ประเด็นที่น่าสนใจพิจารณาจุดแข็ง-จุดอ่อนของผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม. ต่อไป ได้แก่
4) นโยบายหาเสียง
ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ มีจุดเด่นตรงที่เคยทำงานมาแล้ว มีผลงานอยู่ก่อน
เป็นพื้นฐานที่จะเข้ามาสานงานต่อได้ทันที และความน่าเชื่อถือว่า
นโยบายที่หาเสียงนั้นมีความเป็นไปได้มาก ไม่เพ้อเจ้อ อยู่บนพื้นฐาน
ข้อเท็จจริงของท้องถิ่น กทม. โดยสามารถจะนำเสนอถึงสิ่งที่ทำมาแล้ว
และสิ่งที่จะทำต่อไป เช่น เพิ่มพื้นที่สีเขียวมาแล้ว 5 พันไร่ และจะเพิ่ม
อีก 5 พันไร่, เพิ่มส่วนต่อขยายรถไฟลอยฟ้าไปถึงแบริ่ง-วงเวียนใหญ่
และจะขยายต่อไป พร้อมลดค่าโดยสารส่วนต่อขยาย, ติดกล้องซีซีทีวี
ไฟส่องสว่าง เพื่อความปลอดภัยไปแล้วหลายหมื่นจุด และมีนโยบาย
จะเชื่อมโยงเครือข่ายกล้องเอกชน 200,000 ตัว อาสาสมัครชุมชน
เฝ้าระวังภัยเสริมความปลอดภัยทุกชุมชน ฯลฯ
แต่จุดอ่อน คือ เมื่อเคยผ่านงานจริงมาแล้ว ก็จะมีทั้งคนที่พอใจและไม่พอใจ
มีคนได้ประโยชน์และเสียประโยชน์ รวมทั้งมีงานที่ทำบกพร่อง ไม่สำเร็จ
ทำให้ถูกยกขึ้นมาโจมตีได้ง่ายพล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ จุดเด่นอยู่ที่มี
รัฐบาลพรรคเพื่อไทยคอยโอบอุ้ม ช่วยเป็นหลังพิงให้ ดังปรากฏว่า
นโยบายหาเสียงเกือบทั้งหมดล้วนอยู่บนพื้นสมมติฐานว่าจะต้องพึ่งพา
งบประมาณและประสานขอความช่วยเหลือจากรัฐบาลส่วนกลางเท่านั้น
จึงจะหวังผลได้จริง เช่น รถเมล์ฟรีทุกคัน ออกทุก 5 นาที เรือโดยสารฟรี,
เฝ้าระวังบ้านทุกหลัง 365 วัน, แก้ปัญหายาเสพติดร่วมกับรัฐบาลอย่าง
เต็มที่ ฯลฯจุดอ่อน คือ จะต้องพึ่งพาอำนาจรัฐบาลส่วนกลางเท่านั้น
และถ้ามีการเปลี่ยนแปลงในรัฐบาล นโยบายทั้งหลายก็สุ่มเสี่ยงที่จะ
มลายหายไปเป็นอากาศธาตุ เพราะ “เกิดรอยต่อ” เสียแล้ว อีกทั้ง
นโยบายทั้งหลายหากรัฐบาลพรรคเพื่อไทยมีเจตนาจะทำเพื่อประชาชนจริงๆ
ก็ไม่ต้องรอให้ผู้ว่าฯ เป็นคนของพรรคเพื่อไทยก็สามารถจะกระทำได้เลย
ซึ่งจริงๆ ก็ควรจะเป็นเช่นนั้นนอกจากนี้ นโยบายของบรรดาผู้สมัครอิสระ
ที่เหลือก็พยายามอาศัยจุดเด่น คือ ความสดใหม่ ไม่สังกัดพรรคการเมือง
เปิดพื้นที่ให้ขายฝันกันได้เต็มที่ เพื่อ “ขอโอกาส”
แต่จุดอ่อนคือจะทำได้จริงเพียงใด
