
ระหว่างผลของนิด้าโพลกับเอแบคโพลล์ปรากฏความ "ต่าง" อย่างมีนัยสำคัญ ขณะเดียวกันกลับเป็นการยืนยันต่อสภาพความเป็นจริงของการเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม.ได้อย่างเด่นชัด
จุดต่าง 1 อยู่ที่ระยะเวลาของการสำรวจ
นิด้าโพลสำรวจระหว่างวันที่ 17-19 มกราคม เอแบคโพลล์สำรวจระหว่างวันที่ 22-23 มกราคม
ความเป็นจริงที่ปรากฏอาจเป็น "ความต่าง" แต่ก็เป็นความต่างตามความคาดหมาย
นั่นก็คือ นิด้าโพลคำตอบของคำถามที่ว่า หากวันนี้เป็นวันเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม.ท่านจะเลือกใคร
ร้อยละ 20.60 เลือก ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร
ร้อยละ 19.13 เลือก พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ
นั่นก็คือ เอแบคโพลล์คำตอบของคำถามที่ว่า ผู้สมัครที่มีบุคลิกภาพ ลักษณะนิสัยถูกใจมากที่สุด
ร้อยละ 43.6 เป็น พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ หมายเลข 9
ร้อยละ 36.5 เป็น ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร หมายเลข 16
เพียงช่วงระหว่างวันที่ 17-19 กับวันที่ 22-23 มกราคม ผลกลับออกมาไม่เหมือนกัน
อย่าว่าแต่ผลการสำรวจของนิด้าโพลเลยที่จะสะท้อนออกมาว่า พล.ต.อ. พงศพัศ พงษ์เจริญ ตกอยู่ในสถานะอันเป็นรองต่อ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร
ภายในพรรคเพื่อไทยเองก็เห็นเช่นนั้น
ไม่ว่าจะเป็น ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ไม่ว่าจะเป็น นายปลอดประสพ สุรัสวดี ล้วนเห็นว่า คะแนนของ พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ เป็นรองคะแนนของ ม.ร.ว. สุขุมพันธุ์ บริพัตร
ภายในพรรคประชาธิปัตย์ก็เชื่อเช่นนั้น
แต่ชั่วระยะเวลาเพียงไม่กี่วันหลังจากการสมัครรับเลือกตั้งเมื่อวันที่ 21 มกราคม ก็เริ่มมีร่องรอยอันส่อถึงความเปลี่ยนแปลง
เห็นได้จากกองเชียร์ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร
เห็นได้จากอาการลุกลี้ลุกลนภายในพรรคประชาธิปัตย์ ไล่เรียงตั้งแต่ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ลงไปจนถึง นายณัฏฐ์ บรรทัดฐาน
สะท้อนให้เห็นว่าวิชามารว่าด้วยคดีความเก่า ว่าด้วยการเปลี่ยนชื่อ ไม่เวิร์ก
จึงเริ่มมีการตั้งข้อสังเกตว่าการนำเสนอนโยบายของ พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ อาจผิดกฎหมายเลือกตั้ง รุนแรงถึงขนาดไปตั้งข้อสงสัยงานเลี้ยงสังสรรค์ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาลเป็นเจ้าภาพ
ในที่สุดเอแบคโพลล์ก็ให้คำอธิบายได้โดยพื้นฐาน
ประเด็นที่พรรคประชาธิปัตย์และ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ต้องรีบ เร่งในการแก้เกม คือประเด็นอันเกี่ยวกับ ภาพลักษณ์
ภาพลักษณ์ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร อ้างอิงผลงานเมื่อ 4 ปีก่อน
