยแผนใหม่นี้เราจึงเห็นเขากลับมาฟอร์มที่ดีอีกครั้งหนึ่ง
แผน 4-2-3-1 ที่เฟอร์กี้นำมาใช้ตรงเลข 3 ริมเส้นทั้งสองข้าง ยังหุบมาช่วนแดนกลางได้อีกด้วย
ส่วนตรงกลางของเลข 3 ที่มักใช้รูนี่ย์ยืนเป็นมิดฟิลด์ตัวรุก ก็ช่วยเชื่อมเกมได้อย่างดี สามารถช่วยเกมรับได้และยังขึ้นสูงไปเป็นหน้าต่ำได้อีกด้วย
ยังไม่รวมถึงการสลับเปลี่ยนตำแหน่งระหว่างการแข่งขันของระบบนี้ ซึ่งค่อนข้างมีความยืดหยุ่นทีเดียว
ส่วน อันแดร์สัน ก็สามารถเล่นบอลจ่ายเรียดได้อย่างลงตัว เพราะมีมิดฟิลด์หลายคนช่วยกันทำเกม ภาระหนักไม่ได้อยู่ที่เขาในการจ่ายบอลไปข้างหน้าและต้องจ่ายขวางสนามในหลายรูปแบบอีกต่อไป แต่ทดแทนด้วยจุดเด่นการไปกับบอลได้ดีและจ่ายเรียดได้ดีแทน
ในทีมยังมี คากาวะ ที่สามารถเล่นแทนรูนี่ย์ได้ในตำแหน่งนี้ ซึ่งถือเป็นความหลากหลายในตัวผู้เล่นอันเหมาะกับระบบของทีม
ในเกมเอฟเอ คัพ รอบ 4 กับ ฟูแล่ม ทีมก็เล่นกันได้อย่างลงตัวจนนำมาสู่ชัยชนะอย่างสวยงาม
ฟูแล่มนั้นก็ใช้แผน 4-2-3-1 เช่นเดียวกัน แต่เกมรุกของแมนยูประสานงานกันได้อย่างลงตัวกว่ามาก เมื่อแผนนี้เจอกันเอง มักจะวัดว่าทีมไหนสร้างระบบนี้ได้ดีกว่ากันและนำความสามารถของนักเตะมาใช้กับแผนนี้ได้ดีกว่ากัน ซึ่ง เราคงเห็นกันแล้วว่าแมนยูมีศักยภาพทีมที่เหนือกว่าอย่าชัดเจน
อย่างไรก็ตามแผนทุกแผนล้วนมีจุดอ่อน แผนนี้จุดอ่อนที่เห็นได้ชัดคือเกมรับตรงริมเส้น ในกรณีริมเส้นทั้ง 2 ข้างหุบเข้ากลางมามากเกินไป จนเปิดโอกาสให้คู่ต่อสู้โจมตีกดดันทางกราบมาถึงแบ็คได้อย่างรวดเร็ว
แต่กระนั้นก็ตามถ้าเพรซซิ่งไล่บอลเร็วและเป็นระบบ ก็สามารถปิดจุดอ่อนนี้ได้ดีเลยทีเดียว และนี่คือเหตุผลที่หลายๆทีมหันมาใช้แผนนี้กันอย่างแพร่หลาย
ประเด็นหลักที่ผมนำมาเสนอก็คือ มีผู้จัดการทีมหลายต่อหลายคนยึดติดแต่กับแผนการเล่นและระบบของตัวเองที่คุ้นเคยและใช้ได้ผล จนไม่สามารถตามทันแทคติคใหม่ๆของคู่ต่อสู้
ยึดติดบ้าง ไม่กล้าเปลี่ยนบ้าง ตามแทตติคไม่ทันบ้าง ส่งผลให้ทีมไม่สามารถเอาชนะคุ่ต่อสู้ได้แบบเดิม เพราะคู่ต่อสู้ก็มีการเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีขึ้นตลอดเวลา
แต่เฟอร์กี้นั้น แม้ผ่านประสบการณ์การเป็นแชมป์อย่างโชกโชน เขาก็ไม่ยึดติดกับแผนการเล่นใดแผนการเล่นหนึ่ง
