คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 37
เราว่ารายชื่อหนังสือสุดรักของจขกท. มันไม่นับว่าเป็นนวนิยายแล้วนะคะ
มันขึ้นแท่นวรรณกรรมเอกของโลกไปแล้วค่ะ เป็น literature แล้วค่ะ ไม่ใช่ fiction 555
เอาของเรามั่ง มีดังนี้
1.The Unbearable Lightness of Being/มิลาน คุนเดอร่าค่ะ
เป็นนิยายที่อ่านแล้วเกิดปรากฏการณ์ประหลาด คือเนื้อหาในนิยายมันไม่ได้มีความเหมือนกับชีวิตจริงเราเลย
แต่สารที่เรารับได้จากหนังสือ มันตรงกับปมปัญหาที่เราคิดไม่ตกในชีวิตอย่างบอกไม่ถูก
เราว่ามันเป็นนิยายที่เข้าถึงความจริงในชีวิตเป็นอย่างมาก เรื่องความสุข ภาระหน้าที่ และความมีอิสระเสรี (อย่างน้อยก็ชีวิตเราล่ะ)
2.Sputnik Sweetheart เป็นนิยายเล่มเล็กๆของมูราคามิที่เราชอบมาก หยิบมาอ่านได้เรื่อยๆ
ปกติลุงมูราคามิแกจะสร้างตัวละครของแกออกมาได้มีเสน่ห์อยู่แล้ว แต่หลงรักตัวละคร ฉาก และบรรยากาศของเืรื่องนี้เป็นพิเศษ
และธีมของเรื่องที่พูดถึงเรื่องความเหงาของคนเหงาๆ ที่อาจจะเป็นใครก็ได้ในสังคม แบบว่า มันจี๊ดมาก
3.The Little Prince อันนี้คงไม่ต้องพูดอะไรมากนะคะ อ่านกี่ที่ก็ร้องไห้โฮค่ะ กับการนำเสนอที่แสนจะง่ายแต่ลึกซึ้งและชาญฉลาด
มาฝั่งนิยายไทยมั่ง
1.แม่เบี้ย/วานิช จรุงกิชอนันต์ ชอบมาก อ่านแล้วแบบว่า ซูฮก คิดได้ไงฟร้าาาาา
โทนเรื่องมันออกจะมีความเหนือจริงอยู่เยอะ ซึ่งพอจินตนาการตามแล้วมันสวยและ Exoticมาก
แต่เค้าเขียนออกมาผสมกับบรรยากาศของความเป็นจริงได้เนียนมากไม่ขัดกันเลย
และเราชอบอุปมาอุปมัยที่เค้าสร้างขึ้นมา มันตีความได้หลายอย่างดี
อย่างเราตีความมาแบบนึง ไปอ่านที่อีกคนวิจารณ์เค้าก็ตีความไปอีกแบบ เออมันก็สนุกดี
แต่เวอร์ชั่นที่เอามาทำเป็นหนังนี่แบบ...ไปไกลๆเลย ไม่ได้เสี้ยวในหนังสือเลยจ้ะ
2.งูร้องไห้ ดอกไม้ยิ้ม/สุวรรณี สุคนธา อันนี้นับเป็นนิยายมั้ยหว่า เป็นหนังสือรวมเรื่องสั้นอ่ะ
โดยปกติเราชอบงานเกือบทุกเล่มของคุณสุวรรณี เราว่าเค้าเป็นนักเขียนหญิงที่เขียนนิยายโรแมนติก/ดราม่าได้แหวกกว่าคนอื่นในยุคเดียวกัน
(และอาจจะรวมถึงยุคนี้ด้วย ที่นิยายไทยสไตล์โรแมนติก/ดราม่า ยังใช้พล็อตซ้ำๆซากๆวนอยู่ไม่กี่อันแทบไม่ต่างกับนิยายเมื่อ 20 ปีก่อน)
มีทั้งความรัก หลงไหล อ่อนหวาน เศร้า เหงา ที่ให้อารมณ์ลุ่มลึกมีมิติกว่ามาตรฐานนิยายรักทั่วๆไป
