มีประสบการแย่ๆอยากเล่าให้เพื่อนๆฟัง เผื่อไว้เป็นอุทาหรณ์และอยากขอคำแนะนำครับว่า ต้องทำอย่างไรผมถึงจะได้กระเป๋าผมคืน ตอนนี้ผมหมดหนทางแล้วครับ
วันพฤหัสบดีที่ 10 มกราคม พ.ศ.2556 เวลาประมาณ 6:25 น. ผมและครอบครัวรวมทั้งหมด 5 คน คือคุณแม่ พี่ชาย แฟนพี่ชาย ผม แฟนผม เดินทางมาขึ้นเครื่องที่สนามบินดอนเมือง สายการบินแอร์เอเชีย เที่ยวบินที่ FD3437 เพื่อเดินทางไปยังสนามบินเชียงใหม่ ตอนเช็คอิน ผมและครอบครัวตกลงกันว่าจะโหลดสัมภาระลงใต้เครื่องเพราะรู้ตัวว่ากระเป๋าของพี่ชายมีน้ำหนักเกิน 8 kg ตามข้อกำนดของสายการบินและกระเป๋าสาวๆมีพวกเครื่องสำอางที่เป็นของเหลวซึ่งมีขนาดเกิน 100 ml จึงได้ข้อสรุปว่าจะโหลดสัมภาระลงใต้เครื่องทั้งหมด 4 ใบ โดยยินยอมให้สายการบินคิดค่าบริการในการโหลดในอัตรา 1800 บาทต่อสัมภาระ 30 kg โดยพี่ชายผมเป็นคนดำเนินการจ่ายค่าบริการทั้งหมด โดยทางผมได้รับใบเสร็จ 1 ใบและต้นขั้วรหัสการโหลดสัมภาระทั้ง 4 ใบดังนี้
1. FLT NO : FD3437 CNX 0807074312 น้ำหนัก 10 kg (กระเป๋าคุณแม่)
2. FLT NO : FD3437 CNX 0807074305 น้ำหนัก 8 kg (กระเป๋าแฟนพี่ชาย)
3. FLT NO : FD3437 CNX 0807074121 น้ำหนัก 12 kg (กระเป๋าพี่ชาย)
4. FLT NO : FD3437 CNX 0807074314 น้ำหนัก 4 kg (กระเป๋าของผม)
โดยแฟนผมไม่ได้โหลดกระเป๋าลงด้วย จากนั้นพวกเราทุกคนก็ขึ้นเครื่องอย่างสบายใจ
เมื่อเดินทางถึงสนามบินเชียงใหม่ เวลาประมาณ 7:35 น.พวกเราก็รีบเดินไปที่สายพานลำเลียงสำภาระเพราะกลัวของหาย เมื่อไปถึงพบว่ายังไม่มีสัมภาระถูกลำเลียงออกมาสักใบเดียว ด้วยความที่รีบอยากไปเที่ยวไวๆ ผมจึงเดินแยกออกไปรับรถเช่าที่จองเอาไว้ โดยมีคุณแม่และแฟนผมยืนรอสัมภาระอยู่ตลอดเวลา เมื่อผมจัดการกับเอกสารรับรถเรียบร้อยก็เดินกลับไปหาครอบครัว เมื่อเจอกันสีหน้าทุกคนดูเครียดและวิตกกังวล ผมจึงถามว่าเกิดอะไรขึ้น คุณแม่บอกว่ากระเป๋าทุกคนไหลออกมาตามสายพานติดๆกันสามใบ แต่ไม่มีกระเป๋าผมออกมาด้วย จนตอนนี้ไม่มีสัมภาระใดๆเหลือบนสายพานและไม่มีสัมภาระไหลออกมาจากทางออกอีกแล้ว จากนั้นผมก็หันไปเห็นว่าพี่ชายกำลังยืนคุยกลับเจ้าหน้าที่ซึ่งยืนอยู่แถวนั้น(ไม่แน่ใจว่าเป็นเจ้าหน้าที่สายการบินหรือเจ้าหน้าที่การท่า) แล้วพี่ชายก็หันมาเรียกให้ผมเดินตามมา เจ้าหน้าที่พาผมและพี่ชายไปส่งที่ออฟฟิศแอร์เชียประจำสนามบินเชียงใหม่ เมื่อไปถึงเจ้าหน้าที่คนที่พาผมมาก็แจ้งเจ้าหน้าที่แอร์เอเชีย ในออฟฟิศเบื้องต้นให้ว่าไม่มีกระเป๋าของผมที่สายพาน แล้วก็เดินจากไป จากนั้นเจ้าหน้าที่ภายในออฟฟิศแอร์เอเชียก็รับเรื่องต่อ(ทราบชื่อในภายหลังคือ คุณบุญลักษณ์…..ตำแหน่ง duty executive) คุณบุญลักษณ์… แจ้งผมและพี่ชายว่าให้รอสักครู่ เดี๋ยวจะไปตรวจสอบให้แล้วจะกลับมารายงาน