พร้อมที่จะปรับเปลี่ยนตามสถานการณ์ตามยุคสมัยได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ดั่งตำราพิชัยสงคราม แม้แม่ทัพหรือกุนซือคนใดจะอ่านตำราพิชัยสงครามจนหมดและท่องได้อย่างแม่นยำ แต่ถ้าคร่ำครึ ไม่รู้จักดัดแปลงตามสถารการณ์ ยึดติดแต่ในตำรา ก็จะเป็นผู้นำทัพที่เก่งกาจมิได้เลย
เฟอร์กี้เป็นสุดยอดผู้จัดการทีมมิเพียงเก่งกาจ แต่เป็นผู้จัดการทีมที่ไม่หลงยุค ไม่ลืมตัวกับความสำเร็จ
ชนะก็มิลำพองผยองตนจนไม่เห็นสถานการณ์เบื้องหน้า พ่ายแพ้ก็มิได้ตระหนกตกใจจนลนลาน
แทคติคใหม่ๆ แรงบันดาลใจใหม่ๆ เขานำมาใช้อย่างลงตัวเสมอ
แม้ตัวเขาจะอายุมากแล้วประสบความสำเร็จมาแล้วอย่างยิ่งใหญ่ก็ตาม
ด้วยความทุ่มเทของเฟอร์กี้ และสิ่งที่เขาได้ทำนับว่าเขาเป็นต้นแบบของบุคคลที่น่าเอาเป็นเยี่ยงอย่าง
แฟนบอลแมนยูฯทั้งหลายจงภูมิใจเถิด ที่ได้ทันดูสุดยอดผู้จัดการทีมในยุคนี้
เฟอร์กี้คือหนึ่งในสิ่งมหัศจรรย์ของโลก และพวกคุณที่เป็นแฟนบอลทุกคนก็คือส่วนหนึ่งในความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ของเขา
เพราะภารกิจที่เฟอร์กี้ได้ทำมิใช่แต่สร้างความสำเร็จให้แก่ทีมเท่านั้น แต่ยังเป็นการสร้างทีมให้พวกคุณหลงรักในแมนยูฯอย่างมีความสุข เปรียบเสมือนครอบครัวอันอบอุ่นนั่นเอง ..... เพราะพวกเราทุกคนคือ จิตวิญญาณแห่งยูไนเต็ด
ปล.บทความนี้อาจเป็นบทความสุดท้ายแล้วใน hikicker เนื่้องจากผมต้องใช้ความพยายามอย่างมาก ในการแต่งนวนิยายจนจบเพื่อส่งสำนักพิมพ์ให้ได้ ด้วยความที่เป็นมือใหม่ในการเขียนนวนิยาย ส่งผลให้ผมต้องทุ่มเทความสามารถที่มีทั้งหมดให้แก่งานด้านนั้นโดยตรง
ผมไม่อาจสร้างผลงานที่ดีได้เลยถ้าไม่เขียนนวนิยายอย่างเดียว จึงขอประทานโทษท่านผู้อ่านที่ติดตามผลงานของผมมาตลอดด้วย โดยหวังเป็นอย่างยิ่งว่าในอนาคตข้างหน้าผมจะมีโอกาสได้เขียนบทความให้ท่านผู้อ่านได้อ่านอีกครั้ง
อย่างไรก็ตามผมก็ยังติดตามความเป็นมาของวงการฟุตบอลเสมอ เสมือนต้องทานอาหารทุกวัน ท่านผู้อ่านทุกท่านสามารถพูดคุยเพื่อแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับผมได้อย่างเต็มที่และยินดีที่ได้รู้จักกับท่านผู้อ่านทุกๆคน ทุกท่านสามารถแอดผมเป็นเพื่อนได้ทาง https://www.facebook.com/atikhom8art ขอขอบคุณท่านผู้อ่านและทีมงาน hikicker อีกครั้งที่ให้โอกาส