5) ลักษณะเฉพาะตัวของผู้สมัคร
ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ มีจุดแข็ง คือ บุคลิกและคุณสมบัติส่วนตัว ประสบการณ์ ความรู้
ภาพลักษณ์ของในสายตาต่างชาติ สอดรับกับแนวโน้มการพัฒนาเมืองกรุงเทพฯ
ไปสู่การเป็น “มหานครแห่งอาเซียน”แต่จุดอ่อน คือ พูดไม่เก่ง ตอบโต้ทาง
การเมืองไม่เป็น ไม่มีโวหารการเมืองที่คมคาย ขาดเสน่ห์ส่วนตัว
พล.ต.อ.พงศพัศ มีจุดแข็ง คือ เป็นคนที่เล่นกับกิจกรรมสร้างภาพลักษณ์
มาโดยตลอด ตั้งแต่สมัยเป็นโฆษก สตช. จนถึงขั้นได้ฉายา
“ดาราสีกากี” - “จูดี้อีเว้นท์”
เพราะฉะนั้นจึงสามารถเล่นบทบาทต่างๆ เพื่อสร้างภาพลักษณ์ให้ตนเอง
อย่างไม่ขัดเขิน เช่น โหนรถขนขยะ เข้าฉากนั่งคุยกับแม่ค้าแผงลอยบน
พื้นถนน ฯลฯจุดอ่อน คือ ไม่ปรากฏผลงานในชีวิตการเป็นตำรวจอย่าง
เป็นชิ้นเป็นอัน คนทั่วไปเชื่อว่าได้ดีโดยไม่เคยทำคดีใหญ่ๆ คุ้นเคยแต่กับ
การออกหน้ากล้อง ออกสื่อ แถลงข่าว หน้าขาวๆ คล้ายๆ กับบทบาท
ของนายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ กระทั่งมาลงเลือกตั้งผู้ว่าฯ ครั้งนี้ก็ยัง
“แทงกั๊ก” อาจจะกลับไปรับตำแหน่ง รอง ผบ.ตร. และเลขาธิการ ปปส.
ซึ่งทำให้เชื่อได้ยากว่าจะทุ่มสุดตัวกับงานเพื่อคน กทม.อย่างแท้จริง
ส่วนผู้สมัครอิสระคนอื่นๆ ก็พยายามใช้ความเป็นอิสระจากพรรคการเมือง
มานำเสนอเป็นจุดเด่น สามารถคิดและทำนโยบายอย่างเต็มที่ ไม่ต้อง
คำนึงถึงพรรค เช่น คุณโฆษิตเสนอว่าเป็นมือประสาน 10 ทิศ,
พลตำรวจเอกเสรีพิศุทธ์เสนอว่าเป็นตัวของตัวเอง หรือคุณสุหฤทเสนอว่า
ไม่ติดกรอบการเมืองแบบเดิมๆ เป็นต้น
ขณะเดียวกัน ลักษณะเฉพาะตัวแบบนี้ก็เป็นจุดอ่อนของผู้สมัครอิสระเช่นกัน
ประการแรก จะถูกโจมตีว่ามีความอิสระแท้จริงเพียงใด ดังปรากฏภาพถ่าย
ของคุณโฆษิตและภริยาเดินคู่กับทักษิณ ชินวัตร อย่างสนิทสนม
หรือมีการพูดถึงพลตำรวจเอกเสรีพิศุทธ์ว่าเคยปรากฏเป็นข่าวมาก่อนหน้า
นี้ว่าพรรคเพื่อไทยสนใจจะดึงตัวมาลงผู้ว่าฯ กทม.ในนามของพรรคด้วย
ซ้ำไป เป็นต้นประการต่อมา ยิ่งใกล้วันเลือกตั้ง สังคมก็จะยิ่งคาดการณ์
ประเมินถึงผลลัพธ์ของการลงคะแนนว่า หากลงคะแนนให้แล้วจะกลาย
เป็นคะแนน “ทิ้งน้ำ” หรือไม่? ผลการเลือกตั้งจะออกมาในทิศทางใด?
ถ้าเสียงแตก ใครจะได้-เสียประโยชน์อย่างไร?
