เราจ๊าบกว่ากังนัม ฟันธง555



เรื่องนี้มันเกิดจากความอยากจะเขียนตอนที่ผมคุยกับน้องชายสุดที่รักที่ชื่อเคเสร็จ ผมเล่ากับเคถึงงานทีทำถกถึงเรื่องธุรกิจและความฝัน พอสุท้ายเคถามว่าพี่จะนอนยัง ผมตอบเคว่ายังพี่ขอหาไรกินก่อน แล้วพี่อยากเขียนอะไรด้วยนิดนึง แต่เคบอกไม่ไหวแล้วเคจึงขอตัวไปนอนเสร็จแล้วผมเลยไปหาอะไรกินพร้อมๆกับที่มานั่งเขียนไรให้ทุกคนอ่านกันก่อนจะไปนอนนี่แหล่ะครับ
กล้ามองตัวเองไหมครับ ทุกวันนี้คุณกล้ามองไม๊ประเมินตัวเองว่าจาก10รึ100ตอนนี้คุณให้คะแนนตัวเองที่เท่าไหร่ กล้ายอมรับความจริงแล้วพูดกับตัวเองรึเปล่า ถ้าถามผมนะครับ ผมกล้า ทุกวันนี้คำสอนข้อนึงของพี่สาวยังติดอยู่ในหัวผม คืออย่าคิดอย่าเหลิงว่าตัวเองเก่ง ผมเลยตั้งใจอยากจะมาเขียนประเมินตัวเองดู ตามฝัน3ด้านในชีวิตผม
ด้านเจ้าของกิจการ
ด้านเจ้าของกิจการอาชีพที่เปนความรักความตั้งใจของผมกับการปลุกปั้นฝันมาตลอด5ปี จากไฟล์แผ่นกระดาษในเวิด ตอนนี้กลาย รูปร่างธุรกิจที่จับต้องทำกำไรได้จริงแล้ว ถึงแม้ว่าทุกวันนี้มันกำลังไต่ระดับให้มัไหอยู่ในจุดที่เปนกำไรเลี้ยงตัวเองได้อย่างมั่นคง ตอนนี้ผมยังต้องดิ้นรนกับมันอยู่ แต่น่าดีใจที่ในวันที่16 มกราคมนี้ กิจการผมจะมีอายุ1ปีแล้ว กิจการที่ธุรกิจส่วนตัวที่เกิดขึ้นมาด้วยเงินเหลือก้นกระเป๋ฤาที่ใช้รักษาตัวจากอาการป่วย ธุรกิจที่ผ่านมรสุมาลูกแล้วลูกเล่า ธุรกิจที่เกิดขึ้นมา ท่ามกลางคำดูถูกของกิ๊กเก่าและเพื่อนฝรั่งของเธอ ขายแบบนี้เมื่อไหร่จะรวยจะได้กำไรสักกี่บาท คนไทยนี่จนใช่ไหมบ้านยูอยู่กระต๊อบรึเปล่า เจอวิกฤตไม่มีสินค้าจะขาย เพราะโดนยกเลิกการจำหน่ายแบบดื้อๆ ยอดสั่งซื้อครั้งแรกลูกค้าขอคืนของเพราะสินค้าผิดแบบ อื่นๆอีกสารพัด กว่าสินค้าแต่ละตัวจะมียอด ผมเหงื่อตกกีบทั้งนั้น แต่ก้อเข้าใจดีว่าสินค้าเรามันเยอะแผนกและราคาค่อนข้างแพง ไหนจะการทำความเข้าใจในเรื่องตลาดเฉพาะทางอีกจับลูกค้ากลุ่มนี้ที่ใครๆมองว่าจะไปรอดเหรอ แต่ผมมั่นใจแค่ว่าเราก้อมีความรู้ในวงการนี้มีระดับคนนึง น่าจะไปได้เรารู้มากกว่าคนอื่น ถามว่าทุกวันนี้สิ่งที่ผมมองกับตัวคือ ด้านตัวแทนจำหน่ายที่ผมยังตีไข่ไม่แตก มีแต่คนมาคุยแต่ยังไม่ลงลอคสักที กับอีกฝันนึง ฝันที่จะมีแฟลกชิฟสโตร์ให้สังคมเฉพาะทางของเราพูดกันแบบนี้ว่า ไม่ต้องบินไปถึงไต้หวันแล้วดีจัง มีห้างแบบนี้เปิดที่เมืองไทยแล้ว ทุกวันนี้ผมประเมินมองตัวเองว่าผมขาดอะไร ที่ทำให้แฟลกชิฟสโตร์ยังเปิดไม่ได้ คำตอบก้อคือผมมองออก ว่าตัวเองขาดเงินก้อนระดับเปนแสน ถามโจทย์ต่อมาผมมองออกอีกว่าผมกู้เงินไม่ได้ ผมไม่สามารถกู้เงินได้ เพราะผมไม่มีสินทรัพย์ทรัพย์สินมาค้ำ เพราะทรัพย์สินที่มีก้อเปนของที่บ้าน ถามว่าผมมองเห็นทางแก้ตัวผมเอง เพียงทางเดียวคือ หานายทุนสักคนที่มองเห็นความตั้งใจของผม แล้วคุยกันแบบใจๆ ว่าผมลงแรงบริหารนะแต่คุณออกทุนได้ไหมคับ แบ่งกำไรกัน เพราะตอนนี้สิ่งผมมองเห็นกับตัวเองก้อคือ ผมมีความคิดเหนือกว้างไกลกว่าคู่แข่งทุกเจ้า แต่ในขณะเดียวกัน ผมก้อมีเงินน้อยกว่าคู่แข่งทุกเจ้าด้วย จึงทำให้เราไล่ตามหลังเขาแทนที่จะอยู่ในระดับเดียวรึเหนือกว่าเขา ผมรู้ว่าถ้าเราได้ทุนมาอัดฉีดกิจการ เราจะเดินหน้าฟู่ฟ่าได้ทันที ผมรู้อยู่ว่าจุดอ่อนของเราคือขาดทุนที่จะเดินหน้าในขณะที่มีของพร้อม ในขณะที่คู่แข่งเราเปนลูกเศรษฐีอาศัยเงินหว่านจึงก้าวได้ไว อีกกด้านนึงที่ผมมองเห็นตอนนี้คือ การขายของแบบนี้มาถึงขนาดนี้มันทำให้ผมเริ่มจะเปนแล้วตัดได้แล้วล่ะว่าอันไหนขายดีไม่ดี อะไรควรขายไม่ควรขาย
ด้านที่ปรึกษาธุรกิจ
อาชีพนี้ จะว่าไปมันก้อเปนความฝันของผมอีกอย่างนึงเลยนะครับ ผมอ่านโจ วิทเทล แจ็ค แคนฟิล แล้วใจผมก้อคิดว่าผมอยากจะเปนผมทำแบบนี้ได้ เพราะผมเริ่มลงมือทำกับการเปนที่ปรึกษาแบบนี้มานานแล้วหลายปี เพียงแต่ว่าเปนการช่วยคนทางเนตฟรีๆไม่ได้ยึดเปนอาชีพ และมันก้อไม่ใช่ที่ปรึกษาด้านธุรกิจ แต่ใจผมคิดมาตลอดว่าผมโค้ชผมสอนทุกคนได้ ในแบบที่ว่าไม่ใช่นักโมติเวทเลอะเทอะ เพราะผมไม่เคยโมติเวทใคร ผมเฝ้าคิดแล้วเก็บมันไว้กับตัวเองเคยฝันมันลมแล้งๆในใจ แต่ผมไม่กล้าเล่าให้ใครฟัง ทำไมน่ะเหรอ ก้อกระแสคนรอบข้างผมตอนนั้นมีแต่คนเยาะเย้ยถากถางทับถมไม่เชื่อมือ จนกระทั่งพันทิพห้องสีลมมาจุดประกายให้ผมกล้าทำในสิ่งที่ผมฝันและแอบมันไว้ ทุกวันนี้ผมได้เริ่มต้น เปนที่ปรึกษาธุรกิจแล้ว และถึงแม้ตอนนี้จะมีแต่งานทีปรึกษาฟรี ยังมีไม่มีงานจ้างรับจ๊อบเซ็นต์สัญญาจริงจังสักราย แต่ทุกงานฟรีเข้ามาผมก้อสนุกและตื่นเต้นนะที่ได้เรียนรู้จากมัน ผมนั่งอ่านทุกปัญหาทางอัเมลแล้วนั่งคิดดุว่าถ้าเราเปนเจ้าของเอง หลายครั้งผมไม่รู้จักอะไรใหม่ๆ ผมก้อเปิดอากู๋ช่วยส่อง อีกข้อนึงที่ทำใผมรู้สึกดีมากๆเลย คือ มีเคสนึง ที่ผู้หญิงคนนึงมาปรึกษาเรื่องติดสตอคสินค้าเด็ก3แสน โดยเธอเอาเงินค่าเทอมลูกมาลุยไฟด้วย ผมตัดสินใจให้คำปรึกษาตอบเมลยาวเปนหน้าโดยไม่คิดเงินอะไรสักนิดเดียว ที่ผมบอกว่าผมรู้สึกดีมากก้อคือ ถ้าผมช่วยเค้าแก้ไขปัญหานี้ได้ นั่นหมายถึงอนาคตเด็กคนนึงด้วย ผมกำลังทำบุญช่วยเค้าอยู่ ด้วยแบบนี้ ผมจึงบอกเคน้องชายผมว่า งานนี้พี่เรียกรับเงินไม่ลงว่ะเค บาปกรรมจริงๆ คนเขาเดือดร้อนไม่มี แล้วอีกเรื่องนึงที่ผมนึกถึงและมีความสุขทุกครั้งและอยากจะกลับไปถามข่าวคราวเขาอีก