คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 14
เเนะนำจากประสบการณ์ตรง ...
กู้ซื้อบ้านมาเเล้วหลายเเบงค์ จริงจริง เเบงค์เค้ามาบังคับเราไม่ได้ค่ะเป็นสิทธิของผู้บริโภค เเต่บางครั้งอาจจะมีผลต่อการพิจารณาของเเบงในการปล่อยกู้ได้เช่นกันค่ะ
การซื้อประกันเเบบนั้น เป็นการซื้อประกันเเบบเบี้ยทิ้ง คือจ่ายเเล้วจ่ายเลย เราต้องตายเท่านั้นจึงจะได้ประโยชน์
เเนะนำเเบบนี้ค่ะ หากคุณใจไม่เเข็งพอ เเนะนำว่าให้ทำ เเต่...............บอกเค้าว่าเราขอเลือกระยะการคุ้มครองเเค่ 10 ปีเท่านั้น
คำถาม : ทำไมต้อง 10 ปี ????
คำตอบ คือ : การที่เราเลือกที่ขั้นต่ำ 10 ปี เเปลว่าคุณสามารถนำวงเงินที่คุณจ่ายเป็นค่าประกันไป ไปลดหย่อยภาษีได้ค่ะ ซึ่งถ้าฐานภาษีคุณสูงคุณก็จะได้ประโยช์ทางภาษีมากขึ้น เเต่ลดหย่อยได้เเค่ปีเดียวนะคะ ก็คือปีที่เราจ่ายค่าประกันนั้นเเหละค่ะ
เเบงค์มักจะบอกไม่หมดค่ะ ว่าค่าประกันที่ต้องจ่าย คำนวนมาจากอะไร จริงๆเเล้วมาจาก4 อย่าง คือเพศ อายุคนทำประกัน เเละเพศ ระยะคุ้มครองของประกัน เพราะฉะนั้นถ้าเราเลือกช่วงเวลาคุ้มครองน้อยที่สุด คือ 10 ปี ค่าประกันก็จะถูกลง (เพราะพนักงานเเบงมักจะคิดช่วงเวลาคุ้มครองนานๆ เบี้ยก็จะเเพง พนักงงานก็ได้ค่า คอม หรือผลงานมากขึ้น เเต่.... มันไม่จำเป็นสำหรับเราค่ะ !!!!)
ยิ่งถ้าใครคิดว่า กู้ไม่กี่ปี เเล้วจะรีบโป๊ะให้หมด ยิ่งไม่ควรเลือกช่วงเวลาคุ้มครองนานๆ เพราะเราอาจจะโป๊ะเเบงค์ หมดหนี้หมดสิ้นก่อนเราตายค่ะ
ดังนั้น ก่อนคิดว่าจะทำประกันดีมั้ย ให้มองดังนี้
1. ตั้งใจกู้กี่ปี จะโป๊ะหมดภายในกี่ปี
2. ต้องการเอาเบี้ยประกันไปลดหย่อนภาษีมั้ย (ถ้าต้องการควรเลือกขั้นต่ำ 10 ปี ไม่งั้นจะเอาไปลดหย่อนไม่ได้)
3. ถ้ากู้ร่วมก็เลือกเอาว่าจะจะให้ใครเป็นคนซื้อประกัน สามี หรือภรรยา (เบี้ยผู้ชายจะเเพงกว่าเบี้ยผู้หญิง เมื่อจำนวนปีคุ้มครองเท่ากัน) การเลือกให้ดูด้วยว่าใครฐานภาษีเยอะกว่ากัน
ประเด็นสุดท้าย : ประกันที่ทำไปขอเวนคืนได้ค่ะ ตราบใดที่เราต้องการยกเลิก หรือเราอาจจขายบ้านหลังนั้นก่อน เเต่เงินที่เวนคืนได้กลับมาจะน้อยกว่าตอนที่เราจ่ายไปเยอะเหมือนกัน