6) ตัวช่วย
ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์มีตัวช่วย คือ บรรดา ส.ส.กทม.ของพรรคประชาธิปัตย์
สก. สข.ของพรรค รวมทั้งบรรดาผู้หลักผู้ใหญ่ในบ้านเมืองที่ไม่ใช่คน
ของพรรค แต่มี “ทุนทางสังคมสูง” อาทิ พลตำรวจเอกวสิษฐ เดชกุญชร
เป็นต้น รวมถึงอาจจะได้คะแนนสงสาร ได้รับความเห็นอกเห็นใจในฐานะ
ที่เคยร่วมฝ่าฟันปัญหาช่วงที่ กทม.ถูกกระทำโดยขบวนการเผาบ้าน
เผาเมืองและน้ำท่วมใหญ่พล.ต.อ.พงศพัศมีตัวช่วย คือ ทักษิณ ชินวัตร-
ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร -เฉลิม อยู่บำรุง - ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รวมทั้ง ส.ส. สก.
สข.ของพรรค และอาจจะรวมถึงกลไกอำนาจรัฐสารพัดรูปแบบ เป็นจุด
ที่ทำให้ได้เปรียบอย่างมากส่วนผู้สมัครอิสระอื่นๆ อยู่ในฐานะเกือบจะ
ไร้ตัวช่วย เหลือเพียงจะสร้างกระแสการเมืองที่เป็นคุณแก่คะแนนเสียง
ของตัวเองขึ้นมาได้อย่างไร
ทั้งหมดนี้ เป็นการวิเคราะห์จุดแข็ง-จุดอ่อนในบางประเด็นที่เห็นว่าสำคัญ
แต่สำคัญที่สุดก่อนที่ประชาชนจะลงคะแนนเสียงเลือกตั้ง คือ ควรจะให้
ผู้สมัครทุกคน ควรต้องเปิดเผยแนวทางปฏิบัติตามนโยบายหาเสียงของ
ตนเองอย่างชัดเจน เป็นระบบ เป็นรูปธรรม กำหนดเวลาให้แน่ชัดว่า
จะทำได้เมื่อใด? ครอบคลุมเพียงใด?
จะเอาเงินมาจากไหน? เท่าใด? ต้นทุนเป็นอย่างไร?
จะดูแลผลกระทบจากนโยบายดังกล่าวอย่างไร? ฯลฯ
อย่าปล่อยให้นักการเมืองสายพันธุ์ที่ไม่มีความรับผิดชอบ ใช้วิธีหาเสียง
แบบชุ่ยๆ สัญญาปากเปล่า บ้าน้ำลาย สร้างวิมานในอากาศ ในลักษณะ
เดียวกับที่คุยโม้ว่าจะใช้ “เงินในอากาศ” ทำนโยบายของตนให้สำเร็จ
โดยไม่ต้องกู้ แต่สุดท้ายรัฐบาลพรรคเพื่อไทยก็ใช้วิธีกู้ สร้างหนี้สินให้
ประเทศชาติมหาศาลอย่าให้ใครจับกรุงเทพฯ เป็นตัวประกัน!
อย่าให้ใครใช้โอกาสนี้ อ้างชัยชนะการเลือกตั้งเมืองหลวง
สร้างความชอบธรรมทางการเมืองให้กับพรรคพวกตนเอง
หวังฟอกผิดจากการเผาบ้านเผาเมืองและทุจริตโกงชาติโกงแผ่นดิน!
สารส้ม
http://www.naewna.com/politic/columnist/5051
จุดแข็ง-จุดอ่อน ผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม. ..... กวนน้ำให้ใส ... สารส้ม (ตอนแรก)
http://pantip.com/topic/30070039
ขออ้างถึงกระทู้เดิมหน่อย เพราะดูจะเป็น ตอนจบ
ของกระทู้เดิม
อ่านจนจบ เจอแต่จุดอ่อน ของพรรคเพื่อไทย
และผู้สมัครอิสระ
ส่วนปชป. จุดอ่อนนิดเดียว ..พูดไม่เก่ง...
