สรุป!! โทรคมนาคมและการสือสารที่(สำคัญ)ที่เหลือ ประจำวัน 24/01/2555 ( เหตุข้อจำกัด 4 เรื่องต่อวัน )

( ข้อจำกัดด้านข้อความ ข่าวที่เหลือ UP ผ่าน ช่องทางอื่นแทนครับ )



1...  A-TIME ดีเจ = พรีเซ็นเตอร์ของคลื่นต้องรู้จริง/เล่นคอนเสิร์ตได้ // น้องใหม่ 90 แซ่บเรดิโอคืนทุนเร็วปี2556
2...  (เริ่มยังกังวน) กรณี การแจก set top box 22 ล้านเครื่อง (หวั่นขยะ สินค้าคุณภาพต่ำทะละ)/กสทช.ยังไม่ได้ขอยุติ/สามารถเตรียมขายกล่องแล้ว
3.... โหมโรงงาน “คิด ก่อน คลิก” รู้เท่าทันมหันตภัยปลายนิ้ว Terminal 21 ++ เชื่อปีนี้รัฐจะเสียเป็น3เท่าจาก 680,000 ล้านบาท



24 มกราคม 2556 A-TIME ดีเจ = พรีเซ็นเตอร์ของคลื่นต้องรู้จริง/เล่นคอนเสิร์ตได้ // น้องใหม่ 90 แซ่บเรดิโอคืนทุนเร็วปี2556

ประเด็นหลัก


รายการวิทยุนอกจากให้ความบันเทิงผ่านเสียงแล้ว หลายปีที่ผ่านมา การจัดกิจกรรมอีเวนต์ได้กลายเป็นช่องทางหารายได้ที่ทำให้รายการวิทยุไม่ได้ส่งผ่านคอนเทนต์ผ่านหน้าปัดวิทยุเท่านั้น เพราะคลื่นวิทยุต้องพาผู้ฟังไปทำกิจกรรมเอาต์ดอร์ เพื่อให้ตอบโจทย์ผู้สนับสนุนรายการ ทำให้มีกิจกรรมกับกลุ่มเป้าหมายมากกว่าแค่สปอตโฆษณา ผู้ฟังเองก็ได้ประสบการณ์และใกล้ชิดกับดีเจมากขึ้น คลื่นวิทยุก็ได้รายได้เพิ่มจากการจัดกิจกรรมเหล่านี้ โดยเรียกเก็บกับเจ้าของแบรนด์ และทำให้มีเกมชิงรางวัลในรายการ ด้วยเหตุนี้เอง “ดีเจ” ซึ่งเป็นคนเบื้องหน้าสำหรับมีเดียประเภทวิทยุ จึงไม่ได้ขายแค่ “เสียง” อีกต่อไป เพราะต้องเอาตัวตนออกไปเอนเตอร์เทนผู้บริโภคด้วย


ดีเจ = พรีเซ็นเตอร์ของคลื่น
ปัจจุบันรายได้ของเอ-ไทม์ทั้งหมด 1,200 ล้านบาท แบ่งเป็น ธุรกิจวิทยุ 70% โชว์บิส 15% โทรทัศน์ 15% ท่องเที่ยว 5% ในภาพรวมอัตราการเติบโตอยู่ที่ 10% แต่ถ้าหากเจาะลึกลงไปไลน์ธุรกิจที่เติบโตดีที่สุด คือ โทรทัศน์ เป็นผลมาจากการต่อยอดเอาคอนเทนต์เรื่องเล่าเกี่ยวกับความรัก ในรายการ คลับฟรายเดย์ มาสร้างเป็นซีรีส์ฉายทาง Green Channel ทำให้รายได้เพิ่มมากขึ้น ทำให้ทิศทางของเอ-ไทม์ในปีนี้ส่วนที่เกี่ยวกับทีวีจะมีคลับฟรายเดย์ เดอะ ซีรีส์ ซีซั่น 2