ประเด็นฝากไว้ให้คิด ::: เเนะนำสำหรับกลุ่มคนประเภท ตัวคนเดียว ไม่มีครอบครัว ญาติพี่น้อง เเนะนำว่าถ้าไม่มองเรื่องประโยชทางภาษี ไม่ต้องทำประกันค่ะ เพราะการทำประกัน เป็นการช่วยเเบงค์ เนื่องจากถ้าคุณตายไม่มีใครส่งเงินผ่อนให้เเบงค์ เเบงค์ก็สบายเพราะไปเคลมหนี้กับประกันได้ ไม่เกิด NPL กับเเบงค์................เเต่ถ้าคุณไม่ทำประกันเเล้วคุณตาย หรือส่งไม่ไหว เเบงค์ก็ต้องเดือดร้อนไปดิ้นรนขายทอดตลาดเพื่อได้เงินมากลบหนี้เสียของคุณ ดังนั้นมันเอื้อประโยชน์ให้เเบงค์ มากกว่าให้คุณนะคะ
เเต่ถ้าคุณมีคนข้างหลัง มีลูกมี พ่อเเม่ เเล้วคุณเป็นเสาหลักของครอบครัว ทำไว้ก็ไม่เสียหลาย อย่างน้อยๆ ถ้าคุณเป็นอะไรไป ประกันก็ยังครอบคลุมหนี้ก้อนนี้ของคุณ ก้คือประกันก็จ่ายเคลมมาปิดหนี้คุณที่ทำไว้กะเเบงค์ค่ะ (จะครอบคลุมหนี้ที่คุณมีอยู่หรือไม่ขึ้นกับ ลงเงินประกันที่คุณทำไว้ ถ้าวงเงินประกันคุณน้อย คนข้างหลังคุณก็อาจจะต้องมาจ่ายหนี้ให้เเบงค์ในส่วนที่ขาดไป ประเด็นนี้ต้องระวัง เพราะพนักกงานที่ขายประกันเเบบนี้ให้คุณมักจะบอกว่า ถ้าคุณตายก็ยกหนี้กันไป ซึ่งจริงๆไม่ใช่มันขึ้นกับวงเงินประกัน อย่างที่บอกค่ะ ต้องระวัง)
หวังว่าคงพอเป็นประโยชน์สำหรับหลายๆคนนะคะ
กู้ซื้อบ้านมาเเล้วหลายเเบงค์ จริงจริง เเบงค์เค้ามาบังคับเราไม่ได้ค่ะเป็นสิทธิของผู้บริโภค เเต่บางครั้งอาจจะมีผลต่อการพิจารณาของเเบงในการปล่อยกู้ได้เช่นกันค่ะ
การซื้อประกันเเบบนั้น เป็นการซื้อประกันเเบบเบี้ยทิ้ง คือจ่ายเเล้วจ่ายเลย เราต้องตายเท่านั้นจึงจะได้ประโยชน์
เเนะนำเเบบนี้ค่ะ หากคุณใจไม่เเข็งพอ เเนะนำว่าให้ทำ เเต่...............บอกเค้าว่าเราขอเลือกระยะการคุ้มครองเเค่ 10 ปีเท่านั้น
คำถาม : ทำไมต้อง 10 ปี ????
คำตอบ คือ : การที่เราเลือกที่ขั้นต่ำ 10 ปี เเปลว่าคุณสามารถนำวงเงินที่คุณจ่ายเป็นค่าประกันไป ไปลดหย่อยภาษีได้ค่ะ ซึ่งถ้าฐานภาษีคุณสูงคุณก็จะได้ประโยช์ทางภาษีมากขึ้น เเต่ลดหย่อยได้เเค่ปีเดียวนะคะ ก็คือปีที่เราจ่ายค่าประกันนั้นเเหละค่ะ
เเบงค์มักจะบอกไม่หมดค่ะ ว่าค่าประกันที่ต้องจ่าย คำนวนมาจากอะไร จริงๆเเล้วมาจาก4 อย่าง คือเพศ อายุคนทำประกัน เเละเพศ ระยะคุ้มครองของประกัน เพราะฉะนั้นถ้าเราเลือกช่วงเวลาคุ้มครองน้อยที่สุด คือ 10 ปี ค่าประกันก็จะถูกลง (เพราะพนักงานเเบงมักจะคิดช่วงเวลาคุ้มครองนานๆ เบี้ยก็จะเเพง พนักงงานก็ได้ค่า คอม หรือผลงานมากขึ้น เเต่.... มันไม่จำเป็นสำหรับเราค่ะ !!!!)