เขาเรียกว่า หาเสียงให้ หรือเปล่า ...แบบนี้
จุดแข็ง-จุดอ่อน ผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม.(ตอนจบ)......กวนน้ำให้ใส....สารส้ม ...แนวหน้าออนไลน์
4) นโยบายหาเสียง
ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ มีจุดเด่นตรงที่เคยทำงานมาแล้ว มีผลงานอยู่ก่อน
เป็นพื้นฐานที่จะเข้ามาสานงานต่อได้ทันที และความน่าเชื่อถือว่า
นโยบายที่หาเสียงนั้นมีความเป็นไปได้มาก ไม่เพ้อเจ้อ อยู่บนพื้นฐาน
ข้อเท็จจริงของท้องถิ่น กทม. โดยสามารถจะนำเสนอถึงสิ่งที่ทำมาแล้ว
และสิ่งที่จะทำต่อไป เช่น เพิ่มพื้นที่สีเขียวมาแล้ว 5 พันไร่ และจะเพิ่ม
อีก 5 พันไร่, เพิ่มส่วนต่อขยายรถไฟลอยฟ้าไปถึงแบริ่ง-วงเวียนใหญ่
และจะขยายต่อไป พร้อมลดค่าโดยสารส่วนต่อขยาย, ติดกล้องซีซีทีวี
ไฟส่องสว่าง เพื่อความปลอดภัยไปแล้วหลายหมื่นจุด และมีนโยบาย
จะเชื่อมโยงเครือข่ายกล้องเอกชน 200,000 ตัว อาสาสมัครชุมชน
เฝ้าระวังภัยเสริมความปลอดภัยทุกชุมชน ฯลฯ
แต่จุดอ่อน คือ เมื่อเคยผ่านงานจริงมาแล้ว ก็จะมีทั้งคนที่พอใจและไม่พอใจ
มีคนได้ประโยชน์และเสียประโยชน์ รวมทั้งมีงานที่ทำบกพร่อง ไม่สำเร็จ
ทำให้ถูกยกขึ้นมาโจมตีได้ง่ายพล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ จุดเด่นอยู่ที่มี
รัฐบาลพรรคเพื่อไทยคอยโอบอุ้ม ช่วยเป็นหลังพิงให้ ดังปรากฏว่า
นโยบายหาเสียงเกือบทั้งหมดล้วนอยู่บนพื้นสมมติฐานว่าจะต้องพึ่งพา
งบประมาณและประสานขอความช่วยเหลือจากรัฐบาลส่วนกลางเท่านั้น
จึงจะหวังผลได้จริง เช่น รถเมล์ฟรีทุกคัน ออกทุก 5 นาที เรือโดยสารฟรี,
เฝ้าระวังบ้านทุกหลัง 365 วัน, แก้ปัญหายาเสพติดร่วมกับรัฐบาลอย่าง
เต็มที่ ฯลฯจุดอ่อน คือ จะต้องพึ่งพาอำนาจรัฐบาลส่วนกลางเท่านั้น
และถ้ามีการเปลี่ยนแปลงในรัฐบาล นโยบายทั้งหลายก็สุ่มเสี่ยงที่จะ
มลายหายไปเป็นอากาศธาตุ เพราะ “เกิดรอยต่อ” เสียแล้ว อีกทั้ง
นโยบายทั้งหลายหากรัฐบาลพรรคเพื่อไทยมีเจตนาจะทำเพื่อประชาชนจริงๆ
ก็ไม่ต้องรอให้ผู้ว่าฯ เป็นคนของพรรคเพื่อไทยก็สามารถจะกระทำได้เลย
ซึ่งจริงๆ ก็ควรจะเป็นเช่นนั้นนอกจากนี้ นโยบายของบรรดาผู้สมัครอิสระ
ที่เหลือก็พยายามอาศัยจุดเด่น คือ ความสดใหม่ ไม่สังกัดพรรคการเมือง
เปิดพื้นที่ให้ขายฝันกันได้เต็มที่ เพื่อ “ขอโอกาส”