อยากจะไปช่วยแนะนำเพิ่ม ก้อคือเจ้าของร้านขายสลัด ที่ มหาลัยรังสิต ที่เปนเคสแรกของผมทางจดหมายที่เปนจุดเริ่มต้นของการตอบฟรี ยอมรับว่าพอมีเคสจริงมาให้ผมทีแรก ผมอ่านแล้วนึกในใจหินว่ะกุ แต่งานนี้ก้อลองอ่านรายละเอียดทุกอย่าง เปิดกูเกิ้ลดูรายละเอียดสิ่งที่สนใจแล้วตอบเลย แน่นอนว่า คำตอบของผมตรงใจเจ้าของกิจการเค้าบอกผมว่า ผมทำให้เค้ากระตุกคิดในมุมที่เขามองไม่เห็น เขามุ่งแต่การสร้างยอดขายจนลืมสร้างแบรนด์ทั้งที่เขามีของพร้อมอยู่แล้ว ถามว่าทุกวันนี้ผมยังทำงานที่ปรึกษาฟรี แต่ผมก้อยังทำตรงนี้ทุกวัน และคิดว่าสักวันนึงเราต้องได้ทำงานจริงแบรนด์จริง ผมให้คำตอบรู้มาในใจกับตัวเองมาตลอด ถ้าผมได้ทำงานให้แบรนด์รึบริษัทไหนสักอันแล้วผมทำสำเร็จ ผมจะพาสชั้น จบ ปตรี ทันที เพราะตรงนี้มันคือเครื่องมือการันตีในเวทีสนามจริงมาแล้ว อีกข้องนึงที่ผมฝันไว้แล้วคิดว่าจะหาช่องทางทำมันให้เปนจริงให้ได้คือการจัดสัมมนา อบรมโค้ชคน รึสอนหนังสืออนไลน์
ด้านนักเขียน
ผมเขียนอะไรมาก้อเยอะแยะ บทความธุรกิจผมก้อเคยเขียนนะ แต่ให้ถึงขั้นมเปนคอลัมม์จริงจังแบบนี้ ผมยอมรับว่าผมไม่เคยแล้วก้อไม่กล้าเขียนด้วย เพราะกลัวคนหัวเราะเยาะแล้วถามว่าเปนใคร แต่พอผมเริ่มต้นยอมปล่อยให้คำว่ากล้าในตัวผมมันทำงาน ตอนนี้มันเลยเหมือนกับว่า ความกดล้าของผมมันติดใจที่จะทำงานต่อซะแล้ว และผมก้อรู้สึกเมีความสุข ได้ปลดปล่อยกับสิ่งที่ผมอยากจะทำแต่ไม่กล้ามาตลอด ผมมีความสุขทุกครั้งยามที่อ่านอีเมล แล้วปลื้มใจ เมื่อมีผู้คนเขียนมาให้กำลังใจไต่ถามปรึกษา บางคนเขียนมาบอกผมว่า เพราะกระทู้เรื่องคุณทำให้ผมกล้ามีกำลังใจจะก้าวมาในชีวิต เรื่องผมทำให้วิศวะกรสาวอายุ27กล้าจะก้าวตามฝันหาตัวเองเจอ ทำให้ผู้ชายคนนึงลุกขึ้นมาทำอะเไรให้พ้นจากคำว่าไอ้ไม่เอาไหนของพี่ มันทำให้ผู้หญิงผู้ชายหลายคนซูซ่าและจ๊าบกับชีวิตที่ได้อ่าน ผลตอบรับมันเกินกว่าอะไรจะบรรยายมันมากมายมาก ผมมาเกินจุดที่ผมตั้งไว้มาก ผมคงไม่มีปัญญาไปเกณฑ์ไปจ้างใครมาโหวตอวยให้ตัวเองติดกระทู้แนะนำได้ทุกสัปดาห์หรอก ตอนนี้ ตัวหนังสือพาผมเดินทางมาไกล มันพาผมมาสูงมากมาย มีโอกาสอะไรผ่านเข้ามาในชีวิตให้ผมติดและเลือกท้าทายด้วย ทุกวันนี้ผมถามตัวเองอย่าวนึงบอกไว้ว่า ถ้าผมเขียนสำนวนแนวๆตลกสนุกอย่างไร แต่สิ่งที่ผมต้องทำการบ้านและไม่ลืมในทุกครั้งก้อคือการใส่สาระที่จับต้องได้จริงและทำตามได้อย่างบ้านๆ รวมทั้งแง่คิด แล้วอีกข้อสำคัญเลยก้อคือ อย่าคิดว่า ผมเปนซุปตาร์ทางเนต คนดังเท้าไม่ติดพื้น ใครห้ามแตะแล้วในใจผมคิดเรื่องอีบุคอีกครั้ง