ภาพลักษณ์พรรคประชาธิปัตย์ยืนยันการเป็นเจ้าของพื้นที่ กทม. เป็นการยึดครองอย่างยาวนานตั้งแต่ยุค นายควง อภัยวงศ์ ตราบกระทั่งยุค นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ
เป็นภาพหยุดนิ่ง ไม่เคลื่อนไหว
ขณะที่ นายนพดล กรรณิกา ผู้อำนวยการสำนักวิจัยเอแบคโพลล์ มหาวิทยาลัย อัสสัมชัญ อ่านผลการสำรวจเชิงวิจัยออก มาว่า
"คน กทม.อยากเห็นการเปลี่ยนแปลง"
เขายกคำว่า "การเปลี่ยนแปลง" อย่างมีวงเล็บพร้อมกับ CHANGE อันตรงกับความรู้สึกของชาวอเมริกันที่เลือก นายบารัค โอบามา เมื่อ 4 ปีก่อน
ขณะเดียวกัน จุดเด่นของ พล.ต.อ. พงศพัศ พงษ์เจริญ คือ "ความใหม่"
ยิ่งเมื่อนำเอา พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์ เจริญ วางเรียงเคียงกับ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ยิ่งประจักษ์ในความสด ความใหม่ บนเวทีทางการเมือง เมื่อเทียบกับ ม.ร.ว. สุขุมพันธุ์ บริพัตร หรือแม้กระทั่ง นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ
ตรงนี้ต่างหากคือความแหลมคมของภาพทางการเมืองใน กทม.
พรรคประชาธิปัตย์อาจปลอบใจตนเองว่ายังเหลือเวลาอีกกว่า 1 เดือนในการรณรงค์หาเสียง
ปมเงื่อนอยู่ตรงที่มีปัจจัยอะไรที่จะชี้ถึงความใหม่ของ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร มีปัจจัยอะไรที่จะชี้ถึงความเก่าของ พล.ต.อ. พงศพัศ พงษ์เจริญ อันจะนำไปสู่ภาวะสะดุดทางคะแนนเสียง
เวลาที่เหลือจึงทรงความหมายเป็นอย่างสูง
จุดตัด การเมือง ของ สุขุมพันธุ์ พงศพัศ ระหว่างเก่า ใหม่
ระหว่างผลของนิด้าโพลกับเอแบคโพลล์ปรากฏความ "ต่าง" อย่างมีนัยสำคัญ ขณะเดียวกันกลับเป็นการยืนยันต่อสภาพความเป็นจริงของการเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม.ได้อย่างเด่นชัด
จุดต่าง 1 อยู่ที่ระยะเวลาของการสำรวจ
นิด้าโพลสำรวจระหว่างวันที่ 17-19 มกราคม เอแบคโพลล์สำรวจระหว่างวันที่ 22-23 มกราคม
ความเป็นจริงที่ปรากฏอาจเป็น "ความต่าง" แต่ก็เป็นความต่างตามความคาดหมาย
นั่นก็คือ นิด้าโพลคำตอบของคำถามที่ว่า หากวันนี้เป็นวันเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม.ท่านจะเลือกใคร
ร้อยละ 20.60 เลือก ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร
ร้อยละ 19.13 เลือก พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ
นั่นก็คือ เอแบคโพลล์คำตอบของคำถามที่ว่า ผู้สมัครที่มีบุคลิกภาพ ลักษณะนิสัยถูกใจมากที่สุด
ร้อยละ 43.6 เป็น พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ หมายเลข 9
ร้อยละ 36.5 เป็น ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร หมายเลข 16
เพียงช่วงระหว่างวันที่ 17-19 กับวันที่ 22-23 มกราคม ผลกลับออกมาไม่เหมือนกัน
อย่าว่าแต่ผลการสำรวจของนิด้าโพลเลยที่จะสะท้อนออกมาว่า พล.ต.อ. พงศพัศ พงษ์เจริญ ตกอยู่ในสถานะอันเป็นรองต่อ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร
ภายในพรรคเพื่อไทยเองก็เห็นเช่นนั้น