แต่จุดอ่อนคือจะทำได้จริงเพียงใด
5) ลักษณะเฉพาะตัวของผู้สมัคร
ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ มีจุดแข็ง คือ บุคลิกและคุณสมบัติส่วนตัว ประสบการณ์ ความรู้
ภาพลักษณ์ของในสายตาต่างชาติ สอดรับกับแนวโน้มการพัฒนาเมืองกรุงเทพฯ
ไปสู่การเป็น “มหานครแห่งอาเซียน”แต่จุดอ่อน คือ พูดไม่เก่ง ตอบโต้ทาง
การเมืองไม่เป็น ไม่มีโวหารการเมืองที่คมคาย ขาดเสน่ห์ส่วนตัว
พล.ต.อ.พงศพัศ มีจุดแข็ง คือ เป็นคนที่เล่นกับกิจกรรมสร้างภาพลักษณ์
มาโดยตลอด ตั้งแต่สมัยเป็นโฆษก สตช. จนถึงขั้นได้ฉายา
“ดาราสีกากี” - “จูดี้อีเว้นท์”
เพราะฉะนั้นจึงสามารถเล่นบทบาทต่างๆ เพื่อสร้างภาพลักษณ์ให้ตนเอง
อย่างไม่ขัดเขิน เช่น โหนรถขนขยะ เข้าฉากนั่งคุยกับแม่ค้าแผงลอยบน
พื้นถนน ฯลฯจุดอ่อน คือ ไม่ปรากฏผลงานในชีวิตการเป็นตำรวจอย่าง
เป็นชิ้นเป็นอัน คนทั่วไปเชื่อว่าได้ดีโดยไม่เคยทำคดีใหญ่ๆ คุ้นเคยแต่กับ
การออกหน้ากล้อง ออกสื่อ แถลงข่าว หน้าขาวๆ คล้ายๆ กับบทบาท
ของนายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ กระทั่งมาลงเลือกตั้งผู้ว่าฯ ครั้งนี้ก็ยัง
“แทงกั๊ก” อาจจะกลับไปรับตำแหน่ง รอง ผบ.ตร. และเลขาธิการ ปปส.
ซึ่งทำให้เชื่อได้ยากว่าจะทุ่มสุดตัวกับงานเพื่อคน กทม.อย่างแท้จริง
ส่วนผู้สมัครอิสระคนอื่นๆ ก็พยายามใช้ความเป็นอิสระจากพรรคการเมือง
มานำเสนอเป็นจุดเด่น สามารถคิดและทำนโยบายอย่างเต็มที่ ไม่ต้อง
คำนึงถึงพรรค เช่น คุณโฆษิตเสนอว่าเป็นมือประสาน 10 ทิศ,
พลตำรวจเอกเสรีพิศุทธ์เสนอว่าเป็นตัวของตัวเอง หรือคุณสุหฤทเสนอว่า
ไม่ติดกรอบการเมืองแบบเดิมๆ เป็นต้น
ขณะเดียวกัน ลักษณะเฉพาะตัวแบบนี้ก็เป็นจุดอ่อนของผู้สมัครอิสระเช่นกัน
ประการแรก จะถูกโจมตีว่ามีความอิสระแท้จริงเพียงใด ดังปรากฏภาพถ่าย
ของคุณโฆษิตและภริยาเดินคู่กับทักษิณ ชินวัตร อย่างสนิทสนม
หรือมีการพูดถึงพลตำรวจเอกเสรีพิศุทธ์ว่าเคยปรากฏเป็นข่าวมาก่อนหน้า
นี้ว่าพรรคเพื่อไทยสนใจจะดึงตัวมาลงผู้ว่าฯ กทม.ในนามของพรรคด้วย
ซ้ำไป เป็นต้นประการต่อมา ยิ่งใกล้วันเลือกตั้ง สังคมก็จะยิ่งคาดการณ์
ประเมินถึงผลลัพธ์ของการลงคะแนนว่า หากลงคะแนนให้แล้วจะกลาย
เป็นคะแนน “ทิ้งน้ำ” หรือไม่? ผลการเลือกตั้งจะออกมาในทิศทางใด?
ถ้าเสียงแตก ใครจะได้-เสียประโยชน์อย่างไร?