ก่อนหน้านี้ผมเคยเขียนอีบุคแต่ไม่จบ ผมมารู้สึกตอนนี้ว่าผมอยากเขียนอีบุคแนวธุรกิจให้ได้อ่านกันฟรีๆ ผมเริ่มรวบรวมข้อมูล และติดต่อหาคนสัมภาษณ์ ตอนนี้กำลังรอการตอบรับ และผมก้อได้มีโอกาสคุยกับกูรูที่ผมชอบและเปนแนวคิดให้ผมคนนึงอย่าง เดวิด บุญทวี แน่นอนมันเหมือนฝันเลย ผมยังเปนแค่คนโนมเนมคนนึงแต่ผมได้รับน้ำใจความเอื้ออาทรจากูรูดังในการสัมภาษณ์ แน่นอนมันเปนกำลังใจให้ผมอีกอักโข ตอนนี้อีกจุดนึงที่ผมยังอยูในทางแยกที่ผมต้องคิดคือ ตอนนี้ชื่อ ชาวนาเจ้าของหมากากๆ มันเริ่มกลายเปนเครื่องหมายการค้าติดตัวประจำตัวผมไปแล้ว ผมจะใช้ชื่อนี้ตลอดไปดีไหม แล้วมันจะแปลกๆๆรึเปล่า "ขอเชิญพบกับวิทยากรดัง คุณชาวนาเจ้าของหมากากๆแห่งเวบพันทิพ555" แล้วผู้คนในห้องจะมองหน้ากันงงๆป่าว555 และอีกข้อนึงที่ผมกำลังคิดเลยก้อคือมันมาถึงทางแยกแล้วผมควรตัดสินใจะทำเฟสบุค เปนทางการเลยจะดีไหม
ตอนนี้ถ้าให้ผมมองสรุปตัวเองผมก้อต้องยอมรับว่าผมดีขึ้นมากกว่าแต่ก่อนเยอะ หลายเรื่องในชีวิตผมกล้ามากขึ้น รู้สึกว่าตัวเองมีคุณค่ามากขึ้น ผมดีขึ้นก้อจริงแต่ผมยังไม่ดีที่สุด ผมยังต้องปรับอีกเยอะ แล้วข้อสำคัญเลยก้อคือความฝันผมมาได้ครึ่งทางแล้ว แต่ยังไม่ทำได้สมบูรณ์ร้อยเต็ม แต่มันก้อทำให้ผมมีความสุขมาก ผมลบภาพตัวเองจากไอ้เด็กขี้แหยคนเก่าที่มีแต่ฝันแต่ไม่กล้าทำไปข้างหน้าเพราะกลัวแพงไม่รู้จะทำไงดี เอาแต่ก่ายหน้าผากว่ากุคงจะมีปัญญาแล้วก้อผลัดวันประกันพรุ่งมาเรื่อย ออกไปจากใจผมหมดแล้ว ตอนนี้ถึงแม้มันจะเปนการดิ้นรนอยู่แต่มันก้อเปนการดิ้นรนที่ผมมีความสุขเพราะมันเปนสิ่งเปนอาชีพที่ผมฝันครับ
ขอบคุณเพื่อนๆในพันทิพและมิตรักแฟนคลับไร้ลอคอินทุกคนที่ติดตามอ่านตัวหนังสือผมด้วยดีเสมอมา
ขอบคุณทุกคนเพื่อนวงบอยแบนด์และหลานรักพี่น้องคู่ค้าธุรกิจที่คอยยืนอยู่ข้างกันยามที่ผมลำบากช่วยเหลือกัน
ขอบคุณพ่อขอบคุณพี่สาว ที่คอยช่วยผมทุกอย่าง ด่าก่อนแล้วช่วยทีหลัง555
สุดท้ายที่สุด ผมขอบคุณตัวเอง ที่ผมยังอดทนฝ่าฝันมาได้จนจะครบ1ปีในการทำธุรกิจ โดยที่ผมไม่ตายจากอาการป่วยและกิจการเจ๊ง
เรื่องตอนนี้ผมอาจจะไม่ได้ให้สาระอะไรมากมายนะครับ แต่ผมอยากจะถ่ายทอดระบายให้ทุกคนอ่าน
กว่าจะก้าวมาถึงวันนี้ได้ผมเคยทั้งหัวเราะและร้องไห้ไปกับมัน เปนแค่เรื่องเล็กๆจากคนๆนึงที่อยากจะถ่ายทอดให้ทุกคนอ่าน
p241022@hotmail.com อีเมลรึหลังไมค์มาได้นะครับ ไม่คุยเเอ็ม
ชาวนาเจ้าของหมากากๆ
ฝากตอนล่าสุดนะครับ
เรื่องของการเริ่มต้นจาก0ถึง100 V6 พลิกมุมคิดพลิกชีวิต กับ เดวิด บุญทวี อ่านฟรีไม่มีชารจ์
http://pantip.com/topic/30021248
