วันนี้ขออนุญาตอธิบาย ชี้แจงและแก้ข้อกล่าวหาครับ

กระทู้สนทนา
ปกติผมเป็นคนมีงานค่อนข้างยุ่งในแต่ละวัน จึงไม่ค่อยจะมีเวลาที่จะตอบประเด็นข้อสงสัยของเพื่อนๆสมาชิก แต่ก็ใช่ว่าจะไม่สนใจนะครับ วันนี้จึงขออนุญาตใช้กระทู้นี้ชี้แจง อธิบายและแก้ข้อกล่าวหาทั้งหลาย แต่ถ้ามีบางประเด็นตกหล่นไป ต้องขออภัยด้วยนะครับ เพราะปีนี้ผมแก่ขึ้นอีกปีแล้วนะครับ โปรดเห็นใจด้วย

ประเด็นแรก ผมอาจจะไม่หง่อมเท่าทวด ไม่แก่เท่าตา แต่ผมก็ไม่หนุ่มเท่า ณ.เดช แน่ๆ แค่แก่กว่าคุณธงชัย แม็คอินไตยนิดหน่อย ถึงจะมีคนทักผิดบ่อยๆ แต่นั่นไม่ใช่ผม ดังนั้นที่จะบอกก็คือ “ทวดเอง”เป็นเพียงล็อคอินหนึ่งที่ใช้ในบอร์ดการเมืองเท่านั้นเองครับ ดังนั้นจะแก่หนุ่มสูงต่ำจึงไม่สำคัญเท่ากับเนื้อหาครับ ผมจึงอยากให้สนใจเนื้อหามากกว่าตัวตนของคนโพสครับ

ประเด็นที่สอง ผมมีเวลาโพสแค่หนึ่งวันหนึ่งกระทู้ กลางคืนผมเมา วันหยุดผมพักผ่อน ส่วนฐานะผมไม่ใช่คนรวย แต่ก็ไม่ใช่คนจนอย่างเด็ดขาด ผมจึงไม่ใช้เวลาที่มีอยู่เพียงน้อยนิด เพื่อรับจ้างโพสอย่างที่มีเพื่อนสมาชิกกล่าวหา แต่ที่น่าเสียใจก็คือ ผมมั่นใจว่าคนที่คิดเห็นต่างจากผม ส่วนใหญ่เป็นผู้ที่มีวุฒิภาวะทางความคิด ย่อมรู้ดีว่า ผมไม่ใช่คนรับจ้างโพสอย่างแน่นอน แต่ก็ไม่มีใครคอยชี้แนะให้พรรคพวกได้ทราบข้อเท็จจริง ปล่อยให้เพื่อนๆปล่อยไก่ไปเรื่อยๆ อย่างนี้ไม่รักเพื่อนจริงนี่นา

ประเด็นต่อมา มีคนบอกว่า ต้องให้ผมเปิดเผยตัวตน เพื่อดูว่าเป็นบุคคลน่าเชื่อถือหรือไม่? ผมก็เลยสงสัยว่า ตอนนี้คนไทยถึงขั้นจะเชื่อใคร ต้องดูที่ตัวบุคคลมากกว่าเหตุผลแล้วหรือครับ เราจะเชื่อเพียงเพราะสังคมดูว่าเป็นคนดี เราจะเชื่อเพียงเพราะสังคมดูว่าเป็นคนมีความรู้ เราจะเชื่อเพียงเพราะมีตำแหน่งหน้าที่การงานที่ดีอย่างนั้นหรือครับ

เรายังไม่เข็ดกับคนดีที่มีคนรับประกันให้ จนทำให้มีคนตายมากที่สุดในประวัติศาสตร์ของการชุมนุมทางการเมือง
เรายังไม่เข็ดกับคนเก่งที่ออกมารับรองเครื่องตรวจระเบิด ทั้งๆที่คนผลิตกำลังถูกดำเนินคดีอยู่อีกหรือครับ
เรายังไม่เข็ดกับนักวิชาการที่เป็นถึง คตส. แต่วันหนึ่งพูดว่านักเลงเขาไม่ทำกัน แต่กลับทำเสียเองอย่างนั้นหรือ
เรายังไม่เข็ดกับตลก.ที่เคยเสนอความเห็นต้องตั้ง สสร.เท่านั้น แต่ต่อมากลับเป็นต้องทำประชามติก่อนอย่างนั้นหรือ
ดังนั้นที่ผมจะบอกก็คือ จงเชื่อด้วยเหตุผล อย่าไปเชื่อเพราะเขาบอก จงเชื่อด้วยความจริง อย่าไปเชื่อที่ตัวบุคคล

