เรื่องสั้น

กระทู้สนทนา
Vanilla  or  chocolate  either one I don’t care  ( วนิลา  หรือช๊อคโกแล๊ต  อะไรได้สักอย่าง   ฉันไม่แคร์    )  …   อนัตดา  พุทธิกุล  ..
ขอให้หน้าร้อน มาเยือน  ฉันเป็นต้องลิงโลด   เพราะไม่ต้องใส่โคทหนา   นอนห่มผ้า  อย่างหน้าหนาว
หน้าร้อน   เสื้อยืดตัว  กางเกงขาสั้น  ไปไหนมาไหนสบายใจ  ท่ามกลางท้องฟ้าสว่างไสว  ดอกไม้สองข้างทางบานสะพรั่ง
จริงอยู่   ถึงบางครั้ง หน้าร้อน  จะร้อนแทบตับแลบ  เหงื่อไหลหยด   แต่ฉันก็ไม่วิตก   ร้อนนัก  ก็ดับร้อน  ด้วย  มิลด์เชค  สักแก้ว ( ของโปรด)
วันเกิดเหตุ…อากาศร้อนจัด   หลังเลิกงานตอนบ่ายๆ  ระหว่างขับรถกลับบ้าน  เลยแวะรถเข้าไปที่ร้าน แม๊คโดนัลใกล้ๆ    หามิลด์เชค ดื่มสักแก้ว    อา !  แค่คิดก็เห็นสวรรค์อยู่รำไร
แต่ปัญหามันมีอยู่ว่า   ฉันชอบวนิลา  ไม่ชอบช็อคโกแล๊ต   แล้ว  วนิลา  มันขึ้นต้นด้วยตัว    v   แล้วฉันไม่ถนัด  เหมือนกับ  L และ R   ซึ่งไม่ใช่ฉันคนเดียวหรอก  คนเอเซียส่วนใหญ่มีปัญหาเรื่องนี้   เวลาพูด  ต้องห่อปาก   เอาฟันแตะลิ้น    ปล่อยลมออกมจากปาก ทำเสียง เฟอะ ฟะ เอ๊ย  เฟ่อๆๆๆๆ
อ่านมาถึงตอนนี้  หลายคนอาจจะ คิดว่า    ลำบากนัก ก็อย่ากินมันเลย  คุณขา  ถ้ามันง่ายอย่างนั้น ฉันคงเลิกกิน  วนิลา  มิลด์เชค หรือ หรือ ไอศครีมรสวนิลา  
แต่ปัญหามันมีอยู่ว่า    ตัว  v   มันไม่จบอยู่แค่ ไอศครีม   กับมิลด์เชค    แต่ ศัพท์แสงต่างๆ  ตามมาเป็นพวง  อาทิ
Value   คุณค่า
Verify ตรวจสอบ
Vegetarian  มังสวิรัต์
ไม่ได้การ  บอกตัวเอง    คราวนี้ต้องฝึกหนักหน่อย   เพราะครั้งหนึ่ง เมื่อไม่นานมานี้     ก็วนิลา มิลด์เชค  นี่แหละ    และก็  ที่แม็คโดนัล  เหมือนกัน    (คนละสาขา)
“วานิลา  มิลด์เชค  พรีส “   ฉันร้องบอกกับพนักงาน ที่เป็นเด็กหนุ่มผิวดำ   เขาได้ยิน ก็มองฉันอย่างงงๆ  ก่อนจะถามดังๆ
what ?    ไอ้ วัท  ของเขา ทำเอาฉันใจแป้ว    คนต่อแถวยาวเหยียดพากันมองฉัน อย่างดูแคลน    จะพูดอีก ก็กลัวจะผิด  ไม่กงไม่กินมันแล้ว    บอกกับ   ไอ้เด็กบ้า

ฟอร์ เก็ต อะ เบาท์ อีต  (  forget about it )    ลืมเสียเถิดอย่าคิดถึง  หยิบยกเพลงฮิต ของคุณป้ารวงทอง  ทองลั่นทม  ขึ้นมาอ้างเอ่ย    เชิดหน้า  สะบัดบ๊อบ    จะออกจากร้าน ยังไม่วายหันไปมองอย่างอาฆาต  แต่ไอ้เด็กคนขายดูจะไม่สนใจ   ถึงไม่พูด แต่สายตาที่มองมา  บอกโจ่งแจ้ง   พูดไม่รู้เรื่อง   ยังจะมีหน้ามาเชิดใส่  เชอะ !  ( มันสะบัดบ๊อบตอบ กลับมา )  