กากๆสไตล์ เรื่องเล่าของเจ้าของกิจการ ที่ปรึกษาธุรกิจ นักเขียน คนนึง
เรื่องนี้มันเกิดจากความอยากจะเขียนตอนที่ผมคุยกับน้องชายสุดที่รักที่ชื่อเคเสร็จ ผมเล่ากับเคถึงงานทีทำถกถึงเรื่องธุรกิจและความฝัน พอสุท้ายเคถามว่าพี่จะนอนยัง ผมตอบเคว่ายังพี่ขอหาไรกินก่อน แล้วพี่อยากเขียนอะไรด้วยนิดนึง แต่เคบอกไม่ไหวแล้วเคจึงขอตัวไปนอนเสร็จแล้วผมเลยไปหาอะไรกินพร้อมๆกับที่มานั่งเขียนไรให้ทุกคนอ่านกันก่อนจะไปนอนนี่แหล่ะครับ
กล้ามองตัวเองไหมครับ ทุกวันนี้คุณกล้ามองไม๊ประเมินตัวเองว่าจาก10รึ100ตอนนี้คุณให้คะแนนตัวเองที่เท่าไหร่ กล้ายอมรับความจริงแล้วพูดกับตัวเองรึเปล่า ถ้าถามผมนะครับ ผมกล้า ทุกวันนี้คำสอนข้อนึงของพี่สาวยังติดอยู่ในหัวผม คืออย่าคิดอย่าเหลิงว่าตัวเองเก่ง ผมเลยตั้งใจอยากจะมาเขียนประเมินตัวเองดู ตามฝัน3ด้านในชีวิตผม
ด้านเจ้าของกิจการ
ด้านเจ้าของกิจการอาชีพที่เปนความรักความตั้งใจของผมกับการปลุกปั้นฝันมาตลอด5ปี จากไฟล์แผ่นกระดาษในเวิด ตอนนี้กลาย รูปร่างธุรกิจที่จับต้องทำกำไรได้จริงแล้ว ถึงแม้ว่าทุกวันนี้มันกำลังไต่ระดับให้มัไหอยู่ในจุดที่เปนกำไรเลี้ยงตัวเองได้อย่างมั่นคง ตอนนี้ผมยังต้องดิ้นรนกับมันอยู่ แต่น่าดีใจที่ในวันที่16 มกราคมนี้ กิจการผมจะมีอายุ1ปีแล้ว กิจการที่ธุรกิจส่วนตัวที่เกิดขึ้นมาด้วยเงินเหลือก้นกระเป๋ฤาที่ใช้รักษาตัวจากอาการป่วย ธุรกิจที่ผ่านมรสุมาลูกแล้วลูกเล่า ธุรกิจที่เกิดขึ้นมา ท่ามกลางคำดูถูกของกิ๊กเก่าและเพื่อนฝรั่งของเธอ ขายแบบนี้เมื่อไหร่จะรวยจะได้กำไรสักกี่บาท คนไทยนี่จนใช่ไหมบ้านยูอยู่กระต๊อบรึเปล่า เจอวิกฤตไม่มีสินค้าจะขาย เพราะโดนยกเลิกการจำหน่ายแบบดื้อๆ ยอดสั่งซื้อครั้งแรกลูกค้าขอคืนของเพราะสินค้าผิดแบบ อื่นๆอีกสารพัด กว่าสินค้าแต่ละตัวจะมียอด ผมเหงื่อตกกีบทั้งนั้น แต่ก้อเข้าใจดีว่าสินค้าเรามันเยอะแผนกและราคาค่อนข้างแพง ไหนจะการทำความเข้าใจในเรื่องตลาดเฉพาะทางอีกจับลูกค้ากลุ่มนี้ที่ใครๆมองว่าจะไปรอดเหรอ แต่ผมมั่นใจแค่ว่าเราก้อมีความรู้ในวงการนี้มีระดับคนนึง น่าจะไปได้เรารู้มากกว่าคนอื่น ถามว่าทุกวันนี้สิ่งที่ผมมองกับตัวคือ ด้านตัวแทนจำหน่ายที่ผมยังตีไข่ไม่แตก มีแต่คนมาคุยแต่ยังไม่ลงลอคสักที กับอีกฝันนึง ฝันที่จะมีแฟลกชิฟสโตร์ให้สังคมเฉพาะทางของเราพูดกันแบบนี้ว่า ไม่ต้องบินไปถึงไต้หวันแล้วดีจัง มีห้างแบบนี้เปิดที่เมืองไทยแล้ว ทุกวันนี้ผมประเมินมองตัวเองว่าผมขาดอะไร ที่ทำให้แฟลกชิฟสโตร์ยังเปิดไม่ได้ คำตอบก้อคือผมมองออก ว่าตัวเองขาดเงินก้อนระดับเปนแสน ถามโจทย์ต่อมาผมมองออกอีกว่าผมกู้เงินไม่ได้ ผมไม่สามารถกู้เงินได้ เพราะผมไม่มีสินทรัพย์ทรัพย์สินมาค้ำ เพราะทรัพย์สินที่มีก้อเปนของที่บ้าน ถามว่าผมมองเห็นทางแก้ตัวผมเอง เพียงทางเดียวคือ หานายทุนสักคนที่มองเห็นความตั้งใจของผม แล้วคุยกันแบบใจๆ ว่าผมลงแรงบริหารนะแต่คุณออกทุนได้ไหมคับ แบ่งกำไรกัน เพราะตอนนี้สิ่งผมมองเห็นกับตัวเองก้อคือ ผมมีความคิดเหนือกว้างไกลกว่าคู่แข่งทุกเจ้า แต่ในขณะเดียวกัน ผมก้อมีเงินน้อยกว่าคู่แข่งทุกเจ้าด้วย จึงทำให้เราไล่ตามหลังเขาแทนที่จะอยู่ในระดับเดียวรึเหนือกว่าเขา ผมรู้ว่าถ้าเราได้ทุนมาอัดฉีดกิจการ เราจะเดินหน้าฟู่ฟ่าได้ทันที ผมรู้อยู่ว่าจุดอ่อนของเราคือขาดทุนที่จะเดินหน้าในขณะที่มีของพร้อม ในขณะที่คู่แข่งเราเปนลูกเศรษฐีอาศัยเงินหว่านจึงก้าวได้ไว อีกกด้านนึงที่ผมมองเห็นตอนนี้คือ การขายของแบบนี้มาถึงขนาดนี้มันทำให้ผมเริ่มจะเปนแล้วตัดได้แล้วล่ะว่าอันไหนขายดีไม่ดี อะไรควรขายไม่ควรขาย
ด้านที่ปรึกษาธุรกิจ
อาชีพนี้ จะว่าไปมันก้อเปนความฝันของผมอีกอย่างนึงเลยนะครับ ผมอ่านโจ วิทเทล แจ็ค แคนฟิล แล้วใจผมก้อคิดว่าผมอยากจะเปนผมทำแบบนี้ได้ เพราะผมเริ่มลงมือทำกับการเปนที่ปรึกษาแบบนี้มานานแล้วหลายปี เพียงแต่ว่าเปนการช่วยคนทางเนตฟรีๆไม่ได้ยึดเปนอาชีพ และมันก้อไม่ใช่ที่ปรึกษาด้านธุรกิจ แต่ใจผมคิดมาตลอดว่าผมโค้ชผมสอนทุกคนได้ ในแบบที่ว่าไม่ใช่นักโมติเวทเลอะเทอะ เพราะผมไม่เคยโมติเวทใคร ผมเฝ้าคิดแล้วเก็บมันไว้กับตัวเองเคยฝันมันลมแล้งๆในใจ แต่ผมไม่กล้าเล่าให้ใครฟัง ทำไมน่ะเหรอ ก้อกระแสคนรอบข้างผมตอนนั้นมีแต่คนเยาะเย้ยถากถางทับถมไม่เชื่อมือ จนกระทั่งพันทิพห้องสีลมมาจุดประกายให้ผมกล้าทำในสิ่งที่ผมฝันและแอบมันไว้ ทุกวันนี้ผมได้เริ่มต้น เปนที่ปรึกษาธุรกิจแล้ว และถึงแม้ตอนนี้จะมีแต่งานทีปรึกษาฟรี ยังมีไม่มีงานจ้างรับจ๊อบเซ็นต์สัญญาจริงจังสักราย แต่ทุกงานฟรีเข้ามาผมก้อสนุกและตื่นเต้นนะที่ได้เรียนรู้จากมัน ผมนั่งอ่านทุกปัญหาทางอัเมลแล้วนั่งคิดดุว่าถ้าเราเปนเจ้าของเอง หลายครั้งผมไม่รู้จักอะไรใหม่ๆ ผมก้อเปิดอากู๋ช่วยส่อง อีกข้อนึงที่ทำใผมรู้สึกดีมากๆเลย คือ มีเคสนึง ที่ผู้หญิงคนนึงมาปรึกษาเรื่องติดสตอคสินค้าเด็ก3แสน โดยเธอเอาเงินค่าเทอมลูกมาลุยไฟด้วย ผมตัดสินใจให้คำปรึกษาตอบเมลยาวเปนหน้าโดยไม่คิดเงินอะไรสักนิดเดียว ที่ผมบอกว่าผมรู้สึกดีมากก้อคือ ถ้าผมช่วยเค้าแก้ไขปัญหานี้ได้ นั่นหมายถึงอนาคตเด็กคนนึงด้วย ผมกำลังทำบุญช่วยเค้าอยู่ ด้วยแบบนี้ ผมจึงบอกเคน้องชายผมว่า งานนี้พี่เรียกรับเงินไม่ลงว่ะเค บาปกรรมจริงๆ คนเขาเดือดร้อนไม่มี