ดีเจเสียงใส เรื่องเพลง ไม่รู้ไม่เป็นไร
การจัดรายการวิทยุของเอ-ไทม์ใช้ระบบ RCS ช่วยในการเรียงเพลง โดยระบบคอมพิวเตอร์ดังกล่าวจะคัดเลือกเพลงตามจังหวะ ท่วงทำนอง เพื่อให้คนฟังเกิดความรู้สึกต่อเนื่อง ฟังได้เรื่อยๆ ไม่ซ้ำซาก ดังนั้นดีเจจะมีส่วนในการเลือกเพลงน้อยกว่าดีเจสมัยก่อนที่ต้องเปิดแผ่นโดยอาศัยความชำนาญของตัวเอง บวกกับคอนเทนต์ของเอ-ไทม์ ในบางคลื่นก็ถูกวางโพสิชั่นเอาไว้แล้วว่า เน้นเนื้อหาเรื่องอื่นมากกว่าแค่เพลง

สายทิพย์ เล่าว่า “ดีเจปัจจุบันจัดรายการอะไรก็ต้องมีความรู้เรื่องนั้น จัดรายการเน้นเพลงก็ต้องรู้เรื่องเพลง แต่อย่าง EFM ก็อาจจะต้องมีความรู้เรื่องวงการบันเทิงเป็นหลัก เหตุผลที่เอาระบบนี้มาใช้เพราะต้องการใช้คนฟังสมูทที่สุด ไม่ใช่เพราะเรื่องการโปรโมตเพลง การที่ต้องเปิดเยอะๆ แล้วเพลงจะขายดีมันเป็นธุรกิจโบราณ เพราะทุกวันนี้พิสูจน์มาแล้วว่าเพลงที่เปิดเยอะๆ ก็ใช่ว่าจะดัง บางทีเปิดเยอะ คนฟังรุ่นใหม่ก็อาจจะคิดว่าฟังเยอะแล้วไม่ต้องซื้อก็ได้ ทุกวันนี้รูปแบบโปรโมตเพลงมันก็เปลี่ยนไปหมดแล้ว”

ดีเจยุคใหม่ แสดงได้ เล่นคอนเสิร์ตได้
นอกเหนือจากการบุกธุรกิจทีวีมากขึ้น โดยขนเหล่าดีเจมาโชว์หน้า ทิศทางตลาดโชว์บิส ของเอ-ไทม์ในปีนี้ก็มีแผนจัดจัดคอนเสิร์ต DJs On Stage 2 เอาดีเจในค่ายมาขึ้นเวที ซึ่งปีที่แล้วทำแล้วขายบัตรได้หมด ปีนี้ก็เลยมีแผนว่าจะขนดีเจขึ้นเวทีอีกครั้ง ส่วนคอนเสิร์ตอื่นๆ ก็จะเน้นศิลปินระดับตำนานที่มีแฟนคลับ Gen X และ Gen Y เป็นหลัก อย่าง มอส-ปฏิภาณ, ทาทา ยัง, นัท มีเรีย, เจ-เจตริน และ เจนิเฟอร์ คิ้ม

“ศิลปินยุคใหม่ที่มีถูกฝึกมาให้จัดคอนเสิร์ตใหญ่ของตัวเองได้มีน้อย ศิลปินสมัยก่อนถูกเคี่ยวกรำมาอย่างหนัก อัลบั้มหนึ่งโปรโมตทั้งปี เขาเลยถูกฝึกมาเป็นอย่างดี ศิลปินสมัยนี้ดังเพลงเดียว คนดูยังไม่รู้จักหน้าเลย อีกอย่างความบันเทิงของผู้บริโภคกลุ่มนี้ก็มีไม่มากเท่าเด็กรุ่นใหม่ ดูอย่างคุณอาชรินทร์ จัดคอนเสิร์ตสิ จัดกี่ครั้งก็ขายบัตรได้หมดตลอด ที่เหลือก็ต้องเป็นโจทย์ของเราว่าทำยังไงให้คนไม่เบื่อ ไม่รู้สึกว่าซ้ำ” ลักษณะคอนเสิร์ตที่จะถูกจัดขึ้นในปีนี้จึงรวมเอาศิลปินที่มีเรื่องราวใกล้เคียงกันรวมกันขึ้นคอนเสิร์ตขายเป็นแพ็ก ทั้งเรื่องยุคสมัย แนวเพลง หรือเหล่าดีเจก็รวมกันมาทั้งค่าย