จากประสพการณ์อันเลวร้ายคราวนั้น   ทำให้ฉันสุขุม   หมายมาดอยู่ในใจ  เป็นตายร้ายดี   คราวนี้ประวัติศาสตร์ไม่มีวันซ้ำรอย     ฝึกพูดมันอยู่ในรถ  ดับเครื่องซะด้วย    น้ำมันมันแพง  ต้องประหยัด  เหงื่อตกซิกๆ  เพื่อมิลด์เชค  ยอมตาย!
บ้าเอ้ย    ลำบากนัก ก็กลับไปบ้าน   ทำกินซะเอง  แค่เอานมกับ ไอศครีม ใส่เครื่องปั่น  ก็จบ     เสียงนั้นเสนอ  ก่อนจะโดนค้านขึ้นว่า   เรื่องนี้  มันไม่ได้อยู่แค่   ทำเอง  หรือว่า ซื้อเขา  แต่ประเด็นสำคัญ มันอยู่ตรงที่ว่า   เอาแต่วิ่งหนีปัญหา  ไม่ยอมสู้กับมัน   แล้วอย่างนี้  เมื่อไหร่จะพูดกับเขาได้     เข้าเมืองตาหลิ่ว ต้องหลิ่วตาตาม  มาอยู่บ้านเขา   ไม่พูดภาษาเขา  จะเอาตัวรอดได้อย่างไร  

ความพยายามอยู่ที่ไหน ความสำเร็จอยู่ที่นั่น  ท่องเข้าไว้  เดี๋ยวมันก็ได้เอง    ว่าแล้วฉันก็ร้อง สู้ๆ  ชกลมวืดๆ ในรถ  ราวกับนักมวย   กำลังจะขึ้นสังเวียน   ก่อนจะพาตัวลงจากรถเดินหน้าเชิดเข้าไปใน   แม๊คโดแนล    ทดสอบตัวเอง อยู่หลายครั้ง มั่นใจเกินร้อย  ไม่พลาดแน่งานนี้   555 ( หัวเราะ)  

ตอนลงจากรถ หยิ่งผยอง  แต่ยิ่งใกล้ร้านเข้าไป  ความมั่นใจเมื่อครู่ก่อน ก็ร่อยหลอลงไปทุกที..   ทุกที …
ยิ่งตอนเข้าไปยืนต่อแถว  ความมั่นใจ  ก็น้อยนิด  ร่ำๆจะหันกลับเดินออกจากร้าน เสียให้ได้    เฟอๆๆๆ  เวอๆๆๆ   นิ เล้อๆๆ  ทำเสียงนั้นในใจ  แถวที่ยาว สั้นเข้าๆ  อีกคนเดียวก็จะถึงฉัน   เท่านั้นแหละ   ความมั่นใจในนาทีก่อนก็มลาย   ถ้าเกิดพูดแล้ว  คนขายไม่เก๊ต   ไม่ใช่แต่ตัวเองจะเสียหน้า   แต่ศักดิ์ศรีของประเทศ มีหวังป่นปี้ไปด้วย

Hi, how are you  ?    พนักงานที่เป็นสาวหน้าแฉล้ม  ทักทาย  พร้อมกับส่งยิ้มมาให้  แฟรนด์ลี่    สุดๆ   ส่วนฉัน   พูดก็ไม่ออก ยิ้มก็ไม่ได้    เกรงว่าถ้าทำอย่างนั้น  เกิดลืม   ออร์เดอร์ ขึ้นมาละก้อ ยุ่ง
Give me a minute   (ขอเวลา ฉันคิด สักครึ่งวัน  เอ๊ย  นาทีได้ไม๊)   เอ็กเซ้นดีมากเลยฉัน    แน่ละ ถ้าไม่มี   v l r มาเกี่ยวข้อง ฉันพูดคล่องอยู่แล้ว  
ฉันบอกเด็กนั่น  ขอนาทีหนึ่ง  แต่สองนาทีก็แล้ว   สามนาที ผ่านไป    ยังไม่อ้าปาก   ทำหน้า ไร้เดียงสาใส่  ( ท่อง ออร์เดอร์ อยู่  เข้าใจหน่อยซิ  )  

