นวนิยายเรื่องใดที่คุณอ่านแล้วชอบมากที่สุดในชีวิต

สำหรับเรา
1. In search of lost time ของมาแชล พรูส เป็นนิยาที่ดีที่สุดในโลกที่เคยอ่านมา เอามาทำเป็นหนังคงไม่ได้เพราะเนื้อหาโครงเรื่องไม่ค่อยมีอะไรมากนัก จะบรรยาด้วยความรู้สึกตัวละครกับสิ่งรอบตัว ให้เราฉุกคิดกับสิ่งต่างๆในชีวิต ลุ่มลึกกับปรัชญาชีวิต
2. Les miserables ของอูโกเนื้อหาเกี่ยวกับผลของการปฏิวัติฝรั่งเศสปี1789 แต่การดำเนินเรื่องจริงๆอยู่ในปี1831-1832การต่อสู้ที่สิ่งกีดขวางบนถนนแซงเดอนีส์ การเรียกร้องระบอบสาธารณรัฐของนักศึกษาประชาชนกับพระเจ้าหลุยส์ฟิลลิปส์ เป็นนิยายที่อ่านแล้วร้องไห้มากที่สุด ถึงแม้ไม่ได้นับถือคริสต์ก็อินกับเรื่องนี้ได้ ไม่แปลกใจว่าทำไมศิลปะและวรรณกรรมของฝรั่งเศสถึงเข้มแข็ง ขนาดไม่ได้เกิดในฝรั่งเศสสมัยนั้นยังทำให้รู้สึกไปด้วยได้ เรื่องนี้ทำให้เราสนใจในศิลปะวรรณกรรมของฝรั่งเศสอีกหลายเรื่อง ไม่ว่าจะเป็นIn search of lost time, The count of monte cristo, The stanger, The three musketeer, The red and the blackหรือแม้กระทั่งคัมภีร์ใบเบิล ,นิทานวอลแตร์, งานของนักเขียนก่อนศริสต์ศักราชอย่างโฮเมอร์
3. War and peace คงไม่ต้องกล่าวอะไรมากเกี่ยวกับเรื่องนี้เป็นนิยายที่เนื้อหาอยู่ในช่วงรัสเซียทำสงครามกับนโปเลียนของฝรั่งเศส ตัวละครเยอะมากใช้การบรรยาลักษณะนิสัยของมนุษย์ที่มีความคิดเห็นกับการทำสงคราม
4. The Brother Karamazov ของ ดอสโตเยียฟกี้ เป็นเรื่องราวของครอบครัวในเซนปิเตอร์สเบิร์กในรัสเซียที่พ่อมีลูก3คน เป็นลูกคนละมารดา เนื้อหาเน้นไปที่เชิงจิตวิทยาวิจารณ์จิตใจด้านมืดของมนุษย์ ซิกมุนด์ ฟรอยด์บอกว่านี่เป็นนิยายจิตวิทยาที่ดีที่สุด
5. Don quixote ของชาเบตรา ผู้ชายแก่ๆคนนึงที่ติดนิยายอิศวินจนกลายเป็นบ้า ชอบประโยคนึงในเรื่องนี้"มนุษย์เราเป็นบุตรแห่งการกระทำ มิใช่บุตรแห่งชาติตระกูล"อ่านไปเรื่อยๆก็แปลกดีจะมีสักกี่คนในโลกที่บรรลุถึงความฝันในจิตวิญญาณของตน
6. Doctor Zhivago ของปาสเตอร์แนคเรื่องราวอยู่ในช่วงการปฏิวัติรัสเซียจากพระเจ้าซาร์ สตาร์ลิน เลนิน จนเป็นครุซซอฟเห็นได้ชัดเลยว่าไม่ว่าการปกครองจะเปลี่ยนไปอย่างไรพระเอกชิวาโกก็ต้องทุกทนอยู่กับมันอยู่ดี พชิวาโกตอนแรกนับถือพระเจ้าพอเปลี่ยนเป็นนักสังคมนิยมในจิตใจก็ยังไม่เลิกนับถือพระเจ้า ตัวละครอย่างปาซาที่แรกเริ่มมีแนวคิดนิยมสังคมนิยม พอถึงสงครามโลกครั้งที่1แนวคิดก็เปลี่ยนไป เรื่องนี้พระเอกกับนางเอกเป็นชู้กัน อ่านแล้วโรแมนติกมากกก เห็นภาพหิมะตกกับหมอชิวาโกที่ฝ่าฝันรักษาคนในสมัยสงคราม ตอนจบซึ้งมากร้องไห้เลย
7. Crime and punishment ของดอสโตเยียฟสกี้ เนื้อหาเกี่ยวกับชายคนนึงที่ฆ่าเจ้าของร้านค้าและโดนลงโทษ  เกี่ยวกับระบบการคิดของจิตใจที่โดนลงทัณฑ์มากกว่าเน้นโครงเรื่อง ให้เราฉุกคิดเกี่ยวกับศีลธรรมและจริยธรรมความเป็นจริง ส่วนใหญ่งานเขียนของดอสโตเยียฟสกี้ตัวเอกเป็นพวกคิดว่าตัวเองฉลาดและหมกมุ่นอยู่กับความคิดของตัวเอง
8.Gone with the wind ของมากาแลต เชื่อว่าหลายๆคนคงเคยดูหนัง ช่วงสมัยอับราฮัม ลินคอล์นที่มีสงครามอเมริกาเหนือใต้ นางเอกสกาแลตตอนแรกไม่สนใจการเมืองเลย ช่วงหลังการเมืองเล่นงานชีิวิตครอบครัวแตกสลายอดอยากอย่างหนัก เป็นนางเอกที่เปรี๊ยว มั่น แรง สุดท้ายก็ต้องเข้มแข็งผ่านเหตุการณ์ร้ายๆไปได้
9. One hundred years of solitude ของมาร์เกซ เรื่องเกี่ยวกับครอบครัวหนึ่งเป็นนิยายที่เขียนเนื้อเรื่องประหลาดมากเอาความจริงผสมกับการเหนือจริงหลอกๆเช่นคนแต่งงานกันแล้วออกลูกมามีหาง แสดงให้เห็นว่าจะผ่านไปกี่เจนเนอเรชั่นทุกคนก็ยังโดดเดี่ยวและไม่สามารถเข้าถึงจิตใจคนอื่นได้จริงแม้แต่คนในครอบครัว
10. The little prine, The god father, The red and the black,Cloud atlas คงไม่ต้องอธิบายมากเชื่อว่าหลายคนเคยอ่านและเคยดูหนังแล้ว

