เมื่อวานนี้มีโอกาสได้ไปดูละครเวทีเรื่อง "พันท้ายนรสิงห์ เดอะมิวสิคัล" ที่โรงละคร Kad Theatre มาครับ เนื่องจากได้รับบัตรรอบปฐมทัศน์ของการแสดงเรื่องนี้ก็เลยชวนเพื่อนไปดูด้วยกัน
ขอเกริ่นก่อนว่าเรื่องนี้เป็นของ สถาบันสอนการแสดง Kad Performing Arts สำหรับเรื่องนี้คิดว่านับเป็นละครเพลงเรื่องที่ 2 ของค่ายนี้ ซึ่งเอานักเรียนของสถาบันเองมาแสดงทั้งหมด จากเรื่องแรกในปีที่แล้วก็คือมู่หลาน เดอะมิวสิคัล มาปีนี้ บอกได้ว่าค่ายนี้พัฒนามากขึ้นกว่าเดิม แต่สิ่งที่ยังต้องปรับปรุงก็ยังต้องมีอีกมาก เข้าเรื่องเลยก็แล้วกันครับ
เริ่มต้นที่โครงเรื่อง เนื้อเรื่อง
หลาย ๆ ฉาก หลาย ๆ ตอน ดูแล้วนึกถึงเวอร์ชั่นที่แสดงปิดโรงหนังเฉลิมไทย ที่มีคุณศรัณยูและคุณนาถยา จำได้ว่าเวอร์ชั่นนั้นสนุกมากครับ แต่สำหรับเวอร์ชั่นนี้ เนื้อเรื่องค่อนข้างยืดเยื้อ การเล่าเรื่องยังไม่กระชับพอ อย่างเช่นฉากงานวัดศรีประจันต์ที่มีสองคนประชันร้องเพลง ตรงนั้นยอมรับว่าไม่เข้าใจที่มาที่ไปและจุดประสงค์ของเหตุการณ์เท่าไหร่ครับ
ส่วนต่อมาคือเรื่องของ เพลง
เพลงในเวอร์ชั่นนี้ ถือว่าพัฒนามากขึ้นกว่าปีที่แล้ว เพราะหลายเพลงฟังดูเป็นแนว Operatic Pop มากขึ้น แต่ก็แค่เพียงบางเพลงเท่านั้น ที่เหลือก็ฟังไม่ค่อยออกเท่าไหร่ เพราะบางเพลง จะลูกทุ่งก็ไม่ใช่ จะลูกกรุงก็ไม่เชิง จะเพื่อชีวิตก็แค่คล้าย หรือจะเป็นป๊อปก็ไม่ใช่ซะทีเดียว บางเพลงรู้สึกคีย์เพลงก็ต่ำเกินไป ต่ำจนนักแสดงต้องโหลดต่ำใช้เช็สท์โทนจนช่วงล่างบู้บี้ไปหมด และเพลงสุดท้าย "สามความคิดต่าง" เรียกว่าตายตอนจบเหมือนเนื้อเรื่องได้เลยครับ แบ่งไลน์การร้องเป็นสามไลน์พร้อมกันเป็นไอเดียที่ดีครับ แต่เมโลดี้มันไม่สอดคล้องกันเท่าไหร่ มันไปด้วยกันได้ก็จริง แต่ผมว่าทำนองมันฟังแปลก ๆ อยู่นะครับ หากผมฟังไม่ดีเองก็ขอโทษด้วย แต่ทั้งนี้แล้วหลายเพลงแต่งมาได้เพราะมากครับ บางช่วงฟังแล้วถึงกับอินเลย วงออร์เคสตรา 16 ชิ้นเล่นได้สมบูรณ์ดี ขอชื่นชมครับ