"Miss "   พนักงานขาย   เรียกดังๆ  พร้อมกับมองหน้า    สายตาของหล่อนมันฟ้อง ถ้าคิดไม่ออก  กลับไปนอนคิดที่บ้าน  พรุ่งนี่ค่อยมาใหม่    
“วา  นิ ลา มิลเช็ค   พรีส “ ร้องบอกพนักงานเสียงสั่น  ใจคอไม่ดี    เพราะชายหนุ่มหุ่นทรมานใจฉัน   เอ้ยใจสาว ที่หน้าตาละหม้ายคล้ายแบรด พิตต์   ที่ยืนอยู่ข้างหลังก้มหน้าลงมามอง  ที่บอกว่าก้มหน้าลงมา   ก็เพราะเขาสุงราวๆ หกฟุตห้า ส่วนฉัน แฮ่ๆ    ห้าฟุตสอง
“ what?    “ พนักงานงานนิ่วหน้าถาม  เพราะ  วนิลา  ของฉัน  ฟังดูไทยมากๆ  ( ก็คนไทย  พูดไทยไม่ชัด ได้ไง)    แย่แล้วไง  ที่ฝีกฝน ท่องจำ  เอาเข้าจริงๆ ไม่เวิร์ค  ระหว่างที่กำลังสับสน  พร้อมกับหาคำตอบให้ตัวเอง  ทำอย่างไร  จึงจะพ้นไปจากสถานะการณ์อันเลวร้าย  
แบรด พิตต์   ก็ก้มหน้าลงมามอง อีกครั้ง   ด้วยสายตาที่แปลความออกมาแล้ว   กระชับ ได้ใจความ  What’s  the  matter  เกิดอะไรขึ้น   คุณผู้หญิง  

สายตาของเขา ทำให้ฉันขาดความมั่นใจ   บอกกับตัวเอง   ถ้าขืนยังพูดซ้ำ  ประโยคเดิม   ยังไงก็ต้องผิด   รวดเร็วเท่าความคิด
“chocolate milkshake please”  ร้องสั่งดังๆ  สิ้นเสียงฉัน  เสียง ถอนใจอย่างโล่งอก ก็ดัง  ขึ้นเซ็งแซ่  ไม่ใช่แค่พนักงาน แต่จาก แบรด พิตต์  ตลอดจนลูกค้าคนอื่นๆ   มันสั่งแล้วเว้ย   เราจะได้สั่งบ้าง   Thank God !   ขอบคุณพระเจ้า

“chocolate milkshake “ พนักงาน   หันไปสั่งเพื่อน   แล้วหันกลับมารับเงินจากมือของฉัน ที่สั่นเทา  เพราะสายตาของทุกคนที่มองมา  ยายนี่มาจากไหน    เคนยา  หรือ ไนจีเรีย   ไม่ใช่หรอก หน้าตาแบบนี้    จีน   พม่า หรือ ว่า  ไทย
oh my God !  สวรรค์โปรด   คนไทยเหรอนี่

ฉันประคองมิลด์เชค  ออกจากร้าน อย่างถนุถนอม  กว่าจะได้มันมา   เกือบนองเลือด  ร้อนจัง   เลยยกขึ้นดูดสวบๆ พร้อมกับก้าวยาวๆไปยังรถ   นึกถึงสายตาของพนักงาน  กับลูกค้า    ขึ้นมา ก็ยักไหล่ ยึกยัก  

ช่างพวกนั้นประไร   อยากจะหัวเราะ หรือมอง  ไม่สนใจ     เพราะอย่างน้อยๆวันนี้  ฉันก็ไม่กลับบ้านมือเปล่าอย่างคราวก่อน  แต่ได้ช๊อคโกแล๊ตมิลด์เชค  ติดมือกลับบ้านไปด้วย    ร้อนๆอย่างนี้    วนิลา  หรือ  ช๊อคโกแล๊ต   อะไรก็ได้สักอย่าง    ฉันไม่แคร์ .
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่