ส่วนใหญ่เนื้อเรื่องที่เน้นจิตวิญญาณเอามาทำหนังจะไม่ค่อยสำเร็จ ถ้าเน้นโครงเรื่องจะได้รับการตอบรับอย่างดีอย่าLes mis, Doctor Zhivago, The God father, Gone with the wind
แก้ไขข้อความเมื่อ
คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 37
เราว่ารายชื่อหนังสือสุดรักของจขกท. มันไม่นับว่าเป็นนวนิยายแล้วนะคะ
มันขึ้นแท่นวรรณกรรมเอกของโลกไปแล้วค่ะ เป็น literature แล้วค่ะ ไม่ใช่ fiction 555


เอาของเรามั่ง มีดังนี้

1.The Unbearable Lightness of Being/มิลาน คุนเดอร่าค่ะ
เป็นนิยายที่อ่านแล้วเกิดปรากฏการณ์ประหลาด คือเนื้อหาในนิยายมันไม่ได้มีความเหมือนกับชีวิตจริงเราเลย
แต่สารที่เรารับได้จากหนังสือ มันตรงกับปมปัญหาที่เราคิดไม่ตกในชีวิตอย่างบอกไม่ถูก
เราว่ามันเป็นนิยายที่เข้าถึงความจริงในชีวิตเป็นอย่างมาก เรื่องความสุข ภาระหน้าที่ และความมีอิสระเสรี (อย่างน้อยก็ชีวิตเราล่ะ)

