วัน ๐๘ (๑๕ ม.ค. ๕๖) Ho Chi Minh City - Dinh Quan (๑๑๒ ก.ม.) จักรยาน
เส้นทาง QL1 และ QL20
สภาพถนน QL1 ดี QL 20 ดี
สภาพการจราจร HCMC - Bien Hoa คับคั่ง Bien Hoa รถมาก Bien Hoa - Dinh Quan ปานกลาง
วันนี้ต้องออกจาก HCMC แล้วทั้งๆที่ยังเที่ยวไม่หมด มีอีกหลายที่ๆ อยากไป เช่น Cao Dai Temple ที่ Tay Ninh อุโมงค์ Cu Chi แต่เนื่องจากงบประมาณและเวลาจำกัดเลยต้องตัดออกไปอย่างน่าเสียดาย
ตีห้าออกจากโรงแรมมุ่งหน้าถนน เดียน เบียน ฟู ปั่นยาวจนออกนอกเมืองเข้าทางหลวง QL1 หรือ Ho Chi Minh Hiway มีด่านเก็บค่าผ่านทาง แต่จักรยานและจักรยานนยนต์ไม่ต้องเสียค่าผ่านทาง ประมาณ ๐๖.๓๐ น. ถึงย่านอุตสาหกรรม Bien Hoa ซึ่ง อมตะ ก็ตั้งอยู่ที่นี่ แวะร้านอาหารข้างทางรับประทานอาหารเช้า มื้อนี้เป็นเฝอ เฝอชามแรกในเวียดนามราคา ๒๐,๐๐๐ ด่อง ๓๐ บาท ประมาณ ๐๗.๐๐ น. ก็ออกเดินทางต่อ
Dong Nai Port
ตั้งแต่ HCMC มารถเยอะมาก และก็เจอกลุ่มนักปั่นจักรยานชาวเวียดนาม ๔-๕ กลุ่มออกมาซ้อมปั่นได้แต่เซย์ Hello ไม่ได้คุยกัน ต่างคนต่างกลัวจะคุยกันไม่รู้เรื่อง อิ อิ ปั่นมาจนถึงเมือง Dau Giay เห็นมีโบสถ์ Cao Dai อยู่ไม่ลึกจากทางเลยแวะเข้าไปดู ยังไม่ทันได้ถ่ายรูปทุกคนที่อยู่ที่นั่นก็เข้ามาห้อมล้อมยกกล้วย น้ำชามาเลี้ยง ซักถามใหญ่แต่คุยกันไม่รู้เรื่องเลยเอาแผนที่มากางลากเส้นทางให้ดูว่ามาจากไหน เข้าใจบ้างไม่เข้าใจบ้างแต่ประทับใจในความมีน้ำใจ
ปั่นจากโบสถ์ Cao Dai มาไม่ไกลก็เจอทางแยกไปดาลัดระยะทาง ๒๓๒ ก.ม. แต่วันนี้ตั้งใจจะพักที่ Dinh Quan ซึ่งห่างจาก HCMC ประมาณ ๑๑๒ ก.ม. จากทางแยกมาทางส่วนมากจะไหลลง มีขึ้นเนินชันๆ ๒-๓ จุด วันนี้ทำเวลาได้ดี ไม่ค่อยเหนื่อย มีแผงขายน้ำตลอดทางแถมมีเปลญวนให้ลูกค้านอนพักผ่อนอีกเลยถือโอกาสงีบเสียหนึ่งชั่วโมง
ก่อนถึงทะเลสาป La Nga เจอสวนแห่งหนึ่งสร้างรั้วได้อลังการมาก ดูจากรูปครับหินก้อนใหญ่ๆ น้ำหนักก้อนละหลายร้อยกิโลกรัมมาสร้างเป็นรั้วยาวประมาณ ๕๐๐ เมตร
ปั่นมาถึงทะเลสาปก็หยุดถ่ายรูปหน่อย บังเอิญเจอผู้หญิงเวียดนามแจวเรือด้วยวิธีที่แปลกประหลาดเลยได้ถ่ายรูปมาด้วย วิธีการก็คือหล่อนจะเอนตัวกึ่งนั่งกึ่งนอนใช้เท้าจับด้ามแจว แจวเรืออย่างคล่องแคล่ว อันนี้ครอบรูปมาให้ดูครับอาจจะไม่ค่อยชัด ถ้ามีกล้องวิดีโอคงได้ภาพเคลื่อนไหวมาให้ดูกัน