แล้วอีกเรื่องนึงที่ผมนึกถึงและมีความสุขทุกครั้งและอยากจะกลับไปถามข่าวคราวเขาอีก อยากจะไปช่วยแนะนำเพิ่ม ก้อคือเจ้าของร้านขายสลัด ที่ มหาลัยรังสิต ที่เปนเคสแรกของผมทางจดหมายที่เปนจุดเริ่มต้นของการตอบฟรี ยอมรับว่าพอมีเคสจริงมาให้ผมทีแรก ผมอ่านแล้วนึกในใจหินว่ะกุ แต่งานนี้ก้อลองอ่านรายละเอียดทุกอย่าง เปิดกูเกิ้ลดูรายละเอียดสิ่งที่สนใจแล้วตอบเลย แน่นอนว่า คำตอบของผมตรงใจเจ้าของกิจการเค้าบอกผมว่า ผมทำให้เค้ากระตุกคิดในมุมที่เขามองไม่เห็น เขามุ่งแต่การสร้างยอดขายจนลืมสร้างแบรนด์ทั้งที่เขามีของพร้อมอยู่แล้ว ถามว่าทุกวันนี้ผมยังทำงานที่ปรึกษาฟรี แต่ผมก้อยังทำตรงนี้ทุกวัน และคิดว่าสักวันนึงเราต้องได้ทำงานจริงแบรนด์จริง ผมให้คำตอบรู้มาในใจกับตัวเองมาตลอด ถ้าผมได้ทำงานให้แบรนด์รึบริษัทไหนสักอันแล้วผมทำสำเร็จ ผมจะพาสชั้น จบ ปตรี ทันที เพราะตรงนี้มันคือเครื่องมือการันตีในเวทีสนามจริงมาแล้ว อีกข้องนึงที่ผมฝันไว้แล้วคิดว่าจะหาช่องทางทำมันให้เปนจริงให้ได้คือการจัดสัมมนา อบรมโค้ชคน รึสอนหนังสืออนไลน์
ด้านนักเขียน
ผมเขียนอะไรมาก้อเยอะแยะ บทความธุรกิจผมก้อเคยเขียนนะ แต่ให้ถึงขั้นมเปนคอลัมม์จริงจังแบบนี้ ผมยอมรับว่าผมไม่เคยแล้วก้อไม่กล้าเขียนด้วย เพราะกลัวคนหัวเราะเยาะแล้วถามว่าเปนใคร แต่พอผมเริ่มต้นยอมปล่อยให้คำว่ากล้าในตัวผมมันทำงาน ตอนนี้มันเลยเหมือนกับว่า ความกดล้าของผมมันติดใจที่จะทำงานต่อซะแล้ว และผมก้อรู้สึกเมีความสุข ได้ปลดปล่อยกับสิ่งที่ผมอยากจะทำแต่ไม่กล้ามาตลอด ผมมีความสุขทุกครั้งยามที่อ่านอีเมล แล้วปลื้มใจ เมื่อมีผู้คนเขียนมาให้กำลังใจไต่ถามปรึกษา บางคนเขียนมาบอกผมว่า เพราะกระทู้เรื่องคุณทำให้ผมกล้ามีกำลังใจจะก้าวมาในชีวิต เรื่องผมทำให้วิศวะกรสาวอายุ27กล้าจะก้าวตามฝันหาตัวเองเจอ ทำให้ผู้ชายคนนึงลุกขึ้นมาทำอะเไรให้พ้นจากคำว่าไอ้ไม่เอาไหนของพี่ มันทำให้ผู้หญิงผู้ชายหลายคนซูซ่าและจ๊าบกับชีวิตที่ได้อ่าน ผลตอบรับมันเกินกว่าอะไรจะบรรยายมันมากมายมาก ผมมาเกินจุดที่ผมตั้งไว้มาก ผมคงไม่มีปัญญาไปเกณฑ์ไปจ้างใครมาโหวตอวยให้ตัวเองติดกระทู้แนะนำได้ทุกสัปดาห์หรอก ตอนนี้ ตัวหนังสือพาผมเดินทางมาไกล มันพาผมมาสูงมากมาย มีโอกาสอะไรผ่านเข้ามาในชีวิตให้ผมติดและเลือกท้าทายด้วย ทุกวันนี้ผมถามตัวเองอย่าวนึงบอกไว้ว่า ถ้าผมเขียนสำนวนแนวๆตลกสนุกอย่างไร แต่สิ่งที่ผมต้องทำการบ้านและไม่ลืมในทุกครั้งก้อคือการใส่สาระที่จับต้องได้จริงและทำตามได้อย่างบ้านๆ รวมทั้งแง่คิด แล้วอีกข้อสำคัญเลยก้อคือ อย่าคิดว่า ผมเปนซุปตาร์ทางเนต คนดังเท้าไม่ติดพื้น ใครห้ามแตะแล้วในใจผมคิดเรื่องอีบุคอีกครั้ง