[CR] @@ การซ้อมปั่นจักรยานกับพาวเวอร์มิเตอร์ @@

กระทู้รีวิว
ผมชอบหาของมาทดลองเล่นครับ ตอนเข้าวงการจักรยานแรกๆก็ตื่นตาตื่นใจกับไมล์วัดความเร็ววัดระยะทางแบบไร้สาย ต่อมาก็ได้มารู้จักกับอุปกรณ์วัดการเต้นหัวใจหรือ Heart Rate Monitor ขั้นต่อมาก็เป็นเซ็นเซอร์วัดรอบขาหรือ Cadence  เล่นกับอุปกรณ์เหล่านี้มาสักพักนึงพอได้ความรู้และประโยชน์มาพอสมควรในการฝึกซ้อม

ล่าสุดหาความรู้อ่านไปอ่านมาไปเจออุปกรณ์ช่วยฝึกซ้อมขั้นสูงขึ้นไปอีกคือเจ้า power meter ก็รู้สึกคันๆอยากจะหามาลองเล่นดูบ้างแต่ติดตรงที่มันมีราคาสูงพอสมควรและหาซื้อไม่ง่าย จนกระทั่งมีโอกาสได้หามาทดลองเล่น เป็น power meter แบบดุมหลังจักรยานของ cycleops เอามาประกอบขึ้นวงล้อใหม่เพื่อทดลองเล่นจนได้

สำหรับคนที่นึกภาพไม่ออกนะครับว่ามันคืออะไร เจ้า power meter นี้เป็นเซ็นเซอร์ประเภทหนึ่งที่ใช้วัดการออกแรงของคนปั่นที่ส่งไปยังจักรยาน ซึ่งมีอยู่หลายรูปแบบ ทั้งวัดที่บันไดจักรยานเลย หรือวัดที่กะโหลก หรือวัดที่ดุมล้อหลังเมื่อรับแรงที่ส่งมาจากโซ่ ซึ่งแต่ละแบบก็มีข้อดีข้อเสียต่างกัน

หลังจากที่ผมได้ล้อติดดุมพาวเวอร์มิเตอร์มาทดลองเล่นอยู่หลายสัปดาห์ ส่วนใหญ่ผมใช้ทดลองปั่นอยู่บนถนน ได้เห็นค่าวัตต์ส่งขึ้นไปแสดงบนจอไมล์ร่วมกับความเร็ว,หัวใจและรอบขา ก็ยังเห็นประโยชน์ไม่มากนัก แค่ได้เห็นว่าเมื่อใช้ควาเร็วเท่านี้ต้องออกแรงไปเท่าไหร่ หรือได้เห็นว่าการกระชากความเร็วเร่งแซงหรือยืนโยกขึ้นสะพาน ค่าตัวเลขมันสูงจนน่าตกใจ เช่นปกติปั่นด้วยความเร็วประมาณ 25 จะออกแรงไปประมาณ 150 วัตต์ แต่พอเร่งแซงจากควาเร็ว 20 ขึ้นไปตัวเลขวัตต์ขึ้นไปถึง 300 กว่า หรือถ้ายืนโยกขึ้นสะพานตัวเลขวัตต์ขึ้นไปถึง 500 กว่าเป็นต้น ซึ่งก็พอจะทำให้ได้ปรับเปลี่ยนวิธีการปั่นออกแรงให้นุ่มนวลขึ้นใช้แรงให้น้อยลง เพราะไม่ต้องการให้หมดแรงเร็วเหมือนเคย

พอดีไปได้วิธีการฝึกซ้อมกับ power meter บนเทรนเนอร์มาครับ ปกติบางครั้งผมก็จะซ้อมบนเทรนเนอร์โดยใช้ Heart Rate Monitor เป็นเครื่องมือซึ่งมันจะมีตำราหรือวิธีการซ้อมกับอุปกรณ์เหล่านี้อยู่  วันนี้หลังจากปั่นจนจบคอร์สแล้วโหลดไฟล์มาดูกราฟได้ตัวเลขที่น่าสนใจพอสมควร


