อำลา "เทโร เรดิโอ" ปิดฉาก 35 ปีบนหน้าปัดวิทยุ

Tero Radio ถือเป็นหนึ่งในผู้บุกเบิกวงการวิทยุเพลงฮิตในประเทศไทย โดยมีรากฐานมาจากบริษัทแม่คือ Tero Entertainment ซึ่งก่อตั้งเมื่อวันที่ 12 พฤษภาคม 2537 ในชื่อ World Media Supply โดยเริ่มต้นจากธุรกิจผลิตสื่อโทรทัศน์และบันเทิง
ต่อมาในวันที่ 27 มีนาคม 2541 บริษัทเปลี่ยนชื่อเป็น BEC-Tero Entertainment Public Co. Ltd. หลังจาก BEC World Public Co. Ltd. (บริษัทแม่ของช่อง 3) เข้าถือหุ้นใหญ่ ทำให้กลายเป็นส่วนหนึ่งของเครือสื่อยักษ์ใหญ่ในไทย
ในเดือนธันวาคม 2563 BEC World ขายหุ้นให้กับ Brian L. Marcar เป็นเงิน 15 ล้านบาท และเปลี่ยนชื่อเป็น Tero Entertainment ในปัจจุบัน




ธุรกิจวิทยุของ Tero เริ่มต้นอย่างเป็นทางการในเดือนกรกฎาคม 2545 ภายใต้ชื่อ Virgin BEC-Tero Radio ซึ่งเป็นการร่วมทุนระหว่าง Virgin Radio International (จากอังกฤษ) และ BEC-Tero Entertainment โดยได้รับสัมปทานจาก You & I Corporation เพื่อผลิตและให้คำปรึกษารายการวิทยุสำหรับสถานีหลักหลายแห่ง สถานีเหล่านี้มุ่งเน้นเพลงสากลและเพลงฮิตสำหรับคนรุ่นใหม่ ทำให้ได้รับความนิยมสูงในกรุงเทพฯ และขยายสู่ต่างจังหวัด ในช่วงแรก บริษัทมุ่งเน้นการออกอากาศตลอด 24 ชั่วโมง และขยายสู่กิจกรรมออฟไลน์ เช่น คอนเสิร์ตและอีเวนต์ ซึ่งเชื่อมโยงกับธุรกิจบันเทิงอื่นๆ ของเครือ BEC-Tero เช่น การจัดทัวร์นาเมนต์เทนนิส ATP Thailand Open หรือ King's Cup Polo


ตลอดกว่า 20 ปี Tero Radio ได้ปรับรูปแบบสถานีเพื่อตอบสนองเทรนด์เพลงและผู้ฟัง โดยมีสถานีหลักดังนี้:
- Eazy FM 102.5: เริ่มออกอากาศตั้งแต่ปี 2537 เน้นเพลงสากลอันดับ 1 สำหรับคนกรุงเทพฯ


- HITZ Thailand: เดิมเป็น Virgin Hitz บน FM 95.5 เปิดตัวปี 2545 เน้นเพลงฮิตสากลและไทย ต่อมาปรับเป็นออนไลน์หลัก


- Goodtime Radio: เปิดปี 2559 ออกอากาศพร้อมกัน 4 จังหวัด (FM 88.5 กรุงเทพฯ, FM 88 เชียงใหม่, FM 94.5 สงขลา, FM 104 อุบลราชธานี) เน้นเพลงฮิตสูงสุดและไลฟ์สไตล์


- TOFUPOP Radio: เปิดปี 2553 เป็นคลื่นออนไลน์เน้นเพลงเอเชีย (เช่น K-Pop, J-Pop, T-Pop)


นอกจากนี้ ยังมีสถานีที่เลิกไปอย่าง Star FM, Rock ON Radio และ RAD Radio บริษัทพัฒนาแอปพลิเคชันที่รวมสถานีต่างๆ เพื่อให้ผู้ฟังเข้าถึงผ่านออนไลน์ทั่วโลก ซึ่งช่วยขยายฐานผู้ฟังนอกกรุงเทพฯ ในปี 2566 ประกาศทรานส์ฟอร์มสู่ดิจิทัลเต็มรูปแบบ โดยผลักดัน HITZ Thailand เป็นเรดิโอออนไลน์หลัก เพื่อแข่งขันกับแพลตฟอร์มสตรีมมิงอย่าง Spotify และ YouTube
อย่างไรก็ตาม บริษัทเผชิญปัญหาการขาดทุนจากรายได้ที่ลดลง โดยเฉพาะหลังโควิด-19 จากข้อมูลทางการเงินในช่วง 5 ปีล่าสุด (2563-2567) แสดงให้เห็นถึงความผันผวนและขาดทุนสะสม


สาเหตุหลักของการขาดทุนมาจากการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมผู้บริโภคที่หันไปสู่สื่อดิจิทัล ทำให้รายได้จากโฆษณาลดลงอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ การแข่งขันจากแพลตฟอร์มออนไลน์และผลกระทบจากโควิด-19 ทำให้บริษัทไม่สามารถฟื้นตัวได้เต็มที่

ในวันที่ 27 ธันวาคม 2568 บริษัทประกาศยุติกิจการอย่างเป็นทางการ โดยแถลงการณ์เต็มระบุถึงความพยายามปรับตัวแต่สุดท้ายไม่สามารถก้าวผ่านอุปสรรคได้ การปิดตัวนี้ส่งผลให้สถานีทั้งหมดหยุดออกอากาศ รวมถึง Eazy FM, Goodtime Radio, HITZ Thailand และ TOFUPOP Radio ซึ่งเป็นคลื่นที่สร้างความทรงจำให้ผู้ฟังมานาน


การปิดตัวของ Tero Radio ถือเป็นสัญญาณของการเปลี่ยนแปลงในอุตสาหกรรมสื่อไทย ที่วิทยุแบบดั้งเดิมต้องเผชิญกับ disruption จากดิจิทัล แม้จะพยายามปรับตัว แต่สุดท้ายก็ยากที่จะรักษาฐานะทางการเงินไว้ได้
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่