จากทะเลสาปก็ต้องเผชิญเนินชันๆ อีกสองลูกก่อนจะไหลลง Dinh Quan เมื่อเวลาประมาณบ่ายสาม เมืองแถวนี้จะตั้งอยู่ในหุบเขาซึ่งเราต้องปั่นขึ้นเขาก่อนที่จะไหลลงเข้าเมือง แล้วพอจะออกจากเมืองก็ต้องกดบันไดหนักๆ ปั่นขึ้นเนินต่อ เข้าพักที่โรงแรม Van Minh ค่าห้อง ๑๑๐,๐๐๐ ด่อง
เป็นห้องพัดลมครับ ไม่มีหน้าต่าง แต่ห้องน้ำมีอ่างอาบน้ำด้วย หลังจากปั่นมาจนล้าได้แช่น้ำอุ่นมีความสุขมาก สวรรค์จริงๆ ๕๕ ๕๕
ประมาณห้าโมงเย็นก็ปั่นจากโรงแรมมาหาข้าวกิน แต่ไม่ได้กินข้าวคือเห็นทั้งเมืองมีร้านขายซาลาเปาเยอะมากก็เลยจัดซาลาเปาใส้หมูสับหนึ่งลูก ไม่รู้หรอกครับชี้ส่งๆ บังเอิญได้มา กับหมั่นโถวอีกหนึ่งลูก จ่ายไป ๑๕,๐๐๐ ด่อง ซาลาเปา ๑๐,๐๐๐ ด่อง หรือ ๑๕ บาท แต่ลูกใหญ่กว่าในเซเว่นสองเท่ากินลูกเดียวจุกครับ ส่วนหมั่นโถวก็เก็บใส่ถุงมัดไว้เป็นเสบียง ได้น้ำอ้อยอีกหนึ่งแก้ว มื้อนี้จ่ายไป ๒๐,๐๐๐ ด่อง ๓๐ บาท กลับโรงแรมนอนหลับสบาย
ปั่นคนเดียว เที่ยวเวียดนาม ภาค ๒
เส้นทาง QL1 และ QL20
สภาพถนน QL1 ดี QL 20 ดี
สภาพการจราจร HCMC - Bien Hoa คับคั่ง Bien Hoa รถมาก Bien Hoa - Dinh Quan ปานกลาง
วันนี้ต้องออกจาก HCMC แล้วทั้งๆที่ยังเที่ยวไม่หมด มีอีกหลายที่ๆ อยากไป เช่น Cao Dai Temple ที่ Tay Ninh อุโมงค์ Cu Chi แต่เนื่องจากงบประมาณและเวลาจำกัดเลยต้องตัดออกไปอย่างน่าเสียดาย
ตีห้าออกจากโรงแรมมุ่งหน้าถนน เดียน เบียน ฟู ปั่นยาวจนออกนอกเมืองเข้าทางหลวง QL1 หรือ Ho Chi Minh Hiway มีด่านเก็บค่าผ่านทาง แต่จักรยานและจักรยานนยนต์ไม่ต้องเสียค่าผ่านทาง ประมาณ ๐๖.๓๐ น. ถึงย่านอุตสาหกรรม Bien Hoa ซึ่ง อมตะ ก็ตั้งอยู่ที่นี่ แวะร้านอาหารข้างทางรับประทานอาหารเช้า มื้อนี้เป็นเฝอ เฝอชามแรกในเวียดนามราคา ๒๐,๐๐๐ ด่อง ๓๐ บาท ประมาณ ๐๗.๐๐ น. ก็ออกเดินทางต่อ
Dong Nai Port