ประเด็นต่อมาคงเป็นเรื่อง ใช้แต่ความคิดตัวเองเป็นที่ตั้ง โดยไม่มีข้อมูลเป็นตัวอ้างอิง เลยเถิดไปถึงเป็นเพียงจินตนาการเองไปโน่น ผมก็อยากบอกว่า ถ้าการคิดเองไม่น่าเชื่อถือ จะต้องเป็นการนำความคิดของคนอื่นมาแปะ ถึงจะเป็นข้อมูลที่เชื่อถือได้อย่างนั้นหรือครับ เดี๋ยวนี้เราถึงขั้นไม่วิเคราะห์ในรายละเอียดของเนื้อหากันแล้วหรือครับ ต้องรอให้มีความคิดของคนอื่นมาประกอบ แล้วเราจึงจะเชื่ออย่างนั้นหรือครับ

ทั้งๆที่บางเรื่องเป็นแค่ใช้สามัญสำนึก
ทั้งๆที่บางเรื่องเป็นแค่ใช้ความคิดนิดหน่อย
ทั้งๆที่บางเรื่องแค่เอาใจเขามาใส่ใจเรา
เรายังต้องอาศัยข้อมูลมาตัดแปะให้ดูอีกอย่างนั้นหรือครับ

มิน่าเล่า เราจึงเชื่อทันทีว่ารัฐบาลสั่งแบนละคร เพราะดาราคนหนึ่งพูดกำกวม
มิน่าเล่า เราจึงเชื่อว่านายกฯเหยียบธงชาติ แม้จะเป็นภาพที่ถ่ายในมุมแคบ หวังใส่ร้าย
มิน่าเล่า เราจึงเชื่อคนเสื้อแดงฆ่ากันเอง เพียงเพราะเห็นชายชุดดำไม่กี่คนในเวลาไม่กี่วินาที
มิน่าเล่า เราจึงเชื่อว่าเป็นรัฐบาลที่ชอบธรรม เพียงแค่เห็นมีการโหวตในสภา

นี่จึงเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้คนที่รู้เท่าทัน นำข้อมูลต่างๆ จริงบ้างเท็จบ้าง เพื่อชี้นำสังคมไทยมาตลอด แล้วก็ได้ผลเสียด้วยสิ เราจึงได้เห็นมีการกดไล้ท์อย่างรวดเร็ว เมื่อถูกจริต แล้วแชร์อย่างว่องไวโดยไม่ไตร่ตรอง สุดท้ายก็หน้าแตกโดยไม่รับผิดชอบ

ผมจึงอยากบอกว่า ถ้าเห็นว่าข้อไหนเป็นการคิดไปเอง โดยขาดเหตุผล ข้อไหนคิดไปเอง โดยอาศัยอคติ ก็ทักท้วงกันมาเป็นข้อๆไป ไม่ใช่เพราะเป็นเพียงความคิดของคนที่อยู่ฝ่ายตรงข้ามกับเรา ก็จะเป็นความคิดที่ผิดเสมอไป จริงไม่จริงลองคิดดูนะครับ

ประเด็นต่อมาก็เป็นประเด็นที่นำเสนอข้อมูลด้านเดียว ความจริงด้านเดียว เรื่องนี้ผมคงต้องแบ่งตอบเป็นสองหัวข้อนะครับ

ข้อหนึ่งการนำเสนอข้อมูลด้านเดียว ก็ไม่ใช่เรื่องผิดปกติแต่อย่างไร เพราะในเวปบอร์ดของคนที่มีความคิดเห็นต่าง ข้อมูลอีกด้านย่อมมีคนนำเสนออย่างต่อเนื่อง ดังนั้นข้อมูลด้านเดียวของผม จึงเป็นได้ทั้งการนำเสนอข้อมูลอีกด้านให้สังคมได้พิจารณา และยังเป็นการนำเสนอเพื่อให้สังคมได้ฉุกคิด ดังนั้นต่างฝ่ายต่างเสนอข้อมูลคนละด้าน มันจึงเป็นการถ่วงดุลให้สังคมได้รับข้อมูลอย่างสมดุลยไงครับ