ส่วนการงานอื่นๆ ของดีเจในค่าย ถ้าหากว่ารับงานเองรายได้ก็ถือว่าเป็นสิทธิ์ของดีเจ 100% แต่ถ้าหากว่ารับงานโดยอาศัยกิจกรรมของเอ-ไทม์ก็จะมีส่วนที่ต้องหักค่าใช้จ่าย โดยการรับงานนอกนั้น พี่ฉอดมีกฎเหล็กอยู่ว่าห้ามทำให้งานประจำเสีย ต้องมาตอกบัตรเตรียมตัวล่วงหน้าก่อนจัดรายการ 15-30 นาทีก่อนเข้าช่วงเวลาของตัวเอง ส่วนเรื่องที่มีดีเจลาออกไปบ้างก็ถือว่าเป็นเรื่องปกติของการทำงาน

เติ้ล เล่าว่าการเก็บออมของตนเองในขณะนี้คงไม่มี เพราะส่วนใหญ่นำเงินมาลงทุนต่อยอดธุรกิจใหม่ด้านวิทยุ คือคลื่นเอฟเอ็ม 90 แซ่บเรดิโอ ซึ่งคาดว่าภายในปี 2556 หรืออย่างช้าในปี 2557 น่าจะคืนทุนได้เพราะเสียงตอบรับหลายๆ อย่างดี


http://www.positioningmag.com/magazine/details.aspx?id=95671
http://www.thairath.co.th/content/eco/322112

_____________________________

24 มกราคม 2556 โหมโรงงาน “คิด ก่อน คลิก” รู้เท่าทันมหันตภัยปลายนิ้ว Terminal 21 ++ เชื่อปีนี้รัฐจะเสียเป็น3เท่าจาก 680,000 ล้านบาท

ประเด็นหลัก


“เรามีบริการอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงหรือ 3G ที่หนักไปทางด้านข้อมูล เพราะเดี๋ยวนี้คนก็มักจะส่งข้อมูลผ่านทางออนไลน์ต่างๆ ทั้งแชท ทั้งเฟซบุ๊ก หรือไลน์ ซึ่งเมื่อเราให้ใบอนุญาต 3G ไปแล้ว เราคาดการณ์ว่าประชาชนจะต้องใช้บริการโทรศัพท์มือถือเพิ่มมากขึ้น แล้วก็เป็นเช่นนั้นจริงๆ เพราะโทรศัพท์มือถือสมาร์ทโฟนมันช่วยเรื่องการทำงานต่างๆ
      
       โดยทาง กสทช. เราจะเน้นการดูแลเรื่องของการใช้อินเทอร์เน็ตไร้สายบนอุปกรณ์เคลื่อนที่ต่างๆ ที่เราเรียกว่า มหันตภัยไร้สาย และจะเน้นเรื่องการทำธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิคส์ เมื่อเป็นการใช้งานเรื่องคลื่นความถี่เราต้องเข้ามาดู”




นางสาวสุรางคณา วายุภาพ ผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ (องค์การมหาชน) กล่าวเสริมว่า ปัจจุบันประเทศไทยมีมูลค่าความเสียหายในด้านอิเล็กทรอนิกส์ อยู่เฉลี่ยปีละ 713 ล้านล้านบาท

ส่วนในภาครัฐ มีมูลค่าความเสียหายสูงถึง 680,000 ล้านบาท ซึ่งนับเป็นมูลค่าความเสียหายมหาศาล โดยในอนาคต 3จี จะถูกนำมาใช้ในทุกเครือข่ายอย่างสมบูรณ์แบบในเดือนเมษายน 2556 ก็คาดว่าจะมียอดการสูญเสียจากการถูกโจรกรรมบนโลกไซเบอร์สูงเพิ่มขึ้นอีก 3 เท่า”

กสทช. จึงต้องรณรงค์สร้างความตระหนักรู้ถึงอันตรายจากโลกออนไลน์ให้กับทุกภาคส่วนไม่ว่าจะเป็นภาครัฐ ภาคเอกชน ร่วมถึงประชาชนได้หันมาให้ความสำคัญในเรื่องนี้


นอกจากนี้ยังได้จัดนิทรรศการ คิด ก่อน คลิก cybersecurity มหันตภัยปลายนิ้ว ในระหว่างวันที่ 25-27 มกราคมนี้ ที่ Terminal 21 เพื่อเปิดโอกาสให้ประชาชนทั่วไปได้สัมผัสภัยร้ายไร้สายนี้ด้วยตัวเองผ่านกิจกรรมสนุกๆ ที่ได้จำลองสถานการณ์เสมือนจริง