6) ตัวช่วย
ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์มีตัวช่วย คือ บรรดา ส.ส.กทม.ของพรรคประชาธิปัตย์
สก. สข.ของพรรค รวมทั้งบรรดาผู้หลักผู้ใหญ่ในบ้านเมืองที่ไม่ใช่คน
ของพรรค แต่มี “ทุนทางสังคมสูง” อาทิ พลตำรวจเอกวสิษฐ เดชกุญชร
เป็นต้น รวมถึงอาจจะได้คะแนนสงสาร ได้รับความเห็นอกเห็นใจในฐานะ
ที่เคยร่วมฝ่าฟันปัญหาช่วงที่ กทม.ถูกกระทำโดยขบวนการเผาบ้าน
เผาเมืองและน้ำท่วมใหญ่พล.ต.อ.พงศพัศมีตัวช่วย คือ ทักษิณ ชินวัตร-
ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร -เฉลิม อยู่บำรุง - ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รวมทั้ง ส.ส. สก.
สข.ของพรรค และอาจจะรวมถึงกลไกอำนาจรัฐสารพัดรูปแบบ เป็นจุด
ที่ทำให้ได้เปรียบอย่างมากส่วนผู้สมัครอิสระอื่นๆ อยู่ในฐานะเกือบจะ
ไร้ตัวช่วย เหลือเพียงจะสร้างกระแสการเมืองที่เป็นคุณแก่คะแนนเสียง
ของตัวเองขึ้นมาได้อย่างไร
ทั้งหมดนี้ เป็นการวิเคราะห์จุดแข็ง-จุดอ่อนในบางประเด็นที่เห็นว่าสำคัญ
แต่สำคัญที่สุดก่อนที่ประชาชนจะลงคะแนนเสียงเลือกตั้ง คือ ควรจะให้
ผู้สมัครทุกคน ควรต้องเปิดเผยแนวทางปฏิบัติตามนโยบายหาเสียงของ
ตนเองอย่างชัดเจน เป็นระบบ เป็นรูปธรรม กำหนดเวลาให้แน่ชัดว่า
จะทำได้เมื่อใด? ครอบคลุมเพียงใด?
จะเอาเงินมาจากไหน? เท่าใด? ต้นทุนเป็นอย่างไร?
จะดูแลผลกระทบจากนโยบายดังกล่าวอย่างไร? ฯลฯ
อย่าปล่อยให้นักการเมืองสายพันธุ์ที่ไม่มีความรับผิดชอบ ใช้วิธีหาเสียง
แบบชุ่ยๆ สัญญาปากเปล่า บ้าน้ำลาย สร้างวิมานในอากาศ ในลักษณะ
เดียวกับที่คุยโม้ว่าจะใช้ “เงินในอากาศ” ทำนโยบายของตนให้สำเร็จ
โดยไม่ต้องกู้ แต่สุดท้ายรัฐบาลพรรคเพื่อไทยก็ใช้วิธีกู้ สร้างหนี้สินให้
ประเทศชาติมหาศาลอย่าให้ใครจับกรุงเทพฯ เป็นตัวประกัน!
อย่าให้ใครใช้โอกาสนี้ อ้างชัยชนะการเลือกตั้งเมืองหลวง
สร้างความชอบธรรมทางการเมืองให้กับพรรคพวกตนเอง
หวังฟอกผิดจากการเผาบ้านเผาเมืองและทุจริตโกงชาติโกงแผ่นดิน!
สารส้ม
http://www.naewna.com/politic/columnist/5051
จุดแข็ง-จุดอ่อน ผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม. ..... กวนน้ำให้ใส ... สารส้ม (ตอนแรก)
http://pantip.com/topic/30070039
ขออ้างถึงกระทู้เดิมหน่อย เพราะดูจะเป็น ตอนจบ
ของกระทู้เดิม
อ่านจนจบ เจอแต่จุดอ่อน ของพรรคเพื่อไทย
และผู้สมัครอิสระ
ส่วนปชป. จุดอ่อนนิดเดียว ..พูดไม่เก่ง...
เขาเรียกว่า หาเสียงให้ หรือเปล่า ...แบบนี้