*****ปล. เพลงเอกของเรื่อง เขียนว่า น้ำตาแสงไต้ สระไอเป็นไม้มลายนะครับ ไม่ใช่ไม้ม้วน เห็นเขียนผิดทั้งในคลิปโปรโมทและในสูจิบัตร
ต่อมาคือเรื่องฉากและองค์ประกอบศิลป์
เห็นฉากบางชิ้นใช้วิธีการเล่นกับการปรับมุมมอง คือทำมาเอียง ๆ แต่แสงและเงามันยังทำให้ดูไม่สมบูรณ์เท่าไหร่ ถือว่าไปได้ดีครับ ทั้งฉากและการจัดแสง ติดอยู่ส่วนเดียว คือตอนขณะเปลี่ยนฉาก ผมคิดว่าน่าจะทำได้เร็วกว่านี้อีก เพราะบางช่วงเว้นว่างนานเกินไป การไหลขึ้นลงของแบ็คดรอปยังดูไม่มั่นใจในการขึ้นลงเท่าไหร่ ลงสักนิดแล้วก็หยุด ลงอีกหน่อยแล้วค่อยลงต่อ อารมณ์ประมาณนี้ สำหรับการฉีด สโมค หรือดรายไอซ์ก็ไม่รู้นะ ฉีดออกมาแค่ตรงข้างเวทีแล้วมันก็ระเหยหายไปเลย ฉีดออกมาดังฟู่ ๆ ลั่นโรงละคร ฉีดที เว้นที แล้วก็ฉีดอีกที ไม่รู้ว่าจะฉีดออกมาทำไม ดูแล้วก็ฮาดีครับ แต่โดยรวมฉากในปีนี้ทำได้ดีครับ สวยงามมากอยู่ ถึงแม้จะไม่ถึงกับจัดเต็ม แต่ฉากก็เป็นแค่องค์ประกอบในการแสดงเท่านั้น สิ่งสำคัญมันอยู่ที่นักแสดงที่จะนำเสนอมามากกว่าครับ
มาถึงส่วนสำคัญที่สุดของเรื่อง นั่นคือนักแสดง
สำหรับนักแสดงในเรื่องนี้ ตามที่ ร.ต.ท.สุชัย เก่งการค้า ได้กล่าวหลัง Curtain Call ไว้ว่า เรื่องนี้เป็นการแสดงของเด็กวัยรุ่นที่ไม่ได้เป็นมืออาชีพ ซึ่งก็ถือว่าฝีมือการแสดงพอใช้ได้อยู่เลยทีเดียว อาจจะเป็นเพราะเวลาฝึกซ้อมที่มีน้อยมากกว่า ที่จะทำให้เกิดข้อผิดพลาดหลาย ๆ อย่างค่อนข้างเยอะเลยทีเดียว คิวต่อสู้ ยังดูไม่สมจริง การต่อยมวย ดูแล้วเหมือนเด็กเล่นตบแปะกัน การฟันดาบก็ดูเก้ ๆ กัง ๆ จะประมาณว่าเองฟาดลงมานะ เดี๋ยวจะเอาดาบรับไว้ ก็เป็นได้ ฉากเรือทั้งหลาย ดูแล้วงง ๆ มาเข้าเรื่องกันเลยดีกว่าครับ
- เริ่มจากนักแสดงอองซอมเบิ้ล ความพร้อมเพรียงและความมั่นใจในการร้องยังไม่ดีเท่าที่ควร สังเกตได้จากเพลงแรกเลย การร้องไม่ค่อยไปในทิศทางเดียวกัน ฟังไม่รู้เรื่องดูงึมงัมเหมือนบ่นอะไรกัน ตรงนั้นจำได้แค่คำบางคำ ไม่เป็นประโยค และเสียงร้องที่แผ่ว ๆ
- พระเจ้าเสือ คนนี้บทเด่น คาแรคเตอร์ก็เด่น ฝีมือการแสดงก็เด่น เป็นธรรมชาติ การร้องโอเคเลยทีเดียวครับ เด่นจนบางทีรู้สึกว่าล้น หรืออาจเพราะรอบข้างยังเด่นไม่เท่าก็ไม่ทราบ