ข้อสอง ความจริงด้านเดียว อย่างน้อยก็ดีกว่าความเท็จด้านเดียวจริงไหมครับ ที่ผมประสบมาในสังคมโซเซี่ยลนี่ ที่พบมาหลายต่อหลายครั้งที่มีแต่ความเท็จครึ่งเดียว หรือไม่ก็ความเท็จทั้งหมดเลยก็ว่าได้ เพราะมีหลายครั้งที่พิสูจน์แล้วว่า มันไม่เป็นความจริงก็มีมากมาย

ข้อสำคัญนะครับ เห็นมีแต่พูดถึงความจริงด้านเดียวของผม แต่น้อยครั้งจะพูดถึงความจริงอีกด้านซักที นอกจากสาระปลีกย่อยที่อาจผิดพลาดบ้าง แต่ก็ไม่ใช่ประเด็นสำคัญที่ทำให้เนื้อหาสาระเปลี่ยนไป นี่จึงเป็นเรื่องที่ประหลาดมากนะครับ ไม่เชื่อข้อมูลด้านเดียวยังพอทำเนา แต่ดันไปเชื่อข้อมูลเท็จทั้งหมด มันเกิดอะไรขึ้นกับสังคมหว่า

ประเด็นต่อมาก็คงเป็นเรื่อง ด่ามาร์ค บูชาแม้ว อวยยิ่งลักษณ์ นั่นก็ไม่ใช่เหตุการณ์ที่เหนือธรรมชาติจนพิสูจน์ไม่ได้และก็ไม่ใช่เรื่องผิดปกติแต่อย่างไร ในความเห็นต่างย่อมมีความคิดที่ขัดแย้งกันเป็นธรรมดาครับ

ผมศรัทธาคุณทักษิณ เพราะได้สร้างประโยชน์ให้กับประเทศมากมาย เช่นเดียวกันที่คนเกลียดแม้ว ย่อมมองแต่เรื่องทุจริตเพียงด้านเดียว ดังนั้นผมก็ชมของผม คนคิดต่างก็ด่ากันไป เพียงแต่บังเอิญที่มีคนนิยมคุณทักษิณมากกว่าเกลียดชังก็แค่นั้นเอง

ผมชื่นชมคุณยิ่งลักษณ์ ไม่ใช่เพียงแค่คนส่วนใหญ่เทคะแนนให้เท่านั้น แต่เป็นเพราะเห็นการทำงานด้วยความขยัน ไม่ย่อท้อต่ออุปสรรค มีความยึดหยุ่นท่ามกลางความขัดแย้งอย่างรุนแรงของสังคม และก็ไม่เล่นการเมืองอย่างน้ำเน่าเหมือนอดีตที่ผ่านมา ที่เลือกจะใส่ร้ายป้ายสีคู่แข่งมากกว่าการสร้างผลงาน ผมชอบของผมแบบนี้ ผมก็ชมของผมไป ส่วนคนที่ชอบแบบเดิมๆ จะด่าเรื่องหยุมหยิมหรือเรื่องที่ยังไม่ทันเกิด ก็ว่ากันไป แต่สุดท้ายสังคมก็จะตัดสินเองแหละครับว่า คนส่วนใหญ่เขาจะชอบแบบไหน นี่เป็นความจริงที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ ตราบใดที่เรายังรักชอบที่จะปกครองกันในระบอบประชาธิปไตย

สำหรับเรื่องของมาร์ค ผมคงไม่ต้องอธิบายอะไรมาก เพราะจุดยืนผมก็แน่วแน่มาตลอด ไม่มีการเปลี่ยนไปตามสถานการณ์หรือบริบทมันเปลี่ยนไป โดยหาอ่านได้จากกระทู้สาเหตุที่ผมไม่ชอบคุณอภิสิทธิ์ที่ผมได้โพสไปแล้วก่อนหน้านั้น และมันก็ไม่ได้แตกต่างไปกว่า คนที่รักคุณอภิสิทธิ์ ก็คอยให้การปกป้อง คอยให้การสนับสนุน คอยให้กำลังใจ โดยไม่แคร์ต่อการกระทำต่างๆที่ผ่านมาของคุณอภิสิทธิ์ หรือใครจะเถียง