ผ่านไปประมาณสิบนาที คุณบุญลักษณ์…กลับมาบอกผมและพี่ชายว่าจากการตรวจสอบเบื้องต้น สัมภาระที่มากลับเที่ยวบินนี้ทั้งหมดได้ถูกโหลดลงจากเครื่องหมดแล้ว ผมจึงถามว่าแล้วผมต้องทำยังไง ตามแผนการเดินทาง ผมจะพาครอบครัวไปเที่ยวที่ดอยอ่างขางซึ่ง อากาศน่าจะหนาวมากและไกลจากสนามบินมาก คุณบุญลักษณ์…บอกผมว่าไม่ต้องเป็นห่วง เดี๋ยวพี่จะรีบประสานงานไปทางกรุงเทพฯ ว่ากระเป๋าผมตกหล่นรึเปล่าและตรวจสอบไปยังเที่ยวบินอื่นๆว่ามีกระเป๋าผมหลงไปรึเปล่า น้องเดินทางไปเที่ยวได้เลย เดี๋ยวพี่จะแจ้งกลับไปก่อนเที่ยงวันนี้แล้วส่งกระเป๋าให้ถึงที่พักที่อ่างขางภายในเย็นวันนี้ จากนั้นก็ออกเอกสารแจ้งของหายให้ผม 1 ฉบับ ให้ผมเซ็นและสอบถามลักษณะกระเป๋าที่หายไปโดยให้ชี้รูปใน catalog รูปแบบกระเป๋า ถามสี และยี่ห้อ ผมก็ให้ความร่วมมือโดยชี้รูปแบบกระเป๋าว่าเป็นแบบกระเป๋ากีฬาสะพายข้าง สีน้ำเงิน ยี่ห้อ adidas จากนั้นก็เซ็นเอกสาร เมื่อเซ็นเสร็จพี่ชายผมถามคุณบุญลักษณ์…ว่าทำไมถึงไม่มีการตรวจสอบต้นขั้วรหัสการโหลดสัมภาระก่อนที่ผู้โดยสารจะหยิบสัมภาระออกจากสายพานในเมื่อที่สัมภาระแต่ละชิ้นก็มีรหัสการโหลดสัมภาระติดไว้และเจ้าของสัมภาระทุกคนก็มีต้นขั้วรหัสการโหลดสัมภาระเก็บไว้กลับตัว อย่างงี้ใครก็สามารถหยิบสัมภาระของคนอื่นไปได้โดยง่ายทั้งที่ตั้งใจหรือไม่ก็ตาม คุณบุญลักษณ์…ตอบว่าเป็นไปไม่ได้คะที่จะทำอย่างนั้นเพราะสัมภาระมีจำนวนเยอะมากเมื่อเทียบกับเวลาที่มีให้ในการรับสัมภาระออกจากสายพานก่อนที่สัมภาระของเที่ยวบินถัดไปจะวิ่งออกมาจากสายพาน แต่ไม่ต้องเป็นห่วงเรามีเจ้าหน้าที่คอยดูอยู่บริเวณนั้น(เท่าที่ผมเห็นก็คือยืนสังเกตุการณ์อยู่ห่างๆอย่างห่วงๆ) จากนั้นพี่ชายจึงถามต่ออีกว่าระหว่างนี้ที่คุณยังสรุปไม่ได้ว่ากระเป๋าผมหายไปไหน ช่วยออกประกาศตามหาของหายให้หน่อยได้มั้ย เผื่อมีใครหยิบผิดไป คุณบุญลักษณ์…ตอบว่าไม่ได้หรอกคะทางสายการบินไม่มีอำนาจออกประกาศใดๆ ต้องได้รับการอนุมัติจากการท่าก่อน อีกอย่างถ้ามีคนหยิบผิดไปเดี๋ยวก็นำมาคืนเอง ด้วยความที่ผมมองว่าสายการบินนี้เป็นสายการบินนานาชาติน่าจะมีระบบในการรับมือกับเรื่องแบบนี้ได้เป็นอย่างดี และควรให้คุณบุญลักษณ์…ได้ทำหน้าที่ของเธอเสียก่อน ไม่อยากด่วนสรุปใดๆ ผมจึงตัดสินใจพาครอบครัวออกไปหาอาหารเช้าทานในตัวเมืองเชียงใหม่ระหว่างรอคุณบุญลักษณ์…หาคำตอบ(นึกในใจว่ากระเป๋าคงหลงไปที่ไหนสักแห่ง เพราะคุณแม่กับแฟนยืนเฝ้าที่สายพานอยู่ตลอด ไม่น่าจะมีใครหยิบไป)