- พันท้ายนรสิงห์ พระเอกของเรื่อง ดูมีออร่าอยู่นะ เคมีก็เข้ากันกับนวลดีครับ แต่เรื่องการร้องคงต้องปรับปรุงอยู่มากพอสมควร เพราะยังส่งอารมณ์ในการร้องมาไม่ถึงเลย
- นวล คนนี้ดูเป็นนวลที่ออกห้าว ๆ นิดนึง เสียงพูดยังแข็งไปหน่อย อีกทั้งการพูดส่วนใหญ่ยังเป็นโทนต่ำ ทำให้ดูขาด ๆ เกิน ๆ บ้างเวลาเข้าฉากกับอ้ายสิน ถ้าปรับการพูดให้นุ่มนวลขึ้น น่าจะทำให้เป็นนวลที่น่ารักน่าหลงไหลครับ ส่วนเสียงร้องก็ตามการพูดเลย ปรับอีกนิดเดียวเท่านั้นก็จะโอเคแล้ว
- สร้อย คนนี้ดูบทไม่ได้เด่นมาก แต่การแสดงโอเคเลยครับ เข้าถึงอารมณ์ของตัวละครที่เธอเป็นอยู่ได้พอสมควร
- ผู้ใหญ่เจิม ดูท่าทางว่าจะแสดงเก่งพอสมควรอยู่ แต่รู้สึกว่าบางทีก็ล้น บางทีก็ขาด อันนี้โนคอมเม้นต์ครับ แต่เรื่องร้อง พลังเสียงน่าจะเป็นที่สุดในเรื่องนี้แล้ว เพียงแต่เพลงมันยังไม่ส่งให้เขาเท่าที่ควร เห็นร้องในบางเพลงแล้วต้องลงต่ำจนบูดบี้ก็สงสารแล้วก็ทรมาณที่ได้ฟัง ถ้าจะให้สูงขึ้นอีกนิด ก็กลัว range ของเสียงจะไม่ถึง เพราะในเพลงเดียวกันที่มีทั้งต่ำและสูง เวลาต่ำก็แย่ เวลาสูงก็ดูเหมือนจะลำบากนิดนึง คงต้องวอร์มเสียงพัฒนากันต่อไป
- พ่อครูแช่ม คนนี้ดูแล้วตราตรึงใจอยู่ ดูมีความขลังอยู่ในตัวอยู่แล้ว ปรับเรื่องการร้องนิดเดียวก็สมบูรณ์แล้วครับ
- มารี ตอนเริ่มร้องเพลงขนมหวานก็โอเคดีทีเดียว แต่พอไปกลาง ๆ เพลงไหงล่องลอยไปคนละทิศละทางกันได้ก็ไม่รู้ และเพลงมารีสอนน้อง ตรงนั้นฟังไม่แทบไม่รู้เรื่อง จับใจความแทบไม่ได้เลยว่าต้องการสื่ออะไร
- พระสนมเอกรัตนา คนนี้ดูเกิน ๆ ออกแนวนางร้ายในละครสมัยใหม่ ดูแล้วรู้สึกแปลกแยกออกมาจากโลกในสมัยนั้นพอสมควร
สรุปแล้ว สิ่งที่ต้องปรับปรุงอย่างมากและด่วนมากก็คือเรื่องการร้องของนักแสดงทุกคน ที่ต้องร้องให้ชัดกว่านี้ หากจะใช้คำว่าร้องให้ชัดกว่าพูดก็ไม่ผิดนะครับ เพราะมันต้องสื่ออย่างนั้นจริง ๆ ไม่งั้นคนนั่งไกล ๆ ที่ไม่เห็นสีหน้า จะเข้าไม่ถึงเลย ยิ่งโรงละครใหญ่แล้วยิ่งไปกันใหญ่เลยครับ ความมั่นใจในการร้อง ความแม่นยำในจังหวะ การร้องให้ตรงคีย์ ต้องพัฒนาให้มากกว่านี้อีก Vocal Coach ต้องเข้มงวดขึ้นอีกครับ เพราะหลายเพลงร้องกันเพี้ยนซะกระจุยกระจายเลย