ประเด็นสุดท้าย มีคนบอกว่า ผมชอบหาเรื่องจับผิดคุณอภิสิทธิ์และพลพรรคในทุกประเด็น ใช้อคติในการโพส และยังเป็นการโพสที่สุดโต่งเหลือเกิน ผมก็อยากอธิบายว่า จะเป็นการจับผิดหรือไม่ ต้องดูว่าผิดจริงหรือเปล่า ใช้อคติหรือไม่ ต้องดูว่าเป็นการใส่ร้ายหรือเปล่า และสุดโต่งหรือไม่ ต้องดูว่าเป็นความต้องการแค่จับผิดและอคติ โดยไม่ได้ยืนอยู่บนพื้นฐานของความจริงหรือไม่เท่านั้นเองครับ

ข้อสำคัญ ผมอยากกระชากสติของสังคมให้กลับมาไตร่ตรองเหตุการณ์ต่างๆบนพื้นฐานของความเป็นจริง ไม่ใช่เขาพูด เขาว่า เขาตัดสิน แล้วทุกอย่างจะถูกต้องเสมอไปนะครับ

เพราะถ้าทักษิณโกง ก็มีคนโกงมากกว่า
เพราะถ้าทักษิณลุแก่อำนาจ ก็มีคนบ้าอำนาจมากกว่า
เพราะถ้าทักษิณแทรกแซงองค์กรอิสระ ก็มีองค์กรอิสระเลือกข้างกันชัดเจน
เพราะถ้าทักษิณปิดกั้นสื่อฯ ก็มีคนปิดกั้นมากมายเช่นกัน
เพราะถ้าทักษิณใช้นโยบายประชานิยม ก็ไม่เห็นมีใครยกเลิก
เพราะถ้าทักษิณไม่ยอมรับ คตส. ก็มีคนไม่ยอมรับ ดีเอสไอ

แต่ถ้าเทียบจากผลงาน มีใครบ้างที่มีผลงานมากมายเท่ากับคุณทักษิณ ข้อเท็จจริงที่มักถูกบิดเบือน

ดังนั้นข้ออ้างที่ใช้กับคุณทักษิณ จึงเป็นเพียงข้ออ้างเพื่อกำจัดคุณทักษิณเพียงคนเดียวเท่านั้น ไม่ใช่เพื่อประเทศชาติ ไม่ใช่เพื่อประโยชน์ของประชาชน เพียงแต่ต้องการแย่งชิงอำนาจเท่านั้นเอง

ดังนั้นความขัดแย้งจึงเกิดขึ้น เกิดขึ้นเพราะฝ่ายที่ต้องการอำนาจโดยไม่ฟังเสียงคนส่วนใหญ่ จึงต้องปลุกกระแสความเกลียดชัง จนในที่สุดประชาชนจึงกลายเป็นเบี้ยบนกระดาน ให้เขาจับวางบนเงื่อนไขของความขัดแย้ง เราจึงเห็นได้ชัด แนวทางปรองดองทุกแนวทางล้วนถูกต่อต้าน โดยหวังให้สังคมแตกแยกจนถึงที่สุด แล้วก็ให้กองทัพเข้ามาทำการรัฐประหารยึดอำนาจประชาชน แล้วค่อยตั้งคนของตัวที่ไม่มีทางชนะได้ตามวิถีทางประชาธิปไตยมาบริหารตามแนวทางที่พวกนั้นกำหนด เราต้องการอย่างนั้นหรือครับ

สุดท้ายแค่อยากบอกว่า เวปบอร์ดไม่ใช่แค่คนเสื้อเหลือง คนเสื้อแดง คนหลากสี หรือพวกที่เป็นสมาชิกเท่านั้น แต่มันยังมีผู้คนอีกจำนวนมากที่ใส่ใจการเมือง แต่ไม่ได้เป็นสมาชิก ดังนั้นข้อเขียนทุกข้อเขียน จึงต้องเป็นความจริงที่สังคมรับได้เท่านั้น จึงจะสร้างความมั่นใจให้กับคนเวียนเข้ามาอ่าน ไม่ใช่ใครด่าเก่งคนนั้นชนะนะครับ ไม่ต้องดูอื่นไกล เรื่อง “การพูด”มีพรรคไหนล่ะที่เก่งกว่า ปชป. แต่เลือกตั้งพ่ายแพ้มากี่ครั้งแล้ว นี่เป็นข้อเท็จจริงที่ใครก็ยากจะปฏิเสธครับ สวัสดี
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่