ยิ่งถ้าใครคิดว่า กู้ไม่กี่ปี เเล้วจะรีบโป๊ะให้หมด ยิ่งไม่ควรเลือกช่วงเวลาคุ้มครองนานๆ เพราะเราอาจจะโป๊ะเเบงค์ หมดหนี้หมดสิ้นก่อนเราตายค่ะ
ดังนั้น ก่อนคิดว่าจะทำประกันดีมั้ย ให้มองดังนี้
1. ตั้งใจกู้กี่ปี จะโป๊ะหมดภายในกี่ปี
2. ต้องการเอาเบี้ยประกันไปลดหย่อนภาษีมั้ย (ถ้าต้องการควรเลือกขั้นต่ำ 10 ปี ไม่งั้นจะเอาไปลดหย่อนไม่ได้)
3. ถ้ากู้ร่วมก็เลือกเอาว่าจะจะให้ใครเป็นคนซื้อประกัน สามี หรือภรรยา (เบี้ยผู้ชายจะเเพงกว่าเบี้ยผู้หญิง เมื่อจำนวนปีคุ้มครองเท่ากัน) การเลือกให้ดูด้วยว่าใครฐานภาษีเยอะกว่ากัน
ประเด็นสุดท้าย : ประกันที่ทำไปขอเวนคืนได้ค่ะ ตราบใดที่เราต้องการยกเลิก หรือเราอาจจขายบ้านหลังนั้นก่อน เเต่เงินที่เวนคืนได้กลับมาจะน้อยกว่าตอนที่เราจ่ายไปเยอะเหมือนกัน
ประเด็นฝากไว้ให้คิด ::: เเนะนำสำหรับกลุ่มคนประเภท ตัวคนเดียว ไม่มีครอบครัว ญาติพี่น้อง เเนะนำว่าถ้าไม่มองเรื่องประโยชทางภาษี ไม่ต้องทำประกันค่ะ เพราะการทำประกัน เป็นการช่วยเเบงค์ เนื่องจากถ้าคุณตายไม่มีใครส่งเงินผ่อนให้เเบงค์ เเบงค์ก็สบายเพราะไปเคลมหนี้กับประกันได้ ไม่เกิด NPL กับเเบงค์................เเต่ถ้าคุณไม่ทำประกันเเล้วคุณตาย หรือส่งไม่ไหว เเบงค์ก็ต้องเดือดร้อนไปดิ้นรนขายทอดตลาดเพื่อได้เงินมากลบหนี้เสียของคุณ ดังนั้นมันเอื้อประโยชน์ให้เเบงค์ มากกว่าให้คุณนะคะ
เเต่ถ้าคุณมีคนข้างหลัง มีลูกมี พ่อเเม่ เเล้วคุณเป็นเสาหลักของครอบครัว ทำไว้ก็ไม่เสียหลาย อย่างน้อยๆ ถ้าคุณเป็นอะไรไป ประกันก็ยังครอบคลุมหนี้ก้อนนี้ของคุณ ก้คือประกันก็จ่ายเคลมมาปิดหนี้คุณที่ทำไว้กะเเบงค์ค่ะ (จะครอบคลุมหนี้ที่คุณมีอยู่หรือไม่ขึ้นกับ ลงเงินประกันที่คุณทำไว้ ถ้าวงเงินประกันคุณน้อย คนข้างหลังคุณก็อาจจะต้องมาจ่ายหนี้ให้เเบงค์ในส่วนที่ขาดไป ประเด็นนี้ต้องระวัง เพราะพนักกงานที่ขายประกันเเบบนี้ให้คุณมักจะบอกว่า ถ้าคุณตายก็ยกหนี้กันไป ซึ่งจริงๆไม่ใช่มันขึ้นกับวงเงินประกัน อย่างที่บอกค่ะ ต้องระวัง)
หวังว่าคงพอเป็นประโยชน์สำหรับหลายๆคนนะคะ
แสดงความคิดเห็น
Kbank บังคับให้ทำประกันชีวิตตอนกู้ ถ้าทำไปก่อนแล้วค่อยมายกเลิกได้หรือไม่
1. ถ้าทำประกันไปก่อน เพื่อให้สินเชื่อผ่าน แล้วค่อยมายกเลิกเพื่อขอเงินคืน ได้หรือไม่
2. มีท่านใดเคยทำบ้างครับ
3. ขอคืนได้เท่าไร
ขอบคุณครับ