ตั้งแต่ HCMC มารถเยอะมาก และก็เจอกลุ่มนักปั่นจักรยานชาวเวียดนาม ๔-๕ กลุ่มออกมาซ้อมปั่นได้แต่เซย์ Hello ไม่ได้คุยกัน ต่างคนต่างกลัวจะคุยกันไม่รู้เรื่อง อิ อิ ปั่นมาจนถึงเมือง Dau Giay เห็นมีโบสถ์ Cao Dai อยู่ไม่ลึกจากทางเลยแวะเข้าไปดู ยังไม่ทันได้ถ่ายรูปทุกคนที่อยู่ที่นั่นก็เข้ามาห้อมล้อมยกกล้วย น้ำชามาเลี้ยง ซักถามใหญ่แต่คุยกันไม่รู้เรื่องเลยเอาแผนที่มากางลากเส้นทางให้ดูว่ามาจากไหน เข้าใจบ้างไม่เข้าใจบ้างแต่ประทับใจในความมีน้ำใจ
ปั่นจากโบสถ์ Cao Dai มาไม่ไกลก็เจอทางแยกไปดาลัดระยะทาง ๒๓๒ ก.ม. แต่วันนี้ตั้งใจจะพักที่ Dinh Quan ซึ่งห่างจาก HCMC ประมาณ ๑๑๒ ก.ม. จากทางแยกมาทางส่วนมากจะไหลลง มีขึ้นเนินชันๆ ๒-๓ จุด วันนี้ทำเวลาได้ดี ไม่ค่อยเหนื่อย มีแผงขายน้ำตลอดทางแถมมีเปลญวนให้ลูกค้านอนพักผ่อนอีกเลยถือโอกาสงีบเสียหนึ่งชั่วโมง
ก่อนถึงทะเลสาป La Nga เจอสวนแห่งหนึ่งสร้างรั้วได้อลังการมาก ดูจากรูปครับหินก้อนใหญ่ๆ น้ำหนักก้อนละหลายร้อยกิโลกรัมมาสร้างเป็นรั้วยาวประมาณ ๕๐๐ เมตร
ปั่นมาถึงทะเลสาปก็หยุดถ่ายรูปหน่อย บังเอิญเจอผู้หญิงเวียดนามแจวเรือด้วยวิธีที่แปลกประหลาดเลยได้ถ่ายรูปมาด้วย วิธีการก็คือหล่อนจะเอนตัวกึ่งนั่งกึ่งนอนใช้เท้าจับด้ามแจว แจวเรืออย่างคล่องแคล่ว อันนี้ครอบรูปมาให้ดูครับอาจจะไม่ค่อยชัด ถ้ามีกล้องวิดีโอคงได้ภาพเคลื่อนไหวมาให้ดูกัน
จากทะเลสาปก็ต้องเผชิญเนินชันๆ อีกสองลูกก่อนจะไหลลง Dinh Quan เมื่อเวลาประมาณบ่ายสาม เมืองแถวนี้จะตั้งอยู่ในหุบเขาซึ่งเราต้องปั่นขึ้นเขาก่อนที่จะไหลลงเข้าเมือง แล้วพอจะออกจากเมืองก็ต้องกดบันไดหนักๆ ปั่นขึ้นเนินต่อ เข้าพักที่โรงแรม Van Minh ค่าห้อง ๑๑๐,๐๐๐ ด่อง
เป็นห้องพัดลมครับ ไม่มีหน้าต่าง แต่ห้องน้ำมีอ่างอาบน้ำด้วย หลังจากปั่นมาจนล้าได้แช่น้ำอุ่นมีความสุขมาก สวรรค์จริงๆ ๕๕ ๕๕
ประมาณห้าโมงเย็นก็ปั่นจากโรงแรมมาหาข้าวกิน แต่ไม่ได้กินข้าวคือเห็นทั้งเมืองมีร้านขายซาลาเปาเยอะมากก็เลยจัดซาลาเปาใส้หมูสับหนึ่งลูก ไม่รู้หรอกครับชี้ส่งๆ บังเอิญได้มา กับหมั่นโถวอีกหนึ่งลูก จ่ายไป ๑๕,๐๐๐ ด่อง ซาลาเปา ๑๐,๐๐๐ ด่อง หรือ ๑๕ บาท แต่ลูกใหญ่กว่าในเซเว่นสองเท่ากินลูกเดียวจุกครับ ส่วนหมั่นโถวก็เก็บใส่ถุงมัดไว้เป็นเสบียง ได้น้ำอ้อยอีกหนึ่งแก้ว มื้อนี้จ่ายไป ๒๐,๐๐๐ ด่อง ๓๐ บาท กลับโรงแรมนอนหลับสบาย