สุดท้าย ภาพรวม
ตรงนี้ต้องปรับปรุงหลายอย่างเลยทีเดียว ตั้งแต่การกระชับเวลา กระชับเนื้อเรื่อง เริ่มแสดงตอนเกือบทุ่ม เลิกทีสามทุ่มกว่า ละครสองชั่วโมงกว่าขนาดนี้ แบ่งเป็นสององก์ พักครึ่งได้ก็จะดีครับ อีกปัญหาหนึ่งคือเรื่องการปิดเปิดไมค์ เรื่องคิว ยังไม่ค่อยแม่นยำเลย เสียงออกบ้างไม่ออกบ้าง มีปัญหา ไมค์หอน ไมค์ดับแทบจะทุกฉาก สำหรับ Orchestra pit ด้านล่างเวที ก็ดูดีครับ แต่ไฟที่ส่องใน pit ดันสว่างไปหน่อย บางทีมันก็แยงตาในบางฉากที่บนเวทีไม่ได้สว่างมาก และอีกปัญหาสำคัญ ซึ่งผมเห็นว่าจำเป็นมาก คือการควบคุมผู้ชม ผมนั่งที่ N44-45 ข้างบนด้านขวามีเด็กคนนึงคอยพูดคอยถามแม่ตลอด ตรงนี้ยังพอทำใจได้ แต่บนด้านซ้าย เด็กคนหนึ่งมากับคุณป้าคนหนึ่ง คอยกรี๊ด คอยส่งเสียงโหวกเหวกรบกวนอยู่ตลอดเวลา ผมไปกับเพื่อน โดนเตะเก้าอี้บ้าง เขย่าเก้าอี้บ้าง โดนน้องแกเอาตีนถีบหัวกันไปคนละที คุณป้าแกก็ได้แค่เอ่ยปากขอโทษแล้วก็นั่งดูต่อตลอดเรื่อง ถ้าเป็นผมคงพาออกไปตั้งแต่ครึ่งชั่วโมงแรกแล้ว ไม่ปล่อยให้รบกวนชาวบ้านหรอก คุณลุงฝรั่งหัวเทาที่นั่งอยู่ตรงหน้าก็คว้าไอแพดมาถ่ายลูกเดียว ถือค้างไว้อย่างนั้นแหละ จะบังหรือแสงจะแยงตาใครข้าก็ไม่สน เจอสิ่งแวดล้อมรบกวนจนไม่มีสมาธิดูเลยแม้แต่น้อย สงสัยคุณป้าลูกอ่อนกับคุณลุงฝรั่งแกคงจะไม่เข้าใจมารยาทในการชมละครเวทีและไม่เข้าใจว่าผู้ชมคนอื่นก็ต้องใช้สมาธิในการชม หรือทางผู้จัดจะเห็นว่านี่เป็นเพียงการแสดงเล็ก ๆ ที่ไม่ต้องใส่ใจอะไรกับผู้ชมมาก จึงไม่ต้องควบคุมอะไรมากนักก็ไม่ทราบได้ คนที่นั่งด้านขวาของผมลุกออกไปตั้งแต่ละครไม่ยังเริ่ม คิดว่าน่าจะเพราะน้องข้างหลังกับไอแพดข้างหน้านี่แหละ
แต่สุดท้ายก็ขอชื่นชมทีมงาน และนักแสดงทุกคน รวมทั้งผู้จัด และก็ขอขอบคุณที่ทำให้มีเรื่องนี้เกิดขึ้นมาในเชียงใหม่ครับ เพราะเชียงใหม่แทบไม่มีละครเพลงให้เสพเลย ขอเป็นกำลังใจให้ทุกคนได้พัฒนาให้ดีขึ้นกันต่อไปอีกเรื่อย ๆ และจะคอยติดตามผลงานต่อ ๆ ไปอีกครับ