ก่อนหน้านี้ผมเคยเขียนอีบุคแต่ไม่จบ ผมมารู้สึกตอนนี้ว่าผมอยากเขียนอีบุคแนวธุรกิจให้ได้อ่านกันฟรีๆ ผมเริ่มรวบรวมข้อมูล และติดต่อหาคนสัมภาษณ์ ตอนนี้กำลังรอการตอบรับ และผมก้อได้มีโอกาสคุยกับกูรูที่ผมชอบและเปนแนวคิดให้ผมคนนึงอย่าง เดวิด บุญทวี แน่นอนมันเหมือนฝันเลย ผมยังเปนแค่คนโนมเนมคนนึงแต่ผมได้รับน้ำใจความเอื้ออาทรจากูรูดังในการสัมภาษณ์ แน่นอนมันเปนกำลังใจให้ผมอีกอักโข ตอนนี้อีกจุดนึงที่ผมยังอยูในทางแยกที่ผมต้องคิดคือ ตอนนี้ชื่อ ชาวนาเจ้าของหมากากๆ มันเริ่มกลายเปนเครื่องหมายการค้าติดตัวประจำตัวผมไปแล้ว ผมจะใช้ชื่อนี้ตลอดไปดีไหม แล้วมันจะแปลกๆๆรึเปล่า "ขอเชิญพบกับวิทยากรดัง คุณชาวนาเจ้าของหมากากๆแห่งเวบพันทิพ555" แล้วผู้คนในห้องจะมองหน้ากันงงๆป่าว555 และอีกข้อนึงที่ผมกำลังคิดเลยก้อคือมันมาถึงทางแยกแล้วผมควรตัดสินใจะทำเฟสบุค เปนทางการเลยจะดีไหม
ตอนนี้ถ้าให้ผมมองสรุปตัวเองผมก้อต้องยอมรับว่าผมดีขึ้นมากกว่าแต่ก่อนเยอะ หลายเรื่องในชีวิตผมกล้ามากขึ้น รู้สึกว่าตัวเองมีคุณค่ามากขึ้น ผมดีขึ้นก้อจริงแต่ผมยังไม่ดีที่สุด ผมยังต้องปรับอีกเยอะ แล้วข้อสำคัญเลยก้อคือความฝันผมมาได้ครึ่งทางแล้ว แต่ยังไม่ทำได้สมบูรณ์ร้อยเต็ม แต่มันก้อทำให้ผมมีความสุขมาก ผมลบภาพตัวเองจากไอ้เด็กขี้แหยคนเก่าที่มีแต่ฝันแต่ไม่กล้าทำไปข้างหน้าเพราะกลัวแพงไม่รู้จะทำไงดี เอาแต่ก่ายหน้าผากว่ากุคงจะมีปัญญาแล้วก้อผลัดวันประกันพรุ่งมาเรื่อย ออกไปจากใจผมหมดแล้ว ตอนนี้ถึงแม้มันจะเปนการดิ้นรนอยู่แต่มันก้อเปนการดิ้นรนที่ผมมีความสุขเพราะมันเปนสิ่งเปนอาชีพที่ผมฝันครับ
ขอบคุณเพื่อนๆในพันทิพและมิตรักแฟนคลับไร้ลอคอินทุกคนที่ติดตามอ่านตัวหนังสือผมด้วยดีเสมอมา
ขอบคุณทุกคนเพื่อนวงบอยแบนด์และหลานรักพี่น้องคู่ค้าธุรกิจที่คอยยืนอยู่ข้างกันยามที่ผมลำบากช่วยเหลือกัน
ขอบคุณพ่อขอบคุณพี่สาว ที่คอยช่วยผมทุกอย่าง ด่าก่อนแล้วช่วยทีหลัง555
สุดท้ายที่สุด ผมขอบคุณตัวเอง ที่ผมยังอดทนฝ่าฝันมาได้จนจะครบ1ปีในการทำธุรกิจ โดยที่ผมไม่ตายจากอาการป่วยและกิจการเจ๊ง
เรื่องตอนนี้ผมอาจจะไม่ได้ให้สาระอะไรมากมายนะครับ แต่ผมอยากจะถ่ายทอดระบายให้ทุกคนอ่าน
กว่าจะก้าวมาถึงวันนี้ได้ผมเคยทั้งหัวเราะและร้องไห้ไปกับมัน เปนแค่เรื่องเล็กๆจากคนๆนึงที่อยากจะถ่ายทอดให้ทุกคนอ่าน
p241022@hotmail.com อีเมลรึหลังไมค์มาได้นะครับ ไม่คุยเเอ็ม
ชาวนาเจ้าของหมากากๆ
ฝากตอนล่าสุดนะครับ เรื่องของการเริ่มต้นจาก0ถึง100 V6 พลิกมุมคิดพลิกชีวิต กับ เดวิด บุญทวี อ่านฟรีไม่มีชารจ์
http://pantip.com/topic/30021248