สำหรับหนังสือรวมเรื่องสั้นเรื่องนี้ เราว่ามันรวมงานเยี่ยมๆ ประมาณว่าคั้นเอาเนื้อๆมารวมกันเลยล่ะ หยิบมาอ่านทีก็หลงไปทีค่ะ
3.พันธุ์หมาบ้า/ชาติ กอบจิตติ สั้นๆเลย ใครอ่านเรื่องนี้แล้วไม่รัก แสดงว่าไม่เคยผ่านชีวิตวัยรุ่น 55555
ปล.ตอนนี้สนใจ One hundred years of solitude ต้องลองไปหาฉบับแปลไทยมาอ่านมั่งแล้ว
มันขึ้นแท่นวรรณกรรมเอกของโลกไปแล้วค่ะ เป็น literature แล้วค่ะ ไม่ใช่ fiction 555
เอาของเรามั่ง มีดังนี้
1.The Unbearable Lightness of Being/มิลาน คุนเดอร่าค่ะ
เป็นนิยายที่อ่านแล้วเกิดปรากฏการณ์ประหลาด คือเนื้อหาในนิยายมันไม่ได้มีความเหมือนกับชีวิตจริงเราเลย
แต่สารที่เรารับได้จากหนังสือ มันตรงกับปมปัญหาที่เราคิดไม่ตกในชีวิตอย่างบอกไม่ถูก
เราว่ามันเป็นนิยายที่เข้าถึงความจริงในชีวิตเป็นอย่างมาก เรื่องความสุข ภาระหน้าที่ และความมีอิสระเสรี (อย่างน้อยก็ชีวิตเราล่ะ)
2.Sputnik Sweetheart เป็นนิยายเล่มเล็กๆของมูราคามิที่เราชอบมาก หยิบมาอ่านได้เรื่อยๆ
ปกติลุงมูราคามิแกจะสร้างตัวละครของแกออกมาได้มีเสน่ห์อยู่แล้ว แต่หลงรักตัวละคร ฉาก และบรรยากาศของเืรื่องนี้เป็นพิเศษ
และธีมของเรื่องที่พูดถึงเรื่องความเหงาของคนเหงาๆ ที่อาจจะเป็นใครก็ได้ในสังคม แบบว่า มันจี๊ดมาก
3.The Little Prince อันนี้คงไม่ต้องพูดอะไรมากนะคะ อ่านกี่ที่ก็ร้องไห้โฮค่ะ กับการนำเสนอที่แสนจะง่ายแต่ลึกซึ้งและชาญฉลาด
มาฝั่งนิยายไทยมั่ง
1.แม่เบี้ย/วานิช จรุงกิชอนันต์ ชอบมาก อ่านแล้วแบบว่า ซูฮก คิดได้ไงฟร้าาาาา
โทนเรื่องมันออกจะมีความเหนือจริงอยู่เยอะ ซึ่งพอจินตนาการตามแล้วมันสวยและ Exoticมาก
แต่เค้าเขียนออกมาผสมกับบรรยากาศของความเป็นจริงได้เนียนมากไม่ขัดกันเลย
และเราชอบอุปมาอุปมัยที่เค้าสร้างขึ้นมา มันตีความได้หลายอย่างดี
อย่างเราตีความมาแบบนึง ไปอ่านที่อีกคนวิจารณ์เค้าก็ตีความไปอีกแบบ เออมันก็สนุกดี
แต่เวอร์ชั่นที่เอามาทำเป็นหนังนี่แบบ...ไปไกลๆเลย ไม่ได้เสี้ยวในหนังสือเลยจ้ะ
2.งูร้องไห้ ดอกไม้ยิ้ม/สุวรรณี สุคนธา อันนี้นับเป็นนิยายมั้ยหว่า เป็นหนังสือรวมเรื่องสั้นอ่ะ
โดยปกติเราชอบงานเกือบทุกเล่มของคุณสุวรรณี เราว่าเค้าเป็นนักเขียนหญิงที่เขียนนิยายโรแมนติก/ดราม่าได้แหวกกว่าคนอื่นในยุคเดียวกัน