[SR] [รีวิว] พันท้ายนรสิงห์ เดอะมิวสิคัล ที่เชียงใหม่
ขอเกริ่นก่อนว่าเรื่องนี้เป็นของ สถาบันสอนการแสดง Kad Performing Arts สำหรับเรื่องนี้คิดว่านับเป็นละครเพลงเรื่องที่ 2 ของค่ายนี้ ซึ่งเอานักเรียนของสถาบันเองมาแสดงทั้งหมด จากเรื่องแรกในปีที่แล้วก็คือมู่หลาน เดอะมิวสิคัล มาปีนี้ บอกได้ว่าค่ายนี้พัฒนามากขึ้นกว่าเดิม แต่สิ่งที่ยังต้องปรับปรุงก็ยังต้องมีอีกมาก เข้าเรื่องเลยก็แล้วกันครับ
เริ่มต้นที่โครงเรื่อง เนื้อเรื่อง
หลาย ๆ ฉาก หลาย ๆ ตอน ดูแล้วนึกถึงเวอร์ชั่นที่แสดงปิดโรงหนังเฉลิมไทย ที่มีคุณศรัณยูและคุณนาถยา จำได้ว่าเวอร์ชั่นนั้นสนุกมากครับ แต่สำหรับเวอร์ชั่นนี้ เนื้อเรื่องค่อนข้างยืดเยื้อ การเล่าเรื่องยังไม่กระชับพอ อย่างเช่นฉากงานวัดศรีประจันต์ที่มีสองคนประชันร้องเพลง ตรงนั้นยอมรับว่าไม่เข้าใจที่มาที่ไปและจุดประสงค์ของเหตุการณ์เท่าไหร่ครับ
ส่วนต่อมาคือเรื่องของ เพลง
เพลงในเวอร์ชั่นนี้ ถือว่าพัฒนามากขึ้นกว่าปีที่แล้ว เพราะหลายเพลงฟังดูเป็นแนว Operatic Pop มากขึ้น แต่ก็แค่เพียงบางเพลงเท่านั้น ที่เหลือก็ฟังไม่ค่อยออกเท่าไหร่ เพราะบางเพลง จะลูกทุ่งก็ไม่ใช่ จะลูกกรุงก็ไม่เชิง จะเพื่อชีวิตก็แค่คล้าย หรือจะเป็นป๊อปก็ไม่ใช่ซะทีเดียว บางเพลงรู้สึกคีย์เพลงก็ต่ำเกินไป ต่ำจนนักแสดงต้องโหลดต่ำใช้เช็สท์โทนจนช่วงล่างบู้บี้ไปหมด และเพลงสุดท้าย "สามความคิดต่าง" เรียกว่าตายตอนจบเหมือนเนื้อเรื่องได้เลยครับ แบ่งไลน์การร้องเป็นสามไลน์พร้อมกันเป็นไอเดียที่ดีครับ แต่เมโลดี้มันไม่สอดคล้องกันเท่าไหร่ มันไปด้วยกันได้ก็จริง แต่ผมว่าทำนองมันฟังแปลก ๆ อยู่นะครับ หากผมฟังไม่ดีเองก็ขอโทษด้วย แต่ทั้งนี้แล้วหลายเพลงแต่งมาได้เพราะมากครับ บางช่วงฟังแล้วถึงกับอินเลย วงออร์เคสตรา 16 ชิ้นเล่นได้สมบูรณ์ดี ขอชื่นชมครับ
*****ปล. เพลงเอกของเรื่อง เขียนว่า น้ำตาแสงไต้ สระไอเป็นไม้มลายนะครับ ไม่ใช่ไม้ม้วน เห็นเขียนผิดทั้งในคลิปโปรโมทและในสูจิบัตร
ต่อมาคือเรื่องฉากและองค์ประกอบศิลป์
