การเงิน - การลงทุน
วันที่ 2 มกราคม 2556 09:00
โดย : กรุงเทพธุรกิจออนไลน์

สุกิจ อุดมศิริกุล กรรมการผู้จัดการและหัวหน้าฝ่ายวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย)
2 เซียนแนะกลยุทธ์ลงทุนตลาดหุ้นไทยปี"56 มองดัชนีมีโอกาสไปต่อ เป้า 1,400-1,450 จุด ครึ่งปีแรกแนะลงทุนหุ้นปันผล-หุ้นกลุ่มสินค้าโภคภัณฑ์
นายสุกิจ อุดมศิริกุล กรรมการผู้จัดการและหัวหน้าฝ่ายวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) เปิดเผยว่า โอกาสการลงทุนปี 2556 ประเมินดัชนีปรับขึ้นไปถึงระดับ 1,400-1,450 จุด โดยมีปัจจัยหนุนจากผลการดำเนินงานปี 2556 ที่คาดจะเติบโต 15-20% จากปี 2555 รวมถึงสภาพคล่องในตลาดการเงินโลกที่เพิ่มขึ้น ซึ่งพร้อมที่จะไหลเข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นทุกเมื่อ หากมีสัญญาณการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกที่ชัดเจน ถ้าผ่านไตรมาส 1 ปีนี้ ซึ่งเป็นช่วงที่รอความชัดเจนมาตรการลดหย่อนภาษีของรัฐบาลสหรัฐ (FISCAL CLIFF)
ส่วนโอกาสใหม่ของการลงทุนปี 2556 คือ การลงทุนในหุ้นที่เกี่ยวกับวัฏจักรของการลงทุนรอบใหม่ของรัฐบาล การบริโภคในเขตที่ไม่ใช่กรุงเทพฯ และปริมณฑล และการลงทุนในธุรกิจที่ต่อเนื่องจากการเกิดขึ้นของใบอนุญาต 3จี หลังจากหุ้นที่เกี่ยวข้องกับการบริโภค และมีความปลอดภัยสูง เช่น หุ้นค้าปลีก โรงพยาบาล มีการปรับตัวขึ้นมากติดต่อกันหลายปี โดยหุ้นเด่นที่จะแนะนำปีนี้ ได้แก่ เอเซียเสริมกิจ โฮมโปร แบงก์กรุงไทย ล็อกซเล่ย์ เมเจอร์ พฤกษา และหุ้นปูนซิเมนต์ไทย"
กลยุทธ์การลงทุนไตรมาส 1 ปีนี้ แนะนำให้ซื้อหุ้นที่มีความเสี่ยงต่ำ มีเงินปันผลสูง เพราะเศรษฐกิจโลกยังมีความไม่แน่นอน ส่วนไตรมาส 2 เป็นโอกาสในการซื้อหุ้นที่เกี่ยวข้องกับวัฏจักรเศรษฐกิจโลกมากขึ้น เช่น หุ้นพลังงาน หุ้นปิโตรเคมี และชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ เพราะเศรษฐกิจโลกมีโอกาสการฟื้นตัวชัดเจนขึ้น ส่งผลให้ความเสี่ยงในการลงทุนในหุ้นดังกล่าวลดลง
ด้าน นายเผดิมภพ สงเคราะห์ กรรมการผู้จัดการ บล.กสิกรไทย ให้ความเห็นว่า ปีหน้าเป็นช่วงที่ภาวะเศรษฐกิจโลกฟื้นตัว หุ้นกลุ่มสินค้าโภคภัณฑ์จะได้รับประโยชน์มากสุด ขณะที่กลุ่มอุปโภคบริโภค ส่งออก อิเล็กทรอนิกส์ ก่อสร้าง จะได้อานิสงส์จากโครงการขยายการลงทุนของภาครัฐ รวมไปถึงหุ้นขนส่ง ทั้งเดินเรือและสายการบิน เพราะได้รับปัจจัยหนุนจากเศรษฐกิจโลกดีการขนส่งก็ย่อมดีตามไปด้วย
"หุ้นที่แนะนำให้ลงทุนได้แบ่งเป็นกลุ่มพลังงานและพลังงานทดแทน ได้แก่ หุ้นปตท.โกลบอล เอสพีซีจี ปตท.สผ. อิตาเลียนไทย ช.การช่าง ซิโน-ไทย คอนสตรัคชั่น การบินไทย และ โทรีเซนไทย"