       กิจกรรมเพื่อผู้บริโภคจาก กสทช. จะเริ่มจัดขึ้นตั้งแต่วันที่ 24 มกราคม โดยในวันแรกจะเป็นการจัดสัมมนา “National Cyber security Awareness Day” ก้าวสู้สังคมไร้สายอย่างปลอดภัย ณ โรงแรม Intercontinental Bangkok โดยมีตัวแทนผู้เชี่ยวชาญทั้งจากภาครัฐและเอกชนมารวมตัวกันทั้ง น.อ. อนุดิษฐ์ นาครทรรพ, สุทธิชัย หยุ่น, พ.อ.ดร.เศรษฐพงค์ มะลิสุวรรณ, ประวิทย์ ลี่สถาพรวงศา โดยไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆ ทั้งสิ้น และในวันที่ 25-27 มกราคม จะเป็นการจัดนิทรรศการ “คิดก่อนคลิก Cyber security มหันตภัยปลายนิ้ว” ณ Terminal 21 ที่มีการจำลองสถานการณ์ให้สัมผัสได้โดยตรง ทั้งการขโมยข้อมูล การ Phising คืออะไร ภัยจากการใช้โซเชียล มีเดีย

http://www.bangkokbiznews.com/home/detail/it/it/20130124/487244/%A1%CA%B7%AA.%E0%B5%D7%CD%B9%
C0%D1%C2%C3%E9%D2%C2%E1%BD%A7%C1%D7%CD%B6%D7%CD-
%AA%D5%E9%C1%D9%C5%A4%E8%D2%E0%CA%D5%C2%CB%D2%C2%BE%D8%E8%A7-713-
%C5%E9%D2%B9%C5%E9%D2%B9.html
http://www.manager.co.th/CelebOnline/ViewNews.aspx?NewsID=9560000009900&Keyword=3g

__________________________________


24 มกราคม 2556 (เริ่มยังกังวน) กรณี การแจก set top box 22 ล้านเครื่อง (หวั่นขยะ สินค้าคุณภาพต่ำทะละ)/กสทช.ยังไม่ได้ขอยุติ/สามารถเตรียมขายกล่องแล้ว

ประเด็นหลัก


โตชิบา

ภาครัฐบาลควรจะนำโครงการดังกล่าวกลับมาทบทวนรายละเอียดอีกครั้งหนึ่ง ไม่ต้องรีบร้อนดำเนินการ เพราะในอดีตก็เคยมีปัญหามาแล้วในช่วงหลังน้ำท่วมที่ภาครัฐแจกคูปองมูลค่า 2,000 บาทให้ประชาชนนำไปซื้อเครื่องใช้ไฟฟ้า ซึ่งปัญหาตามมามากมายในรายละเอียด และเป็นโครงการที่ไม่ได้เตรียมพร้อมมาอย่างดี
      
       การทำเช่นนั้นกลับเป็นการทำประชานิยมอย่างชัดเจน โดยไม่คำนึงถึงผลกระทบที่มากมายที่จะตามมาภายหลัง โดยปัญหาของเครื่องรับโทรทัศน์ระบบแอนะล็อกเดิมที่มีเป็นจำนวนมาก ที่ยังอยู่ในท้องตลาดที่ยังสามารถใช้การได้ไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนใหม่ แต่ต้องถูกนำมาทิ้งเพราะผู้บริโภคจะหันไปซื้อทีวีดิจิตอลรุ่นใหม่หมด จะกลายเป็นปัญหาขยะอิเล็กทรอนิกส์ที่ส่งผลกระทบตามมาอีก


ทั้งนี้จากข้อมูลที่สำรวจเมื่อ ส.ค. ปี 2555 พบว่ายังมีผู้บริโภคที่ใช้โทรทัศน์ระบบอนาล็อคโดยใช้เสาอากาศหนวดกุ้งอยู่ราว 36 % จากจำนวนผู้บริโภคทั้ง หมด 22 ล้านครัวเรือน  ซึ่งผู้บริโภคส่วนนี้จะเปลี่ยนมาใช้ระบบดิจิตอลหลังสุด  เพราะอุปนิสัยการบริโภคเปลี่ยนยาก