เห็นฉากบางชิ้นใช้วิธีการเล่นกับการปรับมุมมอง คือทำมาเอียง ๆ แต่แสงและเงามันยังทำให้ดูไม่สมบูรณ์เท่าไหร่ ถือว่าไปได้ดีครับ ทั้งฉากและการจัดแสง ติดอยู่ส่วนเดียว คือตอนขณะเปลี่ยนฉาก ผมคิดว่าน่าจะทำได้เร็วกว่านี้อีก เพราะบางช่วงเว้นว่างนานเกินไป การไหลขึ้นลงของแบ็คดรอปยังดูไม่มั่นใจในการขึ้นลงเท่าไหร่ ลงสักนิดแล้วก็หยุด ลงอีกหน่อยแล้วค่อยลงต่อ อารมณ์ประมาณนี้ สำหรับการฉีด สโมค หรือดรายไอซ์ก็ไม่รู้นะ ฉีดออกมาแค่ตรงข้างเวทีแล้วมันก็ระเหยหายไปเลย ฉีดออกมาดังฟู่ ๆ ลั่นโรงละคร ฉีดที เว้นที แล้วก็ฉีดอีกที ไม่รู้ว่าจะฉีดออกมาทำไม ดูแล้วก็ฮาดีครับ แต่โดยรวมฉากในปีนี้ทำได้ดีครับ สวยงามมากอยู่ ถึงแม้จะไม่ถึงกับจัดเต็ม แต่ฉากก็เป็นแค่องค์ประกอบในการแสดงเท่านั้น สิ่งสำคัญมันอยู่ที่นักแสดงที่จะนำเสนอมามากกว่าครับ
มาถึงส่วนสำคัญที่สุดของเรื่อง นั่นคือนักแสดง
สำหรับนักแสดงในเรื่องนี้ ตามที่ ร.ต.ท.สุชัย เก่งการค้า ได้กล่าวหลัง Curtain Call ไว้ว่า เรื่องนี้เป็นการแสดงของเด็กวัยรุ่นที่ไม่ได้เป็นมืออาชีพ ซึ่งก็ถือว่าฝีมือการแสดงพอใช้ได้อยู่เลยทีเดียว อาจจะเป็นเพราะเวลาฝึกซ้อมที่มีน้อยมากกว่า ที่จะทำให้เกิดข้อผิดพลาดหลาย ๆ อย่างค่อนข้างเยอะเลยทีเดียว คิวต่อสู้ ยังดูไม่สมจริง การต่อยมวย ดูแล้วเหมือนเด็กเล่นตบแปะกัน การฟันดาบก็ดูเก้ ๆ กัง ๆ จะประมาณว่าเองฟาดลงมานะ เดี๋ยวจะเอาดาบรับไว้ ก็เป็นได้ ฉากเรือทั้งหลาย ดูแล้วงง ๆ มาเข้าเรื่องกันเลยดีกว่าครับ
- เริ่มจากนักแสดงอองซอมเบิ้ล ความพร้อมเพรียงและความมั่นใจในการร้องยังไม่ดีเท่าที่ควร สังเกตได้จากเพลงแรกเลย การร้องไม่ค่อยไปในทิศทางเดียวกัน ฟังไม่รู้เรื่องดูงึมงัมเหมือนบ่นอะไรกัน ตรงนั้นจำได้แค่คำบางคำ ไม่เป็นประโยค และเสียงร้องที่แผ่ว ๆ
- พระเจ้าเสือ คนนี้บทเด่น คาแรคเตอร์ก็เด่น ฝีมือการแสดงก็เด่น เป็นธรรมชาติ การร้องโอเคเลยทีเดียวครับ เด่นจนบางทีรู้สึกว่าล้น หรืออาจเพราะรอบข้างยังเด่นไม่เท่าก็ไม่ทราบ