สายการบิน"แอร์เอเชีย"ทำกระเป๋าเดินทางผมหายครับ
วันพฤหัสบดีที่ 10 มกราคม พ.ศ.2556 เวลาประมาณ 6:25 น. ผมและครอบครัวรวมทั้งหมด 5 คน คือคุณแม่ พี่ชาย แฟนพี่ชาย ผม แฟนผม เดินทางมาขึ้นเครื่องที่สนามบินดอนเมือง สายการบินแอร์เอเชีย เที่ยวบินที่ FD3437 เพื่อเดินทางไปยังสนามบินเชียงใหม่ ตอนเช็คอิน ผมและครอบครัวตกลงกันว่าจะโหลดสัมภาระลงใต้เครื่องเพราะรู้ตัวว่ากระเป๋าของพี่ชายมีน้ำหนักเกิน 8 kg ตามข้อกำนดของสายการบินและกระเป๋าสาวๆมีพวกเครื่องสำอางที่เป็นของเหลวซึ่งมีขนาดเกิน 100 ml จึงได้ข้อสรุปว่าจะโหลดสัมภาระลงใต้เครื่องทั้งหมด 4 ใบ โดยยินยอมให้สายการบินคิดค่าบริการในการโหลดในอัตรา 1800 บาทต่อสัมภาระ 30 kg โดยพี่ชายผมเป็นคนดำเนินการจ่ายค่าบริการทั้งหมด โดยทางผมได้รับใบเสร็จ 1 ใบและต้นขั้วรหัสการโหลดสัมภาระทั้ง 4 ใบดังนี้
1. FLT NO : FD3437 CNX 0807074312 น้ำหนัก 10 kg (กระเป๋าคุณแม่)
2. FLT NO : FD3437 CNX 0807074305 น้ำหนัก 8 kg (กระเป๋าแฟนพี่ชาย)
3. FLT NO : FD3437 CNX 0807074121 น้ำหนัก 12 kg (กระเป๋าพี่ชาย)
4. FLT NO : FD3437 CNX 0807074314 น้ำหนัก 4 kg (กระเป๋าของผม)
โดยแฟนผมไม่ได้โหลดกระเป๋าลงด้วย จากนั้นพวกเราทุกคนก็ขึ้นเครื่องอย่างสบายใจ
เมื่อเดินทางถึงสนามบินเชียงใหม่ เวลาประมาณ 7:35 น.พวกเราก็รีบเดินไปที่สายพานลำเลียงสำภาระเพราะกลัวของหาย เมื่อไปถึงพบว่ายังไม่มีสัมภาระถูกลำเลียงออกมาสักใบเดียว ด้วยความที่รีบอยากไปเที่ยวไวๆ ผมจึงเดินแยกออกไปรับรถเช่าที่จองเอาไว้ โดยมีคุณแม่และแฟนผมยืนรอสัมภาระอยู่ตลอดเวลา เมื่อผมจัดการกับเอกสารรับรถเรียบร้อยก็เดินกลับไปหาครอบครัว เมื่อเจอกันสีหน้าทุกคนดูเครียดและวิตกกังวล ผมจึงถามว่าเกิดอะไรขึ้น คุณแม่บอกว่ากระเป๋าทุกคนไหลออกมาตามสายพานติดๆกันสามใบ แต่ไม่มีกระเป๋าผมออกมาด้วย จนตอนนี้ไม่มีสัมภาระใดๆเหลือบนสายพานและไม่มีสัมภาระไหลออกมาจากทางออกอีกแล้ว จากนั้นผมก็หันไปเห็นว่าพี่ชายกำลังยืนคุยกลับเจ้าหน้าที่ซึ่งยืนอยู่แถวนั้น(ไม่แน่ใจว่าเป็นเจ้าหน้าที่สายการบินหรือเจ้าหน้าที่การท่า) แล้วพี่ชายก็หันมาเรียกให้ผมเดินตามมา เจ้าหน้าที่พาผมและพี่ชายไปส่งที่ออฟฟิศแอร์เชียประจำสนามบินเชียงใหม่ เมื่อไปถึงเจ้าหน้าที่คนที่พาผมมาก็แจ้งเจ้าหน้าที่แอร์เอเชีย ในออฟฟิศเบื้องต้นให้ว่าไม่มีกระเป๋าของผมที่สายพาน แล้วก็เดินจากไป จากนั้นเจ้าหน้าที่ภายในออฟฟิศแอร์เอเชียก็รับเรื่องต่อ(ทราบชื่อในภายหลังคือ คุณบุญลักษณ์…..ตำแหน่ง duty executive) คุณบุญลักษณ์… แจ้งผมและพี่ชายว่าให้รอสักครู่ เดี๋ยวจะไปตรวจสอบให้แล้วจะกลับมารายงาน
