ดัชนีหุ้นไทยจะไป 20,000 จุด...!!!

กรณ์ จาติกวณิช

" ... ในอนาคตถ้ามองไปอีก 20 ปีข้างหน้า ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี)
ของประเทศที่ขณะนี้อยู่ที่ 11 ล้านล้านบาท อีก 20 ปี คาดว่าจะอยู่ที่ 50
ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้นเกือบ 5 เท่า คิดจากฐานจีดีพีขยายตัวปีละ 5%
และเงินเฟ้ออยู่ที่ 3% ส่วนตลาดหลักทรัพย์ คาดว่าอีก 20 ปี ดัชนีปัจจุบันที่ 1,400
จุด จะเพิ่มขึ้นทะลุ 20,000 จุดได้ คิดจากผลประกอบการเพิ่มขึ้นปีละ 15% ....."




กรณ์ จาติกวณิช
รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ อดีต รมว.คลัง
“มาสด้า ฮอนด้า โตโยต้า ในอนาคตเป็นของคนไทยได้ทั้งนั้น รวมทั้งถุงยางดูเร็กซ์...”

นายกรณ์ จาติกวณิช รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะอดีต รมว.คลัง กล่าวว่า
การกำหนดนโยบายทางเศรษฐกิจควรจะต้องมองผลที่จะเกิดขึ้นในอีก 10-20 ปีข้างหน้า
ไม่ใช่แค่มองระยะสั้นสิ้นปี 2556 หรือแค่ระยะ 2-3 ปี ซึ่งเมื่อมองในอนาคตระยะยาว
ประเทศ ไทยได้เปรียบประเทศคู่แข่งอย่างมาก ทั้งความอุดมสมบูรณ์
การมีประชากรเพียงพอต่อการพัฒนา การมีจุดยุทธศาสตร์อยู่ในภูมิภาคเอเชีย
และมีบุญเก่า 4 ปัจจัยคือ 1.ระบบการปกครอง กฎหมาย และโครงสร้างเศรษฐกิจ
มีความพร้อมกว่าคู่แข่งอย่างเวียดนาม และพม่าที่ต้องเริ่มต้นใหม่
2.การมีโครงสร้างพื้นฐานที่สร้างไว้ เช่น โครงการอีสเทิร์นซีบอร์ด
3.ตลาดทุนที่สะสมมากว่า 40 ปี และ 4.ความมีเสถียรภาพในการ บริหารการเงินการคลัง

ทั้งนี้ ในอนาคตถ้ามองไปอีก 20 ปีข้างหน้า ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี)
ของประเทศที่ขณะนี้อยู่ที่ 11 ล้านล้านบาท อีก 20 ปี คาดว่าจะอยู่ที่ 50
ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้นเกือบ 5 เท่า คิดจากฐานจีดีพีขยายตัวปีละ 5%
และเงินเฟ้ออยู่ที่ 3% ส่วนตลาดหลักทรัพย์ คาดว่าอีก 20 ปี ดัชนีปัจจุบันที่ 1,400
จุด จะเพิ่มขึ้นทะลุ 20,000 จุดได้
คิดจากผลประกอบการเพิ่มขึ้นปีละ 15%

“จากความเชี่ยวชาญของไทยในการผลิต 20 ปีข้างหน้าจะทำให้ไทยเป็นผู้นำการผลิตสินค้า
ทำไมคนไทยจะเป็นเจ้าของมิชลินไม่ได้ เมื่อผลิตยางพาราได้อันดับต้นๆของโลก มาสด้า
ฮอนด้า โตโยต้า ในอนาคตเป็นของคนไทยได้ทั้งนั้น รวมทั้งถุงยางดูเร็กซ์
และการพัฒนาด้านเศรษฐกิจ สิ่งที่จะตามมาคืออำนาจด้านวัฒนธรรม กีฬา และวงการบันเทิง
ภาพยนตร์ไทยอาจจะได้รางวัลออสก้า เพลงไทยเป็น ที-ป๊อป ทำลาย สถิติกังนัมสไตล์
ทีมฟุตบอลไทยได้ไปบอลโลกในปี 2563 ในประเทศกาตาร์เป็นเจ้าภาพ
ภายใต้ผู้จัดการทีมชื่อกิตติรัตน์ รวมไปถึงประเทศไทยได้รับรางวัลโนเบล สาขาสันติภาพ
จากการแก้ปัญหาชายแดนใต้ และเขาพระวิหารได้สำเร็จ”

นายกรณ์กล่าวว่า เสาหลักที่จะสร้างความเข้มแข็งให้เศรษฐกิจไทยในอนาคตมี 7 เสา
ประกอบด้วย นโยบายการเงินการคลังที่มีเสถียรภาพ, ตลาดเงิน, การพัฒนาการการศึกษา,
การแก้ปัญหาทุจริตคอรัปชัน, การแก้ปัญหาสังคมผู้สูงอายุ,
การพัฒนาตลาดทุนและการพัฒนาทางเศรษฐกิจที่ต้องส่งผลถึงคนไทยทุกคนอย่างเสมอภาค

สำหรับนโยบายการคลังของรัฐบาลในชุดปัจจุบันถือว่าไม่รักษาวินัยการคลัง
และเดินหน้าไปสู่การทำลายระบบที่สร้างความเสียหายกับเศรษฐกิจไทยที่สร้างมาหลายสิบปี
ความเสียหายเกิดขึ้นชัดเจนแต่ถูกรัฐบาลปฏิเสธ เช่นการออก พ.ร.ก.บริหารจัดการน้ำ
350,000 ล้านบาท

อ้างว่าเป็นเรื่องจำเป็นเร่งด่วนเพื่อป้องกันอุทกภัยไม่ให้เกิดขึ้น
แต่ในวันศุกร์ที่ 25 ม.ค.นี้ ก็จะครบรอบ 1 ปีแล้ว ใช้เงินไปประมาณ 4,000 ล้านบาท
หรือเพียง 1% กว่าเท่านั้น ทั้งที่นายกิตติรัตน์ยืนยันกับศาลรัฐธรรมนูญ
และรัฐสภาว่ามีความพร้อมเดินหน้าใช้เงินได้ทันที และสิ้น มิ.ย.2556 นี้
หรืออีกประมาณ 5 เดือน จะครบกำหนดต้องใช้เงินให้หมด
แล้วรัฐบาลก็คงจะกู้เงินมากองไว้หรือหาวิธีเลี่ยงกฎ– หมายต่างๆ
ส่วนโครงการโครงสร้างพื้นฐานคมนาคม 2 ล้านล้านบาท
ถ้าเป็นโครงการที่ดีขอให้กู้เงินทำไปตามระบบงบประมาณ
ไม่ใช่การออกกฎหมายพิเศษเพื่อมาใช้เงิน แต่ขออย่าให้มีค่าน้ำร้อนน้ำชา
หรือเลยไปถึงค่าแชมเปญชั้นดี

“เรื่องที่ผมผิดหวังรัฐบาลมากที่สุด คือเรื่องที่การเมืองเสนอตัวมาดูแลคนยากจน
แต่นโยบายของรัฐบาลในรอบ 1 ปีครึ่งที่ผ่านมา เป็นนโยบายที่เอื้อคนที่มีเงินอยู่แล้ว
ไม่ได้เอื้อให้คนไม่มีเงินให้ดีขึ้น
เช่นการลดภาษีนิติบุคคลที่ผู้ประกอบการขนาดใหญ่ได้ประโยชน์”.


โดย ทีมข่าวเศรษฐกิจ
http://www.thairath.co.th/content/eco/322169
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่