- พันท้ายนรสิงห์ พระเอกของเรื่อง ดูมีออร่าอยู่นะ เคมีก็เข้ากันกับนวลดีครับ แต่เรื่องการร้องคงต้องปรับปรุงอยู่มากพอสมควร เพราะยังส่งอารมณ์ในการร้องมาไม่ถึงเลย
- นวล คนนี้ดูเป็นนวลที่ออกห้าว ๆ นิดนึง เสียงพูดยังแข็งไปหน่อย อีกทั้งการพูดส่วนใหญ่ยังเป็นโทนต่ำ ทำให้ดูขาด ๆ เกิน ๆ บ้างเวลาเข้าฉากกับอ้ายสิน ถ้าปรับการพูดให้นุ่มนวลขึ้น น่าจะทำให้เป็นนวลที่น่ารักน่าหลงไหลครับ ส่วนเสียงร้องก็ตามการพูดเลย ปรับอีกนิดเดียวเท่านั้นก็จะโอเคแล้ว
- สร้อย คนนี้ดูบทไม่ได้เด่นมาก แต่การแสดงโอเคเลยครับ เข้าถึงอารมณ์ของตัวละครที่เธอเป็นอยู่ได้พอสมควร
- ผู้ใหญ่เจิม ดูท่าทางว่าจะแสดงเก่งพอสมควรอยู่ แต่รู้สึกว่าบางทีก็ล้น บางทีก็ขาด อันนี้โนคอมเม้นต์ครับ แต่เรื่องร้อง พลังเสียงน่าจะเป็นที่สุดในเรื่องนี้แล้ว เพียงแต่เพลงมันยังไม่ส่งให้เขาเท่าที่ควร เห็นร้องในบางเพลงแล้วต้องลงต่ำจนบูดบี้ก็สงสารแล้วก็ทรมาณที่ได้ฟัง ถ้าจะให้สูงขึ้นอีกนิด ก็กลัว range ของเสียงจะไม่ถึง เพราะในเพลงเดียวกันที่มีทั้งต่ำและสูง เวลาต่ำก็แย่ เวลาสูงก็ดูเหมือนจะลำบากนิดนึง คงต้องวอร์มเสียงพัฒนากันต่อไป
- พ่อครูแช่ม คนนี้ดูแล้วตราตรึงใจอยู่ ดูมีความขลังอยู่ในตัวอยู่แล้ว ปรับเรื่องการร้องนิดเดียวก็สมบูรณ์แล้วครับ
- มารี ตอนเริ่มร้องเพลงขนมหวานก็โอเคดีทีเดียว แต่พอไปกลาง ๆ เพลงไหงล่องลอยไปคนละทิศละทางกันได้ก็ไม่รู้ และเพลงมารีสอนน้อง ตรงนั้นฟังไม่แทบไม่รู้เรื่อง จับใจความแทบไม่ได้เลยว่าต้องการสื่ออะไร
- พระสนมเอกรัตนา คนนี้ดูเกิน ๆ ออกแนวนางร้ายในละครสมัยใหม่ ดูแล้วรู้สึกแปลกแยกออกมาจากโลกในสมัยนั้นพอสมควร
สรุปแล้ว สิ่งที่ต้องปรับปรุงอย่างมากและด่วนมากก็คือเรื่องการร้องของนักแสดงทุกคน ที่ต้องร้องให้ชัดกว่านี้ หากจะใช้คำว่าร้องให้ชัดกว่าพูดก็ไม่ผิดนะครับ เพราะมันต้องสื่ออย่างนั้นจริง ๆ ไม่งั้นคนนั่งไกล ๆ ที่ไม่เห็นสีหน้า จะเข้าไม่ถึงเลย ยิ่งโรงละครใหญ่แล้วยิ่งไปกันใหญ่เลยครับ ความมั่นใจในการร้อง ความแม่นยำในจังหวะ การร้องให้ตรงคีย์ ต้องพัฒนาให้มากกว่านี้อีก Vocal Coach ต้องเข้มงวดขึ้นอีกครับ เพราะหลายเพลงร้องกันเพี้ยนซะกระจุยกระจายเลย