กราฟแรก ดูความเร็วเทียบกับอัตราการเต้นหัวใจ ถ้าเราซ้อมปั่นเร็วช้าตามจังหวะความเร็วที่กำหนดไว้ จะเห็นว่าเมื่อเราเปลี่ยนความเร็วขึ้นลงกระทันหัน(โดยการเปลี่ยนเกียร์หรือเปลี่ยนการออกแรง) อัตราการเต้นของหัวใจจะค่อยๆขึ้นเป็นแนวลาด จนกระทั่งถึงจุดสูงสุดของการออกแรงนั้น แล้วพอเราลดความเร็วหรือลดการออกแรงลงทันที กราฟหัวใจจะค่อยๆลดลาดเอียงลงเช่นเดิม กราฟหัวใจของการออกแรงนี้จะมีลักษณะเป็นตัว WWW ซึ่งตรงนี้แหละครับเป็นข้อด้อยของการฝึกซ้อมด้วยการดู Heart Rate มันจะไม่ค่อยแม่นยำตามการออกแรงจริง



กราฟที่สอง ดูความเร็วเทียบกับค่าวัตต์ มันจะตรงไปตรงมาตามการออกแรงจริง คือออกแรงมากความเร็วขึ้นมาก หยุดออกแรงความเร็วตกทันที ทำให้สามารถที่จะฝึกซ้อมได้ถูกต้องแม่นยำกว่าตามตารางฝึกซ้อมที่กำหนดไว้

แต่หลังจากนั่งดูกราฟแล้ว ผมก็ได้ความคิดว่าจริงๆแล้วเราไม่จำเป็นต้องใช้วัตต์มิเตอร์ในการซ้อมบนเทรนเนอร์ก็ได้ ถ้าเราจำค่าความเร็วที่ได้จากการปั่นบนเทรนเนอร์ไว้ว่าที่ความเร็วนี้ออกแรงเท่าไหร่ ก็ซ้อมไปตามนั้นก็น่าจะได้ผลเท่ากันเหมือนกัน

เหตุผลที่เราไม่สามารถใช้ Heart Rate มาเป็นตัววัดประสิทธิภาพการออกกำลังได้ นอกเหนือจากค่าที่ได้ไม่ผกผันโดยตรงกับการออกแรงจริงขณะเวลานั้นแล้ว มันยังขึ้นกับตัวแปรอีกหลายอย่างเช่น อารมณ์ ความตื่นเต้น อุณหภูมิ และสุขภาพของผู้ออกกำลังกายซึ่งอาจจะไม่เท่ากันในแต่ละวัน  และตัวเลขความเร็วก็ยังใช้วัดผลการฝึกซ้อมบนถนนจริงไม่ได้เช่นเดียวกันเพราะมันขึ้นอยู่กับสภาพถนน การทวนลมตามลม ความชันของเส้นทางอีกด้วย

ในความคิดผม Heart Rate Monitor น่าจะเป็นเหมือนเกจ์วัดความร้อนของเครื่องยนต์หรือหม้อน้ำ ซึ่งจะแสดงค่าขึ้นลงช้าๆแต่ว่าถ้าเกินจุดลิมิตหรือจุดฮีตเมื่อไหร่ก็เครื่องพังทันทีดังนั้นจึงมีความสำคัญมากพอสมควร  ส่วนการวัดรอบขาก็เหมือนการวัดรอบเครื่องยนต์จะได้ประสิทธิภาพสูงสุดที่รอบเท่าไหร่ก็ขึ้นอยู่เครื่องยนต์แต่ละเครื่อง  พาวเวอร์มิเตอร์น่าจะเหมือนกับการวัดแรงม้าหรือแรงบิดจริงที่ออกแรงมาได้ แล้วค่าวัตต์เฉลี่ยรวมตลอดทริปก็น่าจะคล้ายกับการวัดอัตราสิ้นเปลืองของพลังงานตลอดทั้งทริปของนักปั่นคนนั้น

เป็นความเห็นส่วนตัวในเอาอุปกรณ์มาทดลองเล่นสนุกๆครับ การปั่นจักรยานทั่วๆไปไม่ต้องซีเรียจเรื่องอุปกรณ์ขนาดนี้ก็ได้ แค่มีโอกาสได้ออกไปปั่นก็พอแล้วครับ จุ๊บๆ
ชื่อสินค้า:   พาวเวอร์มิเตอร์
คะแนน:     
**CR - Consumer Review : ผู้เขียนรีวิวนี้เป็นผู้ซื้อสินค้าหรือเสียค่าบริการเอง ไม่มีผู้สนับสนุนให้สินค้าหรือบริการฟรี และผู้เขียนรีวิวไม่ได้รับสิ่งตอบแทนในการเขียนรีวิว
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่