(และอาจจะรวมถึงยุคนี้ด้วย ที่นิยายไทยสไตล์โรแมนติก/ดราม่า ยังใช้พล็อตซ้ำๆซากๆวนอยู่ไม่กี่อันแทบไม่ต่างกับนิยายเมื่อ 20 ปีก่อน)
มีทั้งความรัก หลงไหล อ่อนหวาน เศร้า เหงา ที่ให้อารมณ์ลุ่มลึกมีมิติกว่ามาตรฐานนิยายรักทั่วๆไป
สำหรับหนังสือรวมเรื่องสั้นเรื่องนี้ เราว่ามันรวมงานเยี่ยมๆ ประมาณว่าคั้นเอาเนื้อๆมารวมกันเลยล่ะ หยิบมาอ่านทีก็หลงไปทีค่ะ
3.พันธุ์หมาบ้า/ชาติ กอบจิตติ สั้นๆเลย ใครอ่านเรื่องนี้แล้วไม่รัก แสดงว่าไม่เคยผ่านชีวิตวัยรุ่น 55555
ปล.ตอนนี้สนใจ One hundred years of solitude ต้องลองไปหาฉบับแปลไทยมาอ่านมั่งแล้ว
แสดงความคิดเห็น
นวนิยายเรื่องใดที่คุณอ่านแล้วชอบมากที่สุดในชีวิต
1. In search of lost time ของมาแชล พรูส เป็นนิยาที่ดีที่สุดในโลกที่เคยอ่านมา เอามาทำเป็นหนังคงไม่ได้เพราะเนื้อหาโครงเรื่องไม่ค่อยมีอะไรมากนัก จะบรรยาด้วยความรู้สึกตัวละครกับสิ่งรอบตัว ให้เราฉุกคิดกับสิ่งต่างๆในชีวิต ลุ่มลึกกับปรัชญาชีวิต
2. Les miserables ของอูโกเนื้อหาเกี่ยวกับผลของการปฏิวัติฝรั่งเศสปี1789 แต่การดำเนินเรื่องจริงๆอยู่ในปี1831-1832การต่อสู้ที่สิ่งกีดขวางบนถนนแซงเดอนีส์ การเรียกร้องระบอบสาธารณรัฐของนักศึกษาประชาชนกับพระเจ้าหลุยส์ฟิลลิปส์ เป็นนิยายที่อ่านแล้วร้องไห้มากที่สุด ถึงแม้ไม่ได้นับถือคริสต์ก็อินกับเรื่องนี้ได้ ไม่แปลกใจว่าทำไมศิลปะและวรรณกรรมของฝรั่งเศสถึงเข้มแข็ง ขนาดไม่ได้เกิดในฝรั่งเศสสมัยนั้นยังทำให้รู้สึกไปด้วยได้ เรื่องนี้ทำให้เราสนใจในศิลปะวรรณกรรมของฝรั่งเศสอีกหลายเรื่อง ไม่ว่าจะเป็นIn search of lost time, The count of monte cristo, The stanger, The three musketeer, The red and the blackหรือแม้กระทั่งคัมภีร์ใบเบิล ,นิทานวอลแตร์, งานของนักเขียนก่อนศริสต์ศักราชอย่างโฮเมอร์
3. War and peace คงไม่ต้องกล่าวอะไรมากเกี่ยวกับเรื่องนี้เป็นนิยายที่เนื้อหาอยู่ในช่วงรัสเซียทำสงครามกับนโปเลียนของฝรั่งเศส ตัวละครเยอะมากใช้การบรรยาลักษณะนิสัยของมนุษย์ที่มีความคิดเห็นกับการทำสงคราม
4. The Brother Karamazov ของ ดอสโตเยียฟกี้ เป็นเรื่องราวของครอบครัวในเซนปิเตอร์สเบิร์กในรัสเซียที่พ่อมีลูก3คน เป็นลูกคนละมารดา เนื้อหาเน้นไปที่เชิงจิตวิทยาวิจารณ์จิตใจด้านมืดของมนุษย์ ซิกมุนด์ ฟรอยด์บอกว่านี่เป็นนิยายจิตวิทยาที่ดีที่สุด