สุดท้าย ภาพรวม
ตรงนี้ต้องปรับปรุงหลายอย่างเลยทีเดียว ตั้งแต่การกระชับเวลา กระชับเนื้อเรื่อง เริ่มแสดงตอนเกือบทุ่ม เลิกทีสามทุ่มกว่า ละครสองชั่วโมงกว่าขนาดนี้ แบ่งเป็นสององก์ พักครึ่งได้ก็จะดีครับ อีกปัญหาหนึ่งคือเรื่องการปิดเปิดไมค์ เรื่องคิว ยังไม่ค่อยแม่นยำเลย เสียงออกบ้างไม่ออกบ้าง มีปัญหา ไมค์หอน ไมค์ดับแทบจะทุกฉาก สำหรับ Orchestra pit ด้านล่างเวที ก็ดูดีครับ แต่ไฟที่ส่องใน pit ดันสว่างไปหน่อย บางทีมันก็แยงตาในบางฉากที่บนเวทีไม่ได้สว่างมาก และอีกปัญหาสำคัญ ซึ่งผมเห็นว่าจำเป็นมาก คือการควบคุมผู้ชม ผมนั่งที่ N44-45 ข้างบนด้านขวามีเด็กคนนึงคอยพูดคอยถามแม่ตลอด ตรงนี้ยังพอทำใจได้ แต่บนด้านซ้าย เด็กคนหนึ่งมากับคุณป้าคนหนึ่ง คอยกรี๊ด คอยส่งเสียงโหวกเหวกรบกวนอยู่ตลอดเวลา ผมไปกับเพื่อน โดนเตะเก้าอี้บ้าง เขย่าเก้าอี้บ้าง โดนน้องแกเอาตีนถีบหัวกันไปคนละที คุณป้าแกก็ได้แค่เอ่ยปากขอโทษแล้วก็นั่งดูต่อตลอดเรื่อง ถ้าเป็นผมคงพาออกไปตั้งแต่ครึ่งชั่วโมงแรกแล้ว ไม่ปล่อยให้รบกวนชาวบ้านหรอก คุณลุงฝรั่งหัวเทาที่นั่งอยู่ตรงหน้าก็คว้าไอแพดมาถ่ายลูกเดียว ถือค้างไว้อย่างนั้นแหละ จะบังหรือแสงจะแยงตาใครข้าก็ไม่สน เจอสิ่งแวดล้อมรบกวนจนไม่มีสมาธิดูเลยแม้แต่น้อย สงสัยคุณป้าลูกอ่อนกับคุณลุงฝรั่งแกคงจะไม่เข้าใจมารยาทในการชมละครเวทีและไม่เข้าใจว่าผู้ชมคนอื่นก็ต้องใช้สมาธิในการชม หรือทางผู้จัดจะเห็นว่านี่เป็นเพียงการแสดงเล็ก ๆ ที่ไม่ต้องใส่ใจอะไรกับผู้ชมมาก จึงไม่ต้องควบคุมอะไรมากนักก็ไม่ทราบได้ คนที่นั่งด้านขวาของผมลุกออกไปตั้งแต่ละครไม่ยังเริ่ม คิดว่าน่าจะเพราะน้องข้างหลังกับไอแพดข้างหน้านี่แหละ
แต่สุดท้ายก็ขอชื่นชมทีมงาน และนักแสดงทุกคน รวมทั้งผู้จัด และก็ขอขอบคุณที่ทำให้มีเรื่องนี้เกิดขึ้นมาในเชียงใหม่ครับ เพราะเชียงใหม่แทบไม่มีละครเพลงให้เสพเลย ขอเป็นกำลังใจให้ทุกคนได้พัฒนาให้ดีขึ้นกันต่อไปอีกเรื่อย ๆ และจะคอยติดตามผลงานต่อ ๆ ไปอีกครับ