อย่างไรก็ตามส่วนของผู้บริโภคที่ใช้โทรทัศน์ที่สามารถเชื่อมกับดาวเทียม  เคเบิ้ล ทีวีได้  ก็เพียงแค่เพิ่กล่องรับสัญญาณเท่านั้น  ก็รับระบบดิจิตอลได้แล้ว  ซึ่งส่วนนี้มีจำนวนมาก หากเปิดให้จำหน่ายกล่องรับสัญญาณเมื่อไหร่แล้วไม่ควบคุมให้ดี  สินค้าราคาถูกจากตลาดจีนจะทะลักเข้ามาจำนวนมาก  ซึ่งราคาถูกและมีความเสี่ยงด้านคุณภาพเสียหาย  ซึ่งตรงนี้ก็จะกลายเป็นปัญหาของขยะอิเล็กทรอนิกส์ด้วย




สามารถ

กลุ่มบริษัท สามารถฯ ภายใต้บริษัท สามารถ ดิจิตอล ทีวี ตั้งเป้าขอใบอนุญาตให้บริการด้านโครงข่ายทีวีดิจิตอลจากคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ หรือ กสทช. ลงทุน 800–1,000 ล้านบาท หากมีช่องทีวีเปิดให้บริการครบ 48 ช่อง จะคุ้มทุนใน 2-3 ปี และจะเป็น|ผู้จำหน่ายกล่องรับสัญญาณทีวีดิจิตอล 2 รุ่น สำหรับทีวีแบบปกติราคากว่า 1,000 บาท และกล่องสำหรับสมาร์ตทีวี ประมาณ 2,000 บาท หากได้รับอนุญาตจาก กสทช. จะนำเข้ามาเบื้องต้น 1 ล้านกล่อง




กสทช

น.ส.สุภิญญา ชี้แจงว่า ขณะนี้วิธีการแจกยังไม่เป็นที่ยุติ โดย กสทช. ใช้หลักคิดว่าน่าจะนำเงินจากการประมูลคลื่นความถี่ดิจิตอลส่วนหนึ่งมาสนับสนุนให้ประชาชนได้เข้าถึงระบบโทรทัศน์ดิจิตอลในราคาถูก  แต่ยังต้องรอหารือกับคณะกรรมการกองทุนพัฒนาสื่อตามที่กฎหมายกำหนดก่อน  และยังไม่รู้ตัวเลขมูลค่าของคูปองจนกว่ารายละเอียดและมูลค่าการประมูลจะมีข้อยุติ

อย่างไรก็ตามคาดว่าจะมีการแจกคูปองราว 50% ของผู้บริโภคเพื่อรองรับการเปลี่ยนผ่านจากระบบทีวีอนาล็อคไปสู่ดิจิตอล ซึ่ง กสทช.จะควบคุมด้านนโยบาย  โดยดูแลเรื่องมาตรฐานคุณภาพขั้นต่ำของกล่องรับสัญญาณดังกล่าว  โดยลักษณะคูปองจะแจกเพื่อเป็นส่วนลด ขณะที่ในส่วนของยี่ห้อของกล่องรับสัญญาณนั้นจะเปิดกว้างให้ประชาชนเลือกซื้อเอง เพื่อไม่ให้มีการล็อกสเปกหรือผูกขาดการแข่งขัน  โดย กสทช.จะควบคุมด้านคุณภาพด้วยการให้สติ๊กเกอร์แก่ผลิตภัณฑ์ที่ผ่านมาตรฐานด้านเทคนิคเท่านั้น

"กสทช. ไม่มีเครื่องมือ  ตัวเลขและบุคคลากรในการแจกคูปอง  จำเป็นที่จะต้องขอความร่วมมือจากรัฐบาล  เช่น  ข้อมูลสถิติทะเบียนประชากรของกระทรวงมหาดไทย  การควบคุมราคาสินค้าของกล่องรับสัญญษณจะต้องอาศัยกระทรวงพาณิชย์   โดยมีแนวคิดที่จะให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเป็นผู้ที่จะช่วยนำไปแจก"น.ส.สุภิญญากล่าว


http://www.manager.co.th/iBizchannel/viewNews.aspx?NewsID=9560000009400 และ อื่นๆ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่