5. Don quixote ของชาเบตรา ผู้ชายแก่ๆคนนึงที่ติดนิยายอิศวินจนกลายเป็นบ้า ชอบประโยคนึงในเรื่องนี้"มนุษย์เราเป็นบุตรแห่งการกระทำ มิใช่บุตรแห่งชาติตระกูล"อ่านไปเรื่อยๆก็แปลกดีจะมีสักกี่คนในโลกที่บรรลุถึงความฝันในจิตวิญญาณของตน
6. Doctor Zhivago ของปาสเตอร์แนคเรื่องราวอยู่ในช่วงการปฏิวัติรัสเซียจากพระเจ้าซาร์ สตาร์ลิน เลนิน จนเป็นครุซซอฟเห็นได้ชัดเลยว่าไม่ว่าการปกครองจะเปลี่ยนไปอย่างไรพระเอกชิวาโกก็ต้องทุกทนอยู่กับมันอยู่ดี พชิวาโกตอนแรกนับถือพระเจ้าพอเปลี่ยนเป็นนักสังคมนิยมในจิตใจก็ยังไม่เลิกนับถือพระเจ้า ตัวละครอย่างปาซาที่แรกเริ่มมีแนวคิดนิยมสังคมนิยม พอถึงสงครามโลกครั้งที่1แนวคิดก็เปลี่ยนไป เรื่องนี้พระเอกกับนางเอกเป็นชู้กัน อ่านแล้วโรแมนติกมากกก เห็นภาพหิมะตกกับหมอชิวาโกที่ฝ่าฝันรักษาคนในสมัยสงคราม ตอนจบซึ้งมากร้องไห้เลย
7. Crime and punishment ของดอสโตเยียฟสกี้ เนื้อหาเกี่ยวกับชายคนนึงที่ฆ่าเจ้าของร้านค้าและโดนลงโทษ เกี่ยวกับระบบการคิดของจิตใจที่โดนลงทัณฑ์มากกว่าเน้นโครงเรื่อง ให้เราฉุกคิดเกี่ยวกับศีลธรรมและจริยธรรมความเป็นจริง ส่วนใหญ่งานเขียนของดอสโตเยียฟสกี้ตัวเอกเป็นพวกคิดว่าตัวเองฉลาดและหมกมุ่นอยู่กับความคิดของตัวเอง
8.Gone with the wind ของมากาแลต เชื่อว่าหลายๆคนคงเคยดูหนัง ช่วงสมัยอับราฮัม ลินคอล์นที่มีสงครามอเมริกาเหนือใต้ นางเอกสกาแลตตอนแรกไม่สนใจการเมืองเลย ช่วงหลังการเมืองเล่นงานชีิวิตครอบครัวแตกสลายอดอยากอย่างหนัก เป็นนางเอกที่เปรี๊ยว มั่น แรง สุดท้ายก็ต้องเข้มแข็งผ่านเหตุการณ์ร้ายๆไปได้
9. One hundred years of solitude ของมาร์เกซ เรื่องเกี่ยวกับครอบครัวหนึ่งเป็นนิยายที่เขียนเนื้อเรื่องประหลาดมากเอาความจริงผสมกับการเหนือจริงหลอกๆเช่นคนแต่งงานกันแล้วออกลูกมามีหาง แสดงให้เห็นว่าจะผ่านไปกี่เจนเนอเรชั่นทุกคนก็ยังโดดเดี่ยวและไม่สามารถเข้าถึงจิตใจคนอื่นได้จริงแม้แต่คนในครอบครัว
10. The little prine, The god father, The red and the black,Cloud atlas คงไม่ต้องอธิบายมากเชื่อว่าหลายคนเคยอ่านและเคยดูหนังแล้ว
ส่วนใหญ่เนื้อเรื่องที่เน้นจิตวิญญาณเอามาทำหนังจะไม่ค่อยสำเร็จ ถ้าเน้นโครงเรื่องจะได้รับการตอบรับอย่างดีอย่าLes mis, Doctor Zhivago, The God father, Gone with the wind