ผ่านไปประมาณสิบนาที คุณบุญลักษณ์…กลับมาบอกผมและพี่ชายว่าจากการตรวจสอบเบื้องต้น สัมภาระที่มากลับเที่ยวบินนี้ทั้งหมดได้ถูกโหลดลงจากเครื่องหมดแล้ว ผมจึงถามว่าแล้วผมต้องทำยังไง ตามแผนการเดินทาง ผมจะพาครอบครัวไปเที่ยวที่ดอยอ่างขางซึ่ง อากาศน่าจะหนาวมากและไกลจากสนามบินมาก คุณบุญลักษณ์…บอกผมว่าไม่ต้องเป็นห่วง เดี๋ยวพี่จะรีบประสานงานไปทางกรุงเทพฯ ว่ากระเป๋าผมตกหล่นรึเปล่าและตรวจสอบไปยังเที่ยวบินอื่นๆว่ามีกระเป๋าผมหลงไปรึเปล่า น้องเดินทางไปเที่ยวได้เลย เดี๋ยวพี่จะแจ้งกลับไปก่อนเที่ยงวันนี้แล้วส่งกระเป๋าให้ถึงที่พักที่อ่างขางภายในเย็นวันนี้ จากนั้นก็ออกเอกสารแจ้งของหายให้ผม 1 ฉบับ ให้ผมเซ็นและสอบถามลักษณะกระเป๋าที่หายไปโดยให้ชี้รูปใน catalog รูปแบบกระเป๋า ถามสี และยี่ห้อ ผมก็ให้ความร่วมมือโดยชี้รูปแบบกระเป๋าว่าเป็นแบบกระเป๋ากีฬาสะพายข้าง สีน้ำเงิน ยี่ห้อ adidas จากนั้นก็เซ็นเอกสาร เมื่อเซ็นเสร็จพี่ชายผมถามคุณบุญลักษณ์…ว่าทำไมถึงไม่มีการตรวจสอบต้นขั้วรหัสการโหลดสัมภาระก่อนที่ผู้โดยสารจะหยิบสัมภาระออกจากสายพานในเมื่อที่สัมภาระแต่ละชิ้นก็มีรหัสการโหลดสัมภาระติดไว้และเจ้าของสัมภาระทุกคนก็มีต้นขั้วรหัสการโหลดสัมภาระเก็บไว้กลับตัว อย่างงี้ใครก็สามารถหยิบสัมภาระของคนอื่นไปได้โดยง่ายทั้งที่ตั้งใจหรือไม่ก็ตาม คุณบุญลักษณ์…ตอบว่าเป็นไปไม่ได้คะที่จะทำอย่างนั้นเพราะสัมภาระมีจำนวนเยอะมากเมื่อเทียบกับเวลาที่มีให้ในการรับสัมภาระออกจากสายพานก่อนที่สัมภาระของเที่ยวบินถัดไปจะวิ่งออกมาจากสายพาน แต่ไม่ต้องเป็นห่วงเรามีเจ้าหน้าที่คอยดูอยู่บริเวณนั้น(เท่าที่ผมเห็นก็คือยืนสังเกตุการณ์อยู่ห่างๆอย่างห่วงๆ) จากนั้นพี่ชายจึงถามต่ออีกว่าระหว่างนี้ที่คุณยังสรุปไม่ได้ว่ากระเป๋าผมหายไปไหน ช่วยออกประกาศตามหาของหายให้หน่อยได้มั้ย เผื่อมีใครหยิบผิดไป คุณบุญลักษณ์…ตอบว่าไม่ได้หรอกคะทางสายการบินไม่มีอำนาจออกประกาศใดๆ ต้องได้รับการอนุมัติจากการท่าก่อน อีกอย่างถ้ามีคนหยิบผิดไปเดี๋ยวก็นำมาคืนเอง ด้วยความที่ผมมองว่าสายการบินนี้เป็นสายการบินนานาชาติน่าจะมีระบบในการรับมือกับเรื่องแบบนี้ได้เป็นอย่างดี และควรให้คุณบุญลักษณ์…ได้ทำหน้าที่ของเธอเสียก่อน ไม่อยากด่วนสรุปใดๆ ผมจึงตัดสินใจพาครอบครัวออกไปหาอาหารเช้าทานในตัวเมืองเชียงใหม่ระหว่างรอคุณบุญลักษณ์…หาคำตอบ(นึกในใจว่ากระเป๋าคงหลงไปที่ไหนสักแห่ง เพราะคุณแม่กับแฟนยืนเฝ้าที่สายพานอยู่ตลอด ไม่น่าจะมีใครหยิบไป)