2.Sputnik Sweetheart เป็นนิยายเล่มเล็กๆของมูราคามิที่เราชอบมาก หยิบมาอ่านได้เรื่อยๆ
ปกติลุงมูราคามิแกจะสร้างตัวละครของแกออกมาได้มีเสน่ห์อยู่แล้ว แต่หลงรักตัวละคร ฉาก และบรรยากาศของเืรื่องนี้เป็นพิเศษ
และธีมของเรื่องที่พูดถึงเรื่องความเหงาของคนเหงาๆ ที่อาจจะเป็นใครก็ได้ในสังคม แบบว่า มันจี๊ดมาก  

3.The Little Prince อันนี้คงไม่ต้องพูดอะไรมากนะคะ อ่านกี่ที่ก็ร้องไห้โฮค่ะ กับการนำเสนอที่แสนจะง่ายแต่ลึกซึ้งและชาญฉลาด


มาฝั่งนิยายไทยมั่ง

1.แม่เบี้ย/วานิช จรุงกิชอนันต์ ชอบมาก อ่านแล้วแบบว่า ซูฮก คิดได้ไงฟร้าาาาา
โทนเรื่องมันออกจะมีความเหนือจริงอยู่เยอะ ซึ่งพอจินตนาการตามแล้วมันสวยและ Exoticมาก
แต่เค้าเขียนออกมาผสมกับบรรยากาศของความเป็นจริงได้เนียนมากไม่ขัดกันเลย
และเราชอบอุปมาอุปมัยที่เค้าสร้างขึ้นมา มันตีความได้หลายอย่างดี
อย่างเราตีความมาแบบนึง ไปอ่านที่อีกคนวิจารณ์เค้าก็ตีความไปอีกแบบ เออมันก็สนุกดี
แต่เวอร์ชั่นที่เอามาทำเป็นหนังนี่แบบ...ไปไกลๆเลย ไม่ได้เสี้ยวในหนังสือเลยจ้ะ

2.งูร้องไห้ ดอกไม้ยิ้ม/สุวรรณี สุคนธา อันนี้นับเป็นนิยายมั้ยหว่า เป็นหนังสือรวมเรื่องสั้นอ่ะ
โดยปกติเราชอบงานเกือบทุกเล่มของคุณสุวรรณี เราว่าเค้าเป็นนักเขียนหญิงที่เขียนนิยายโรแมนติก/ดราม่าได้แหวกกว่าคนอื่นในยุคเดียวกัน
(และอาจจะรวมถึงยุคนี้ด้วย ที่นิยายไทยสไตล์โรแมนติก/ดราม่า ยังใช้พล็อตซ้ำๆซากๆวนอยู่ไม่กี่อันแทบไม่ต่างกับนิยายเมื่อ 20 ปีก่อน)
มีทั้งความรัก หลงไหล อ่อนหวาน เศร้า เหงา ที่ให้อารมณ์ลุ่มลึกมีมิติกว่ามาตรฐานนิยายรักทั่วๆไป
สำหรับหนังสือรวมเรื่องสั้นเรื่องนี้ เราว่ามันรวมงานเยี่ยมๆ ประมาณว่าคั้นเอาเนื้อๆมารวมกันเลยล่ะ หยิบมาอ่านทีก็หลงไปทีค่ะ

3.พันธุ์หมาบ้า/ชาติ กอบจิตติ สั้นๆเลย ใครอ่านเรื่องนี้แล้วไม่รัก แสดงว่าไม่เคยผ่านชีวิตวัยรุ่น 55555


ปล.ตอนนี้สนใจ One hundred years of solitude ต้องลองไปหาฉบับแปลไทยมาอ่านมั่งแล้ว
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่