ไม่ว่าจะเป็น ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ไม่ว่าจะเป็น นายปลอดประสพ สุรัสวดี ล้วนเห็นว่า คะแนนของ พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ เป็นรองคะแนนของ ม.ร.ว. สุขุมพันธุ์ บริพัตร
ภายในพรรคประชาธิปัตย์ก็เชื่อเช่นนั้น
แต่ชั่วระยะเวลาเพียงไม่กี่วันหลังจากการสมัครรับเลือกตั้งเมื่อวันที่ 21 มกราคม ก็เริ่มมีร่องรอยอันส่อถึงความเปลี่ยนแปลง
เห็นได้จากกองเชียร์ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร
เห็นได้จากอาการลุกลี้ลุกลนภายในพรรคประชาธิปัตย์ ไล่เรียงตั้งแต่ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ลงไปจนถึง นายณัฏฐ์ บรรทัดฐาน
สะท้อนให้เห็นว่าวิชามารว่าด้วยคดีความเก่า ว่าด้วยการเปลี่ยนชื่อ ไม่เวิร์ก
จึงเริ่มมีการตั้งข้อสังเกตว่าการนำเสนอนโยบายของ พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ อาจผิดกฎหมายเลือกตั้ง รุนแรงถึงขนาดไปตั้งข้อสงสัยงานเลี้ยงสังสรรค์ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาลเป็นเจ้าภาพ
ในที่สุดเอแบคโพลล์ก็ให้คำอธิบายได้โดยพื้นฐาน
ประเด็นที่พรรคประชาธิปัตย์และ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ต้องรีบ เร่งในการแก้เกม คือประเด็นอันเกี่ยวกับ ภาพลักษณ์
ภาพลักษณ์ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร อ้างอิงผลงานเมื่อ 4 ปีก่อน
ภาพลักษณ์พรรคประชาธิปัตย์ยืนยันการเป็นเจ้าของพื้นที่ กทม. เป็นการยึดครองอย่างยาวนานตั้งแต่ยุค นายควง อภัยวงศ์ ตราบกระทั่งยุค นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ
เป็นภาพหยุดนิ่ง ไม่เคลื่อนไหว
ขณะที่ นายนพดล กรรณิกา ผู้อำนวยการสำนักวิจัยเอแบคโพลล์ มหาวิทยาลัย อัสสัมชัญ อ่านผลการสำรวจเชิงวิจัยออก มาว่า
"คน กทม.อยากเห็นการเปลี่ยนแปลง"
เขายกคำว่า "การเปลี่ยนแปลง" อย่างมีวงเล็บพร้อมกับ CHANGE อันตรงกับความรู้สึกของชาวอเมริกันที่เลือก นายบารัค โอบามา เมื่อ 4 ปีก่อน
ขณะเดียวกัน จุดเด่นของ พล.ต.อ. พงศพัศ พงษ์เจริญ คือ "ความใหม่"
ยิ่งเมื่อนำเอา พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์ เจริญ วางเรียงเคียงกับ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ยิ่งประจักษ์ในความสด ความใหม่ บนเวทีทางการเมือง เมื่อเทียบกับ ม.ร.ว. สุขุมพันธุ์ บริพัตร หรือแม้กระทั่ง นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ
ตรงนี้ต่างหากคือความแหลมคมของภาพทางการเมืองใน กทม.
พรรคประชาธิปัตย์อาจปลอบใจตนเองว่ายังเหลือเวลาอีกกว่า 1 เดือนในการรณรงค์หาเสียง
ปมเงื่อนอยู่ตรงที่มีปัจจัยอะไรที่จะชี้ถึงความใหม่ของ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร มีปัจจัยอะไรที่จะชี้ถึงความเก่าของ พล.ต.อ. พงศพัศ พงษ์เจริญ อันจะนำไปสู่ภาวะสะดุดทางคะแนนเสียง
เวลาที่เหลือจึงทรงความหมายเป็นอย่างสูง