2เซียนแนะกลยุทธ์ลงทุนตลาดหุ้นไทยปี'56
วันที่ 2 มกราคม 2556 09:00
โดย : กรุงเทพธุรกิจออนไลน์
สุกิจ อุดมศิริกุล กรรมการผู้จัดการและหัวหน้าฝ่ายวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย)
2 เซียนแนะกลยุทธ์ลงทุนตลาดหุ้นไทยปี"56 มองดัชนีมีโอกาสไปต่อ เป้า 1,400-1,450 จุด ครึ่งปีแรกแนะลงทุนหุ้นปันผล-หุ้นกลุ่มสินค้าโภคภัณฑ์
นายสุกิจ อุดมศิริกุล กรรมการผู้จัดการและหัวหน้าฝ่ายวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) เปิดเผยว่า โอกาสการลงทุนปี 2556 ประเมินดัชนีปรับขึ้นไปถึงระดับ 1,400-1,450 จุด โดยมีปัจจัยหนุนจากผลการดำเนินงานปี 2556 ที่คาดจะเติบโต 15-20% จากปี 2555 รวมถึงสภาพคล่องในตลาดการเงินโลกที่เพิ่มขึ้น ซึ่งพร้อมที่จะไหลเข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นทุกเมื่อ หากมีสัญญาณการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกที่ชัดเจน ถ้าผ่านไตรมาส 1 ปีนี้ ซึ่งเป็นช่วงที่รอความชัดเจนมาตรการลดหย่อนภาษีของรัฐบาลสหรัฐ (FISCAL CLIFF)
ส่วนโอกาสใหม่ของการลงทุนปี 2556 คือ การลงทุนในหุ้นที่เกี่ยวกับวัฏจักรของการลงทุนรอบใหม่ของรัฐบาล การบริโภคในเขตที่ไม่ใช่กรุงเทพฯ และปริมณฑล และการลงทุนในธุรกิจที่ต่อเนื่องจากการเกิดขึ้นของใบอนุญาต 3จี หลังจากหุ้นที่เกี่ยวข้องกับการบริโภค และมีความปลอดภัยสูง เช่น หุ้นค้าปลีก โรงพยาบาล มีการปรับตัวขึ้นมากติดต่อกันหลายปี โดยหุ้นเด่นที่จะแนะนำปีนี้ ได้แก่ เอเซียเสริมกิจ โฮมโปร แบงก์กรุงไทย ล็อกซเล่ย์ เมเจอร์ พฤกษา และหุ้นปูนซิเมนต์ไทย"
กลยุทธ์การลงทุนไตรมาส 1 ปีนี้ แนะนำให้ซื้อหุ้นที่มีความเสี่ยงต่ำ มีเงินปันผลสูง เพราะเศรษฐกิจโลกยังมีความไม่แน่นอน ส่วนไตรมาส 2 เป็นโอกาสในการซื้อหุ้นที่เกี่ยวข้องกับวัฏจักรเศรษฐกิจโลกมากขึ้น เช่น หุ้นพลังงาน หุ้นปิโตรเคมี และชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ เพราะเศรษฐกิจโลกมีโอกาสการฟื้นตัวชัดเจนขึ้น ส่งผลให้ความเสี่ยงในการลงทุนในหุ้นดังกล่าวลดลง
ด้าน นายเผดิมภพ สงเคราะห์ กรรมการผู้จัดการ บล.กสิกรไทย ให้ความเห็นว่า ปีหน้าเป็นช่วงที่ภาวะเศรษฐกิจโลกฟื้นตัว หุ้นกลุ่มสินค้าโภคภัณฑ์จะได้รับประโยชน์มากสุด ขณะที่กลุ่มอุปโภคบริโภค ส่งออก อิเล็กทรอนิกส์ ก่อสร้าง จะได้อานิสงส์จากโครงการขยายการลงทุนของภาครัฐ รวมไปถึงหุ้นขนส่ง ทั้งเดินเรือและสายการบิน เพราะได้รับปัจจัยหนุนจากเศรษฐกิจโลกดีการขนส่งก็ย่อมดีตามไปด้วย
"หุ้นที่แนะนำให้ลงทุนได้แบ่งเป็นกลุ่มพลังงานและพลังงานทดแทน ได้แก่ หุ้นปตท.โกลบอล เอสพีซีจี ปตท.สผ. อิตาเลียนไทย ช.การช่าง ซิโน-ไทย คอนสตรัคชั่น การบินไทย และ โทรีเซนไทย"